สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1420 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1320

ไห่โจ๋ซวนรู้สึกว่าริมฝีปากของตัวแห้งผิดปกติ ต้องการอยากจะพูดคำพูดที่ไม่เหลือเยื่อใย แต่ว่าคำพูดที่ไม่มีเยื่อใดนั้นเหมือนกับก้อนหินที่อุดอยู่ในลำคอ
“น้าเชี่ย ตลอดที่ผ่านมาผมเห็นชูฉิงเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น ผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว ผมหวังว่าชูฉิงจะเข้าใจในจุดจุดนี้ ผมไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องเจ็บปวด”
มือของไห่โจ๋ซวนที่วางอยู่ด้านหลังได้กำแน่นขึ้น ในหัวสมองนั้นว่างเปล่าไปหมด เซี่ยชีหรั่นพยักหน้า:“ตอนนั้นน้าได้รับปากกับพ่อของเธอว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด ถ้าหากเป็นความต้องการของเธอ วางใจเถอะ น้าก็จะสงเคราะห์ให้เธอ”
“ขอบคุณครับน้าเชี่ย” ไห่โจ๋ซวนได้ยินเซี่ยชีหรั่นเอ่ยถึงชื่อคุณพ่อของตัวเอง เดิมทีที่จิตใจด้านชาก็แปรเปลี่ยนเป็นเจ็บจี๊ดขึ้น เย่ชูฉิง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตระกูลเย่ของคุณติดค้างผม
แล้วไห่โจ๋ซวนก็จากไป เย่ชูฉิงได้ลืมตาขั้น น้ำตานั้นได้ไหลจนแห้ง เหลือไว้เพียงดวงตาที่ว่างเปล่า เซี่ยชีหรั่นที่เจ็บปวดหัวใจ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม ต่อไปแม่ห้ามให้หนูไปหาโจ๋ซวนอีก อย่าไปทำให้เขาลำบากใจ”
“ทำไมคะ หรือว่าแม่ไม่ช่วยหนูแล้ว”เย่ชูฉิงที่เอนนอนอยู่ได้มองมาทางคุณแม่ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ถึงกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น การไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ
“แม่จะบอกอีกครั้งนะชูฉิง ว่าห้ามไปหาโจ๋ซวนอีก! มิเช่นนั้นแม่จะโกรธจริงๆด้วย” น้ำตาของเซี่ยชีหรั่นใกล้จะไหลออกมาเต็มทน มือนั้นจับที่แข้งของตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้ตัวเองนั้นร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“ไม่ หนูไม่ยอม ! หนูจะไม่ยอมปล่อยมือไปจากพี่โจ๋ซวนไปเด็ดขาด คุณแม่ไม่ดี!” เย่ชูฉิงพลิกตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งออกจากประตูจากไป แล้วร้องไห้ตลอดทาง
“ชูฉิง!” เซี่ยชีหรั่นรีบลุกขขึ้น ยื่นมืออยากจะคว้าบางอย่าง แต่กลับคว้าอะไรไม่ได้สักอย่าง เย่เชินหลินเดินเข้ามาแล้วโอบเซี่ยชีหรั่นเข้ามาในอ้อมกอด จากนั้นกล่าวเบาๆ:“ทำไมต้องฝืนตัวเองเช่นนี้”
เซี่ยชีหรั่นซบอยู่ในอ้อมกอดของเย่เชินหลินร้องไห้อย่างเงียบๆ:“นี่คือสิ่งที่ฉันติดค้างโจ๋ซวน ฉันเคยสัญญาไว้ ขอเพียงพวกเขาเอ่ยปากขอร้อง ฉันก็จะพยายามตอบสนองให้ ชูฉิง ถือว่าแม่ทำผิดต่อหนู”
เย่ชูฉิงวิ่งลงบันไดไปด้านล่าง เย่เนี่ยนโม่ตกใจรีบคว้าตัวเย่ชูฉิงไว้:“ชูฉิงเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“พวกคุณมันคนไม่ดี! ฉันไม่อยากจะสนใจพวกคุณแล้ว!”เย่ชูฉิงดิ้นออกจากมือของพี่ชายแล้วก็วิ่งออกไป เย่เนี่ยนโม่ช้าไปหนึ่งก้าว ชูฉิงได้วิ่งออกไปจนมองไม่เห็นเงาแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับชูฉิง ยังโอเคอยู่ใช่ไหม” ติงยียีเก็บกวาดทุกอย่างที่สวนหลังบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเข้ามาถาม
เย่เนี่ยนโม่หันไปมองไห่โจ๋ซวนแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม:“นายปฏิเสธเหรอ” ไห่โจ๋ซวนพยักหน้า ซ่งเมิ่นเจ๋ที่อยู่ข้างๆถูกสายตาของเย่เนี่ยนโม่ทำให้ตกใจ จึงยิ่งยืนใกล้เข้าที่หลังของไห่โจ๋ซวน
เย่เนี่ยนโม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปตำหนิการเลือกเพื่อนตัวเอง จึงได้เรียกพ่อบ้านมา ให้พ่อบ้านจัดทุกคนให้ไปตามหาชูฉิง ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมาก ชูฉิงไม่สามารถไปไหนได้ไกล
“โจ๋ซวน พวกเราก็ออกไปตามหาชูฉิงเถอะ” ซ่งเมิ่นเจ๋กล่าวอย่างเบาๆด้วยสีหน้าที่ยังแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ตื่นจากภาพจูบในจินตนาการเมื่อสักครู่
“พรุ่งนี้ยังมีคาบเรียนอีก ผมส่งคุณกลับไปก่อน ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคุณจะเป็นห่วง” ไห่โจ๋ซวนจูงมือของซ่งเมิ่นเจ๋แล้วออกจากประตูไป
เย่เนี่ยนโม่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แต่ก็กลับไม่ได้พูดอะไร โจ๋ซวนเขามีทางเลือกของตัวเอง ต้องโทษจ้องสาวของตัวเองที่รักคนผิด
ไห่โจ๋ซวนขับรถไปส่งซ่งเมิ่นเจ๋ถึงบ้าน ส้งซูหาวได้เรียกหยุดไห่โจ๋ซวน “คุณคบกับลูกสาวของผมเหรอ”
ซ่งเมิ่นเจ๋แนบชิดอยู่ข้างกายไห่โจ๋ซวนอย่างเหนียมอาย ไม่กล้าสบตากับพ่อตัวเอง รู้สึกเขินเล็กน้อย ส้งซูหาวค่อนข้างพอใจไห่โจ๋ซวน ถึงแม้ว่าตระกูลไห่จะค่อนข้างโดดเดี่ยวเงียบเหงาเนื่องจากการเสียชีวิตของไห่ลี่หมิน แต่ทว่าทางบ้านของเย่เชินหลินก็ดูแลไห่โจ๋ซวนเป็นเหมือนลูกเป็นลูกแท้ๆของตัวเอง ต่อไปถ้ามีลูกเขยอย่างไห่โจ๋ซวนก็ไม่เลวทีเดียว
“คุณลุงส้ง ผมไม่ได้คบกับลูกสาวของท่านครับ” ไห่โจ๋ซวนกล่าวเบาๆ เซียวเสี่ยวลี่ที่อยู่ข้างๆยกยิ้มเยาะขึ้น ลูกสาวนอกสมรสเป็นเพียงนกกระจอกอยากจะกลายเป็นหงส์ หึ!
“โจ๋ซวน เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ คุณไม่ใช่จูฉันต่อหน้าชูฉิงเหรอ แล้วพูดคำเหล่านั้นอีก ฉันคิดว่าคุณคิดกับฉัน” ซ่งเมิ่นเจ๋ถอยไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง ต้องการเห็นใบหน้าที่จัดเจนของไห่โจ๋ซวน
“เมิ่นเจ๋ เมื่อสักครู่นั้นต้องขอขอบคุณคุณมาก ต่อไปยังโอกาสที่ต้องการให้คุณทำแบบนี้อีกมาก คุณเต็มใจไหม” สำหรับส้งเมิ่นเจ๋ แม้แต่คำโกหกไห่โจ๋ซวนก็ขี้เกียจที่จะพูด ใกล้เข้าไปหาซ่งเมิ่นเจ๋ ไห่โจ๋ซวนถามขึ้นเบาๆ
:“คุณชอบฉันไหม” ซ่งเมิ่นเจ๋ปากสั่นถามกลับไป ไห่โจ๋ซวนยิ้มขึ้น จัดระเบียบผมที่ถูกลมพัดรุงรังให้กับซ่งเมิ่นเจ๋ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนขึ้น:“ราตรีสวัสดิ์”
ไห่โจ๋ซวนนั่งเข้าไปในรถแล้วก็ขับรถอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ออกมาจากบ้านบ้านตระกูลส้งแล้ว ก็ได้จอดรถขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วก็ตบเข้าที่พวงมาลัยอย่างแรง สมควรตาย ทำไมหัวใจของเขาถึงเจ็บปวดจนไม่สามารถหายใจได้!
โทรศัพท์ดังขึ้น เสียงของเย่เนี่ยนโม่ที่แฝงด้วยความร้อนรน :“ชูฉิงหายตัวไปแล้ว”
อะไรคือหายตัวไป! รถของไห่โจ๋ซวนพุ่งออกไปราวกับธนูมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลเย่
ณ บ้านตระกูลเย่
ติงยียีนั่งอยู่บนรถมองเย่เนี่ยนโม่วางสายโทรศัพท์ มองไปรอบๆอย่างเป็นกังวล:“แปลกจัง เย่ชูฉิงวิ่งไปที่ไหนกัน!”
เสียงบอดี้การ์ดออกมาจากวิทยุสื่อสารอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณหนูในเขตที่หนึ่ง
ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณหนูในเขตที่สอง
ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณหนูในเขตที่สาม
เย่เนี่ยนโม่ตบใส่แตรอย่างจัง แล้วก็หยุดรถกะทันหัน จนกระทั่งเซี่ยชีหรั่นกรีดร้องขึ้นทันใด
“นี่ไม่ใช่รองเท้าของชูฉิงเหรอ” ติงยียีรีบลงจากรถไปเก็บรองเท้าที่อยู่บนพื้น เย่เนี่ยนโม่พูดกับเธอด้วยสีหน้าที่คร่ำเครียด :“รอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว แจ้งความเลย”
“หือ !ไม่ใช่นิ รออีกแป๊บ!” ติงยียีล้วงโทรศัพท์ออกมา ที่แท้ในโทรศัพท์นั้นมีข้อความหนึ่งข้อความ เพราะเธอนั้นเป็นห่วงมากเกินไป จึงไม่ได้สังเกตดูโทรศัพท์
“พี่ยียี ช่วยบอกกับพี่ชายและคุณแม่หน่อยว่าฉันอยู่ที่บ้านของเพื่อน” ติงยียีดูข้อความแล้วถามเย่เนี่ยนโม่ด้วยใบหน้าที่เขียวคล้ำ:“ชูฉิงมีเพื่อนที่ไหนหรือเปล่า”
เย่เนี่ยนโม่ส่ายหน้า นิสัยของชูฉิงนั้นค่อนข้างระมัดระวังตัว มีเพื่อนที่ไหนกัน แล้วหันหน้ามาคุยกับเธอ:“ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้พวกเราก็ไม่มีข้อมูลอะไรสักอย่าง ไม่มีทางที่จะสามารถหาเบาะแสของเธอได้เลย กลับบ้านผมก่อนแล้วกัน”
มีแสงที่แยงตาจากด้านหน้า รถออฟโรดคันหนึ่งที่ขับด้วยความเร็วอย่างน่าตกใจ จานนั้นเลี้ยวโค้งหยุดกะทันหัน ไห่โจ๋ซวนลงจากรถ ก้าวเท้าใหญ่เดินมาที่ด้านหน้าของคนทั้งคู่:“เกิดอะไรขึ้น”
“หาไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน” เย่เนี่ยนโม่กล่าวอย่างใจเย็น ติงยียีจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ เพิ่งอ่านข้อความของชูฉิงมาหยกๆ ทำไมเขาต้องโกหกไห่โจ๋ซวนด้วย
ไห่โจ๋ซวนสูดอากาศเย็นเข้าไปหนึ่งฟอด หันหลังแล้วจะจากไป:“ผมจะไปตามหาเธอ!” ติงยียีมองรถที่พุ่งทะยานราวกับลูกศรด้วยความเป็นห่วง จึงกล่าวขึ้นอย่างกังวลว่า:“ดึกขนาดนี้แล้วจะอันตรายไหม”
เย่เนี่ยนโม่ที่หันหลังไปแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นร่างจึงได้หยุดชะงักขึ้น :“ชูฉิงบางทีก็อาจจะเกิดอันตราย” รู้สึกถึงความเย็นชาในคำพูดของเขา ติงยียีจึงขึ้นรถไปอย่างเงียบๆ
ณ บ้านตระกูลเย่ เซี่ยชีหรั่นนั่งอยู่ข้างๆ อ้าวเสว่ก็นั่งปลอบอยู่ข้างๆ เย่เชินหลินนั่งโทรศัพท์อยู่ข้างๆ “อืม ได้ ขอบคุณมากครับผู้อำนวยการจาง พาลูกน้องไปทานข้าวดีๆสักมื้อนะครับ ผมเลี้ยง”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง เย่เชินหลินพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“กล้องวงจรปิดได้ถ่ายภาพของเธอขึ้นรถรถปอร์เช่สีน้ำเงินคันหนึ่ง”
“เมื่อสักครู่ยียีก็ได้รับข้อความจากชูฉิง เธอบอกว่าปลอดภัยดี” เย่เนี่ยนโม่พูดเสริมขึ้น อ้าวเสว่ได้ยินชื่อ‘ยียี’สองคำนี้ ก็ได้เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็รีบหันหน้าไปมองเซี่ยชีหรั่น
“หรือว่าจะเป็นเพื่อนคะ” อ้าวเสว่กล่าว เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า คิ้วขมวดแน่นขึ้น:“ไม่มีทาง เด็กคนนี้เป็นคนเก็บตัว ไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนที่ไหน อีกทั้งจากในเมืองมาที่นี่ก็เกือบหนึ่งชั่วโมง เวลาสั้นขนาดนั้นทำไมถึงมาได้ทัน”
ติงยียีสูดลมหายใจเข้า:“หรือว่ามีคนติดตามเธอตลอดเวลา” ในห้องโถงทุกคนต่างเงียบ เพราะสิ่งที่ติงยียีพูดเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
“แม่ครับ แม่ไปพักผ่อนก่อน ตอนนี้ก็ใกล้เช้าแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที” ”เย่เนี่ยนโม่บีบที่จมูกแล้วพูดอย่างอ่อนเพลีย
เย่เชินหลินดึงเซี่ยชีหรั่นที่ใบหน้ามืดมนคร่ำเครียดมาซบในอกตัวเอง แล้วพาขึ้นตึกโดยไม่พูดอะไร เย่เนี่ยนโม่มองอย่างเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่แผ่นหลังของพวกเขาไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับตอนเด็กๆ
“อย่างนั้นฉันก็กลับก่อนนะ” ติงยียีหยิบกระเป๋าตัวเองจากมือของพ่อบ้าน เย่เนี่ยนโม่โบกมือปฏิเสธ:“อย่าเลย เวลาเช่นนี้คุณกลับไปก็เช้าแล้ว นอนค้างที่บ้านเถอะ”
อ้าวเสว่กลอกตาใส่หนึ่งรอบ แล้วพูดเสริมคำพูดของเขา:“ใช่ๆ ยียี ชูฉิงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เธอพักที่นี่สักคืนจะดีกว่านะ”
บรรยากาศที่ผ่อนคลายเมื่อสักครู่ เพราะคำพูดของอ้าวเสว่ทำให้เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งขึ้นอีกครั้ง พ่อบ้านรีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อทำให้บรรเทาบรรยากาศ:“คุณหนูติงยียี กระผมจะพาคุณไปที่ห้องรับรองแขกครับ”
ติงยียีรู้ว่าอารมณ์ของทุกคนนั้นค่อนข้างแย่ ก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ พ่อบ้านพาเธอไปที่ห้องๆหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น:“เพราะว่าวันนี้คุณชายโม่สองสามีภรรยาและคุณอ้าวเสว่ได้พักที่กันหมด จึงเหลือเพียงห้องนี้ห้องเดียวที่ได้ทำความสะอาด คุณก็ฝืนทนอยู่ไปก่อนแล้วกันนะครับ”
ติงยียีเห็นห้องนอนแล้วถึงกับพูดไม่ออก ห้องที่ประมาณหนึ่งร้อยตารางเมตร แต่เฟอร์นิเจอร์กับครบครัน กลับบอกว่าให้ทนๆฝืนอยู่ เมื่อพ่อบ้านจากไปแล้ว ติงยียีกระโจนใส่เตียงที่นุ่มนิ่ม พลิกตัวไปมาอยู่หลายรอบแล้วก็นอนสลบไสลไป
“คุณอย่าฝืนใจเธอ มิเช่นนั้นต่อไปผมจะไม่ช่วยคุณอีก” ในความงัวเงียติงยียีเหมือนได้ยินเสียงดังลอยมาจากระเบียง จึงลุกขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ติงยียีเปิดหน้าต่างออก อ้าวเสว่ที่อยู่ข้างๆตกใจขึ้น ถามอย่างตะกุกตะกัก:“เธอได้ยินอะไรบ้าง”
ติงยียีถูกการกระทำของเธอทำให้ตกใจ จนความง่วงนั้นหายไปหมด จึงได้พูดตะกุกตะกักตาม:“ฉัน…..ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”
“ออๆ อย่างนั้นก็ดี” อ้าวเสว่ยิ้มขึ้น แล้วก็หันหลังเข้าไปในห้อง ติงยียีก็นอนไม่หลับ พลิกตัวลงจากเตียงจากไปรินน้ำดื่มที่ห้องครัว
เดินตามหาห้องครัวตามความจำของตัวเองในวันนี้ ติงยียีจับไปมาที่ตู้เย็นขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า จับอย่างไรก็หาที่เปิดไม่เจอ
“คุณทำอะไร” เสียงเบาๆดังขึ้นในความมืด ติงยียีตกใจแล้วหันไปมอง เย่เนี่ยนโม่จ้องมองเธออย่างแน่วนิ่ง
บนโต๊ะยังมีแก้วไวน์และไวน์อีกครึ่งขวด กลิ่นจางๆของไวน์แผ่กระจายทั่วห้องครัว และเย่เนี่ยนโม่ที่อยู่ห้องครัวมาโดยตลอด เห็นเธอที่ลับๆล่อๆควานจับไปมาก็ไม่ได้ส่งเสียงเตือนแต่อย่างใด จนกระทั่งติงยียีหาทางเปิดไม่เจอถึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset