สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1448 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่1348

“เธอทำอะไร!” พอเย่เนี่ยนโม่รีบเดินไปข้างหน้า อ้าวเสว่ก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขา แล้วพึมพำว่า “ฉันนึกว่าคุณจะจากฉันไปซะแล้ว ดังนั้นฉันจึงอยากจะไปหาคุณ”
“ผมจะไม่จากไปไหนหรอก ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” เย่เนี่ยนโม่มองตาของเธอ จากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไป พูดกับม่านหน้าต่างข้างหลังเธออย่างแผ่วเบา
อ้าวเสว่ไม่ได้สังเกตเห็น แต่ขดอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเงียบๆ ในขณะที่มองผ้าพันแผลสีขาวบนข้อมืออยู่ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมากไม่ใช่หรือไง? แม่ หนูต้องขอบคุณแม่จริงๆ!
ในขณะที่สวีเห้าเซิงมองคนทั้งสองคนที่กำลังโอบกอดกัน เขาก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ แล้วออกจากห้องเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับทั้งสองคน ในระเบียงทางเดิน ขณะที่ซ่งเมิ่นเจ๋กำลังวิ่งอย่างรีบร้อนอยู่ ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน เธอจึงรีบถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณรู้ไหมคะว่าห้องผ่าตัดอยู่ที่ไหน?”
“ห้องผ่าตัดเหรอครับ?” ในขณะที่สวีเห้าเซิงกำลังคิดว่าตัวเองเหมือนจะเคยเห็นว่าอยู่ที่ไหนนั้น ก็เห็นเด็ผู้หญิงคนนี้ร้องไห้อย่างกระวนกระวายใจขึ้นมาเสียแล้ว เขาจึงพูดว่า “ผมจะพาหนูไปนะ”
นอกห้องผ่าตัด หมอส่ายหัวให้ติงยียีและพูดว่า “ไม่ได้ครับ คุณกับพ่อของคุณกรุ๊ปเลือดไม่ตรงกันครับ”
“เป็นไปได้ยังไงคะ!” ติงยียีเหยียดแขนของตัวเองออกมาด้วยความร้อนใจแล้วพูดว่า “มีอะไรผิดพลาดไปแล้วหรือเปล่าคะ ฉัน ฉันมั่นใจว่าฉันเป็นลูกที่เกิดมาจากพ่อของฉันนะคะ!”
หมอจึงพูดปลอบใจเธอว่า “กรุ๊ปเลือดของคุณคือกรุ๊ปเลือดRhที่ค่อนข้างหายาก พ่อของคุณคือกรุ๊ปเลือด A เป็นไปได้ว่าคุณกับแม่ของคุณอาจจะมีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน นี่เป็นเรื่องปกติมากครับ”
“ยียี!” ซ่งเมิ่นเจ๋ได้ยินคำพูดของหมอเข้า จึงเดินตรงไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ใช้เลือดของฉันก็ได้ค่ะ ฉันมีเลือดกรุ๊ป A!” หมอมองซ่งเมิ่นเจ๋ แล้วส่ายหน้าและพูดว่า “คุณผอมเกินไป ดูก็รู้ว่าไม่ถึง 90 จิน ไม่ได้หรอกครับ”
ในขณะที่สวีเห้าเซิงกำลังมองติงยียี เขายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟที่เคยพบกับตัวเองในโรงแรมตี้เหาหรอกหรือ? เขามีความประทับใจที่ดีต่อเธอ จึงพูดกับหมอว่า “ใช้เลือดของผมเถอะครับ ผมก็มีเลือดกรุ๊ป A เหมือนกัน”
ซ่งเมิ่นเจ๋กับติงยียีต่างก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ ติงยียีจำเขาไม่ได้ แต่ก็ยังพูดขอบคุณจากใจจริง “ขอบคุณคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ”
ในห้องเจาะเลือดขณะที่มองดูหมอถือถุงเลือดไป ติงยียีก็มองไปที่สวีเห้าเซิงด้วยความซาบซึ้งใจ และโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งแล้วพูดว่า “ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆค่ะ ฉันจะไปซื้อนมให้คุณสักหน่อยนะคะ”
สวีเห้าเซิงโบกมือไปมา เมื่อเห็นเด็กสาวที่รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตรงหน้า ในใจของเขาก็มีความรู้สึกเวทนาสงสารอย่างลุ่มลึกอยู่บ้างเล็กน้อย อ้าวเสว่กับเธออายุเท่าๆกัน เมื่อไหร่ที่เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเหมือนเด็กผู้หญิงคนนี้ได้บ้างก็คงดี เขาโบกมือเพื่อบอกกับติงยียีเป็นนัยๆว่าตัวเองต้องการพักผ่อนสักหน่อย แล้วสวีเห้าเซิงก็หลับตาลง
“ยียี เธอจะบอกเรื่องนี้กับเย่เนี่ยนโม่ไหม?” ซ่งเมิ่นเจ๋ถาม ติงยียีมีสภาพจิตใจที่ไม่ปกติมาสองสามวันแล้ว เธอถามตั้งหลายครั้ง ติงยียีจึงบอกตัวเองว่าเย่เนี่ยนโม่มาสารภาพรักกับเธอ เธอเองก็ตกตะลึงเช่นกัน สำหรับเรื่องเยเนี่ยนโม่กับติงยียี เธอมองว่ามันไม่โอเคมาโดยตลอด เย่เนี่ยนโม่ดีเกินไป ซึ่งนี่ก็มีความหมายที่แสดงถึงความไม่แน่นอนมากมาย
หลังจากที่สวีเห้าเซิงได้ยินชื่อของเย่เนี่ยนโม่ก็อดที่จะขยับร่างกายไม่ได้ เด็กผู้หญิงทั้งสองคนนึกว่าพูดคุยกันเสียงดังจนทำให้เขาตื่นเสียแล้ว พวกเธอจึงหุบปากทันที ผ่านไปสักพักเมื่อเห็นว่าสวีเห้าเซิงหลับสนิทแล้ว พวกเธอจึงเริ่มพูดคุยกันใหม่อีกครั้ง
ซ่งเมิ่นเจ๋เห็นท่าทางนี้ของเธอก็รู้ว่าต้องมีเรื่องไม่เข้าท่าเกิดขึ้นแน่ เธอจึงสูดหายใจเข้าแล้วพูดว่า “เธอบอกเขาแล้ว แต่เขากลับไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ?”
ติงยียีรู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่ง เธอโง่แค่ไหนที่คิดว่าเย่เนี่ยนโม่จะชอบเธอขึ้นมาจริงๆ เมื่อสักครู่นี้เธอก็ได้สร้างเรื่องให้ตัวเองเสียหน้าเสียแล้ว
“เมิ่นเจ๋ ไม่ต้องพูดแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฉันที่คิดไปเองฝ่ายเดียวเท่านั้น” ติงยียียิ้มและส่ายหน้าไปมา ไม่รู้ว่าทำไมในหัวใจของเธอถึงได้ว่างเปล่าเช่นนี้
สวีเห้าเซิงลืมตาขึ้นมามองติงยียี ถ้าเขาไม่แปลกใจเลยก็คงจะโกหก เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าเย่เนี่ยนโม่มีใครคนหนึ่งอยู่ในใจ เขารักเธอ เธอไม่ได้คิดไปเองเหมือนที่เด็กผู้หญิงคนนี้พูดมาเมื่อสักครู่นี้อย่างแน่นอน และดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะยังไม่รู้จิตใจของตัวเองเลย
สวีเห้าเซิงทอดถอนหายใจอยู่อย่างเงียบๆ ชดเชยให้อ้าวเสว่ เขาทำได้เพียงขอร้องเนี่ยนโม่ ส่วนการชดเชยให้เด็กคนนี้ ก็ใช้คืนด้วยวิธีอื่นก็แล้วกัน
“อ่า ทำไมหัวของฉันถึงได้รู้สึกวิงเวียนอย่างนี้” สวีเห้าเซิงลืมตาขึ้นมาเอามือจับไปที่ศีรษะและพูด ติงยียีกับซ่งเมิ่นเจ๋จึงรีบไปข้างหน้า
สวีเห้าเซิงยิ้มให้ติงยียี แล้วพูดว่า “ผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย รบกวนคุณช่วยพาผมออกไปสูดอากาศข้างนอกได้หรือเปล่าครับ?”
“ได้แน่นอนค่ะ!” ติงยียีรีบขอให้ซ่งเมิ่นเจ๋ช่วยไปดูห้องผ่าตัดให้ตัวเอง คนแปลกหน้าคนหนึ่งช่วยตัวเองถึงขนาดนี้ เธอจะต้องตอบแทนเขาให้เป็นอย่างดีอย่างแน่นอน
หลังจากที่ติงยียีประคองสวีเห้าเซิงออกไปแล้ว ร่างร่างหนึ่งก็พุ่งกระโจนเข้ามา ไห่โจ๋ซวนพูดอย่างกระวนกระวายใจว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ ตำรวจจราจรที่ที่อยู่ถนนหลงฉวนบอกให้ฉันมาที่โรงพยาบาล”
“พ่อของยียีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วน่ะสิ” ซ่งเมิ่นเจ๋มองเขาด้วยความหลงใหล โดยที่ไม่ได้คิดลึกๆไปว่าทำไมไห่โจ๋ซวนถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้
แต่ทว่าไห่โจ๋ซวนกลับคิดมากว่า ทำไมเย่เนี่ยนโม่ถึงรู้ได้ว่าพ่อของติงยียีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และทำไมเย่เนี่ยนโม่ถึงให้ตัวเองไปที่ถนนหลงฉวนอย่างกระวนกระวายใจขนาดนั้น?
“โจ๋ซวน นายช่วยไปบอกเย่เนี่ยนโม่ด้วยว่า ถ้าไม่ชอบ ก็อย่ามาสารภาพรักกับยียีตั้งแต่แรก เธอไม่ใช่ตุ๊กตาของเล่นของคนรวยหรอกนะ” ซ่งเมิ่นเจ๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเจ็บใจแทนเพื่อนสนิทของตัวเอง
“สารภาพรักเหรอ? เย่เนี่ยนโม่สารภาพรักกับติงยียีเหรอ?” ไห่โจ๋ซวนรู้แจ้งแล้ว มิน่าล่ะเขาถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่เย่เนี่ยนโม่มองติงยียีมันแปลกๆ มิน่าล่ะเขาถึงได้ผิดปรกติมากขนาดนั้น เช่นนั้นอ้าวเสว่จะทำอย่างไร? ไม่ใช่ว่าเขาได้เสียเบี้ยที่ใช้ในการแก้แค้นตระกูลเย่ไปตัวหนึ่งแล้วหรือ?
“โจ๋ซวนนายเป็นอะไรไป?” ซ่งเมิ่นเจ๋มองเขาด้วยความกังวลใจ แล้วไห่โจ๋ซวนก็หันมายิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไร จู่ๆฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีธุระสำคัญ ถ้าคุณลุงตื่นแล้วอย่าลืมบอกฉันด้วยนะ”
ไห่โจ๋ซวนพูดไปพร้อมกับสาวเท้าก้าวไปทางประตู ในตอนนี้เขาต้องคิดให้ดีดีสักหน่อยอย่างใจเย็นว่าขั้นต่อไปเขาควรจะเดินไปอย่างไร
“ไห่โจ๋ซวน!” ซ่งเมิ่นเจ๋ตะโกนเรียกเขาด้วยชื่อและนามสกุล ไห่โจ๋ซวนจึงหยุดฝีเท้าลงแล้วหันไปมองเธอ ซ่งเมิ่นเจ๋ถามว่า “นายไม่เคยมองฉันอยู่ในสายตาของนายเลย จริงๆแล้วนายชอบชูฉิงใช่ไหม?”
ไห่โจ๋ซวนเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าเธออย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แล้วลูบศีรษะของเธอ และพูดว่า “ฉันชอบท่าทางที่อ่อนโยนและน่ารักของคุณมากกว่า”
ซ่งเมิ่นเจ๋ที่กำลังเตรียมพร้อมจะรับฟังคำตอบที่โหดร้ายมาก่อนหน้านี้แล้วจำต้องโยนเกราะป้องกันของตัวเองทิ้งไปอีกครั้งเพราะคำพูดที่หวานหูของเขา ใบหน้าก็แดงขึ้นมา เธอจึงพูดด้วยเสียงต่ำๆว่า “พ่อของฉันจัดการนัดบอดให้ฉันแล้ว”
“อ่อ งั้นเหรอ?” ไห่โจ๋ซวนตอบไปแบบไม่ใส่ใจ ซ่งเมิ่นเจ๋ขอบตาแดง แล้วจึงพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ลองบอกกับนายดูเท่านั้น”
ทางด้านนี้อึดอัดเป็นอย่างมาก ส่วนติงยียีที่อยู่ทางด้านนั้นกำลังประคองสวีเห้าเซิงอยู่ สวีเห้าเซิงจงใจชี้ให้เธอพาเดินไปที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งในห้องฉุกเฉิน อ้าวเสว่ยังคงขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่เนี่ยนโม่และไม่ยอมปล่อยมือ
“เธอต้องเปลี่ยนน้ำยาแล้ว ปล่อยมือเถอะ” ในหัวใจของเย่เนี่ยนโม่มีแต่ติงยียีอยู่ตลอดเวลา เขากังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอจึงได้รู้สึกเป็นห่วงเธอจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
“ฉันไม่อยากปล่อยมือ ตอนนี้ฉันมีความสุขมากเลย” อ้าวเสว่ถูไถไปมา และพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวล ในขณะที่สวีเห้าเซิงกำลังมองไปที่ใบหน้าไร้อารมณ์ของติงยียี ก็ตำหนิตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด เด็กน้อยเอ๋ย ไว้ฉันจะชดใช้ให้เธอด้วยวิธีอื่นนะ
สวีเห้าเซิงดึงแขนเสื้อของติงยียี ติงยียีจึงยิ้มให้เขา แล้วพูดว่า “ฉันคงจำคนผิดแล้ว ที่นั่นมีคนหนึ่งหน้าตาเหมือนเพื่อนของฉันมากน่ะค่ะ”
ทั้งสองเดินไปที่สนามหญ้าหน้าโรงพยาบาล ติงยียีกำลังนั่งมองดอกไม้และต้นหญ้าอยู่ข้างๆอย่างเหม่อลอย เธอไม่ชอบเย่เนี่ยนโม่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอชอบให้คนมาล้อเล่นแบบนี้
เขายื่นเช็คใบหนึ่งมาให้เธอ หลังจากที่ติงยียีเห็นจำนวนเงินบนเช็คก็รีบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ “นี่คุณทำอะไรคะ?”
“หนู ผมรู้สึกว่าผมถูกชะตากับหนูมาก นี่คือน้ำใจเล็กน้อยจากผมหนูรับไปเถอะ” สวีเห้าเซิงยื่นเช็คไปข้างหน้า
ติงยียีรีบบอกปัดไปว่า “เมื่อกี้คุณก็ถ่ายเลือดให้พ่อของฉันก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว แบบนี้ฉันต้องรู้สึกละอายใจไปจนตายแน่ๆ”
“ก็ถือว่าผมให้หนูยืมก็แล้วกัน คิดดูดีดีนะ ตอนนี้พ่อของหนูต้องได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ตอนนี้หนูต้องใช้เงินไม่ใช่เหรอ?” สวีเห้าเซิงชื่นชมในจิตใจที่กตัญญูและหลักการในการเป็นคนดีของเธอ และเขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้นเรื่อยๆอยู่ในใจ
“งั้นฉันจะเขียนหลักฐานการยืมเงินให้คุณ” ติงยียียืนกรานที่จะเขียนหลักฐานการยืมเงินให้เขาหนึ่งแผ่น ตอนที่ก้มหน้าลงไปน้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะหยดลงไปกระทบบนกระดาษ เมื่อโลกใบนี้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากผู้อื่น มันก็ไม่สามารถเข้มแข็งได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ
พระอาทิตย์ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ เย่เนี่ยนโม่ที่ไม่ได้หลับตานอนทั้งคืนค่อยๆปล่อยอ้าวเสว่แล้วก็เดินออกไปข้างนอก สวีเห้าเซิงจึงถามว่า “เนี่ยนโม่จะไปไหนเหรอ?”
“ไปหาเพื่อนที่สำคัญมากคนหนึ่งครับ” เย่เนี่ยนโม่สาวเท้าก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วสวีเห้าเซิงก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆอยู่ข้างหลังเขา
ติงยียีกำลังถือเสื้อผ้าที่จะเอาไปเปลี่ยนออกมาจากในบ้านพอดี พอออกไปข้างนอกก็ถูกเย่เนี่ยนโม่ขวางทางเอาไว้อยู่หน้าประตูบ้าน “ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เนี่ยนโม่ถาม
“ไม่เป็นไร” ติงยียียิ้ม แล้วเดินหลีกออกไป เย่เนี่ยนโม่จึงหันมือกลับไปจับมือเธอไว้ แล้วพูดว่า “เมื่อวานฉันมีธุระที่สำคัญมากจริงๆ ขอโทษนะ”
ธุระที่สำคัญมาก แน่นอนว่าเธอรู้ อ้าวเสว่ก็เข้าโรงพยาบาลเหมือนกันนี่นา ผู้ชายที่พูดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองกับเธอเป็นอดีตไปแล้วคนนี้กลับรีบไปหาเธอเป็นคนแรก
“ไม่เป็นไรหรอก เมื่อวานฉันก็แค่ลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย และบังเอิญว่าจำเบอร์โทรศัพท์ของนายได้ ฉันก็เลยโทรไปก็เท่านั้น” ติงยียีถือกระเป๋าแล้วกำลังจะเดินออกไป
แขนของเธอก็ถูกเขาจับเอาไว้อีกครั้งและไม่ยอมปล่อย ติงยียีจึงโมโหเดือดดาลขึ้นมา “เย่เนี่ยนโม่ตกลงนายคิดยังไงกันแน่ ช่วยอยู่ให้ห่างฉันหน่อยจะได้ไหม!”
แล้วกระเป๋าก็ถูกเปิดออก และเผยให้เห็นเสื้อผ้าที่จะเอาไปเปลี่ยนของติงต้าเฉินอยู่ข้างใน เย่เนี่ยนโม่จึงขมวดคิ้วและพูดว่า “ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“เสแสร้งดัดจริต” ในขณะที่ติงยียีกำลังนั่งลงไปเก็บเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้น น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะหยดลงมา ตอนที่เธอต้องการเพื่อนมากที่สุดเขาก็ไม่มา ตอนนี้ยังมีหน้ามาถามตัวเองว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก น่าตลกเกินไปแล้วจริงๆ
เย่เนี่ยนโม่จึงนั่งยองๆลง แล้วเอาเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันก็จะพูดว่าฉันขอโทษ”
“ไม่ต้องแล้ว ให้ตายสิ จริงๆแล้วฉันก็รำคาญใจมากเหมือนกัน ฉันอยากบอกนายตลอดว่าคนที่ฉันชอบคือเย่ชูหวิน แต่นายก็ชอบมากวนใจฉันอยู่ตลอดเวลาเลย นายรู้ไหมว่า นายมันน่ารำคาญมากจริงๆ!” ติงยียีพูดเสียงดัง บ้านสองสามหลังที่อยู่โดยรอบจึงโผล่ศีรษะออกมาดูจากทางหน้าต่าง
ในขณะที่เย่เนี่ยนโม่กำลังเม้มริมฝีปากแน่น ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปดึงติงยียีให้เข้ามาใกล้ๆ เธอจึงโซเซเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เย่เนี่ยนโม่ยกคางของเธอขึ้นมา แล้วจูบลงไปอย่างดูดดื่ม
หลังจากที่พลิกกลับไปกลับมาและบดเบียดไปมา เย่เนี่ยนโม่ก็ลู่ตามองดูเธอ สองอยู่ใกล้มากจนรู้สึกได้ถึงการหายใจของอีกฝ่าย และได้เห็นว่าบนใบหน้าของอีกฝ่ายมีการแสดงออกเช่นไร

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset