สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1450 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1350

อ้าวเสว่ไม่สนใจอะไร แน่นอนว่าติงยียีคงจะกลัวที่จะทำเรื่องพวกนี้แล้ว แต่ทว่าแบบนี้มันก็ตรงกับความต้องการของจิตใจของเธอพอดี
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ้าวเสว่จึงรับสาย “ลุงสวี”
“เสี่ยวเสว่อ่า รู้สึกเป็นยังไงบ้าง ”จะต้องพยายามทานยาพวกนั้นต่อไปนะรู้ไหม?” สวีเห้าเซิงได้ยินเสียงของอ้าวเสว่ดูเหมือนจะฟื้นคืนกลับมาฉลาดปราดเปรียวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจมาก
พออ้าวเสว่วางสายโทรศัพท์ลง แล้วก็หยิบขวดยาขนาดใหญ่สองสามขวดกับน้ำออกมาจากในกระเป๋า แล้วเปิดโทรศัพท์เพื่อบันทึกวิดีโอ
“เธอกำลังทำอะไร!”เหยนหมิงเย้ากำลังเข้ามาในห้องทำงาน จึงรีบเดินไปข้างหน้าแล้วหยิบยาขึ้นมาดูแล้วดูอีก แล้วจึงพูดว่า “โรคซึมเศร้า?”
“นายคิดว่าเป็นไปได้ไหม?” อ้าวเสว่เหล่มองเขา แล้วจัดทรงผมของตัวเอง “ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เหยนหมิงเย้าคว้าโทรศัพท์มา แล้วพูดด้วยความโมโหจนตัวสั่นเล็กน้อย
อ้าวเสว่มองเขาอย่างประหลาดใจ และคิดว่าเขาควบคุมเธอมากเกินไป จึงพูดอย่างเฉยเมยว่า “ต่อจากนี้ไปฉันจะต้องแสดงเป็นผู้ป่วยโรงซึมเศร้าคนหนึ่ง ฉันต้องแสร้งทำเป็นคนบ้าและโง่เขลาเพื่อรักษาความรักของฉัน”
“เธอมันบ้าไปแล้วจริงๆ” เหยนหมิงเย้าบ่นพึมพำ อ้าวเสว่ยิ้มและมองเขา เธอหยิบโทรศัพท์มาแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดวิดีโอ เธอเทเม็ดยาที่อยู่ในขวดแต่ละขวดออกมาแล้วพูดกับกล้องว่า “เนี่ยนโม่คุณดูสิฉันว่าง่ายมากเลยนะ ฉันตั้งใจทานยาด้วยนะ”
เหยนหมิงเย้ามองดูเธอโยนโทรศัพท์ทิ้งไปหลังจากที่ส่งวิดีโอที่เธอถ่ายเสร็จแล้วออกไป แล้วเริ่มใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปในคอของตัวเองเพื่อเอายาเม็ดที่กินเข้าไปออกมา
“แค่กๆๆ” อ้าวเสว่ไออย่างรุนแรง และกำคอของเธออย่างสุดชีวิต เหยนหมิงเย้าก็ทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและกอดเธออย่างแรง แล้วกดเธอเข้าไปในอ้อมแขนของตัวเองแน่นๆ
“อย่าทรมานตัวเองแบบนี้เลย นั่นก็เป็นแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้น! แล้วความเย่อหยิ่งของเธอล่ะ ความเย่อหยิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของผู้หญิงที่ชื่ออ้าวเสว่คนนั้นที่ฉันเห็นเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็กล่ะ!”
อ้าวเสว่ผลักเธอออกไป แล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ ความเย่อหยิ่ง นั่นเป็นคำที่น่าตลกคำหนึ่ง ไม่มีความรัก ความเย่อหยิ่งก็เป็นเพียงสิ่งที่ต่ำต้อยด้อยค่า
“ฉันจะไปบอกเย่เนี่ยนโม่ ฉันจะปล่อยให้เธอเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว” เหยนหมิงเย้าหันหลังและคิดจะเดินไป
“นายก็ไปบอกเขาได้เลย ถ้านายอยากจะเห็นฉันตาย” อ้าวเสว่พูดอยู่ข้างหลังเขา
เหยนหมิงเย้าหันหลังกลับมาในทันที อ้าวเสว่ถอดนาฬิกาออก แผลเป็นที่สดใหม่กำลังบิดๆเบี้ยวๆอยู่ ผิวหนังโดยรอบยับยู่ยี่เข้าหากันเพราะตกสะเก็ดแล้ว
“เธอบ้าไปแล้วจริงๆ! ฮ่าๆ! ฉันก็บ้าไปแล้ว”เหยนหมิงเย้าหัวเราะเยาะตัวเอง และใช้กำลังเหวี่ยงประตูอย่างแรงแล้วเดินจากไป อ้าวเสว่ทรุดตัวลงไปนั่งอยู่บนโซฟา แล้วพูดพึมพำว่า “โลกใบนี้ยังมีใครที่ปกติบ้างล่ะ?”
ในร้านอาหารสุดหรู หลินเจี๋ยนั่งแซวสวีเห้าเซิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามว่า “คิดยังไงถึงได้มากินข้าวกับผม?”
สวีเห้าเซิงคนกาแฟที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดว่า “ช่วงนี้อ้าวเสว่เป็นยังไงบ้าง?”
หลินเจี๋ยมองเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย “นอกจากชีหรั่นแล้ว ผมยังไม่เคยเห็นคุณใส่ใจผู้หญิงคนไหนเลยนะ หรือว่าคุณจะสนใจเธอ?”
“พูดอะไรของคุณ!” สวีเห้าเซิงมองเขาอย่างไม่พอใจ ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ นอกหน้าต่างก็มีความโกลาหลเล็กน้อย แท้จริงแล้วก็คือพนักงานที่ทำหน้าที่ส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ดูเหมือนจะเป็นลมแดดแล้ว เขาจึงล้มลงกับพื้นตอนที่ล้มลงยังถนอมจานอาหารเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา
เดิมทีหลินเจี๋ยเพียงการชำเลืองมองดูเท่านั้น หลังจากที่เห็นใบหน้าที่อยู่ใต้หมวกเขาก็ลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาจึงรีบสาวเท้าออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
ติงยียีประคองรถขึ้น แดดร้อนเกินไปและเธอก็ขาดน้ำเล็กน้อย โชคดีที่กล่องอาหารกลางวันไม่แตก เพียงแต่รั่วซึมไปเล็กน้อย
พอติงยียีขึ้นไปบนจักรยานและปั่นไปข้างหน้าแล้ว หลินเจี๋ยก็มาทันเพียงแค่เห็นภาพเงาด้านหลังของติงยียี ด้วยเงินเดือนของบริษัทหลินซื่อของพวกเขาน่าจะไม่ได้ทำให้พนักงานคนไหนต้องออกมาทำงานพาร์ทไทม์อย่างนี้เลยนี่นา
“เกิดอะไรขึ้น?” สวีเห้าเซิงตามออกมาแล้วถาม หลินเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกวักมือเรียกเขา “ไปกันเถอะไปตามเด็กน้อยคนหนึ่งกับฉัน”
รถBenzคันหนึ่งกำลังแล่นตามหลังรถจักรยานคันหนึ่งไป แต่เจ้าของรถจักรยานกลับไม่ได้สังเกตเห็น ติงยียีจอดรถใต้อาคารสำนักงานระดับสูงแห่งหนึ่ง แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน
“สวัสดีค่ะ อาหารจานด่วนที่คุณสั่งค่ะ”
“อ่อๆ โอเค ขอบคุณค่ะ”
พอติงยียีรับเงินเรียบร้อย ก็มองนาฬิกา อีกหนึ่งชั่วโมงก็ต้องเข้างานตอนบ่ายแล้ว ไปตอนนี้น่าจะยังทัน ติงยียีจึงรีบวิ่งลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว แล้วเหยียบไปบนจักรยานและปั่นออกไปไกลๆ
“คุณรู้จักเธอเหรอ?” สวีเห้าเซิงถาม หลินเจี๋ยพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “นี่คือผู้หญิงที่เนี่ยนโม่เจ้าเด็กคนนั้นชอบ ผมช่วยเขาเฝ้าดูเธออยู่”
สวีเห้าเซิงนิ่งเงียบ และกำลังคิดในใจว่า หรือว่าค่ารักษาพยาบาลจะไม่พอ ดังนั้นเด็กผู้หญิงคนนี้ก็เลยออกมาทำงานพาร์ทไทม์?
ณ บ้านตระกูลเย่ อ้าวเสว่ยกอาหารออกมาจากในครัว ยิ้มและพูดว่า “คุณลุง คุณน้า เนี่ยนโม่มาทานข้าวได้แล้วค่ะ!”
เซี่ยชีหรั่นยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม เดินไปที่โต๊ะอาหารและดมกลิ่น แล้วพูดว่า “อ้าวเสว่ช่างฝีมือที่ดีจริงๆเลยนะ ต่อไปแต่งงานแล้วเนี่ยนโม่คงมีความสุขมากแน่เลย”
เย่ชูฉิงกับเย่เนี่ยนโม่เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน อ้าวเสว่มองดูเย่เนี่ยนโม่อย่างเขินอาย เย่เนี่ยนโม่พูดด้วยสีหน้าที่เฉยเมยอยู่ข้างๆว่า “ทานข้าวกันก่อนเถอะครับ”
“เดี๋ยวก่อน วันนี้พ่อให้โจ๋ซวนมาทานข้าวที่บ้านเราด้วยนะ” เย่เชินหลินพูด เซี่ยชีหรั่นจึงรีบให้คนรับใช้ถือชามและตะเกียบมาเพิ่มอีกชุดหนึ่ง
“น้าเซี่ย ลุงเย่” ไห่โจ๋ซวนถือบรั่นดีเข้ามา แล้วกล่าวทักทายทุกคน เย่ชูฉิงมองเขาอย่างตรงไปตรงมา เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจเล็กน้อย แล้วปิดกั้นสายตาของทั้งสองคนเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
การรับประทานอาหารดำเนินไปอย่างไม่มีความสุข ทันใดนั้นเซี่ยชีหรั่นก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ชูฉิง ก่อนหน้านี้มีลูกของเพื่อนคนหนึ่งในวงการดีไซเนอร์แม่คิดว่าเขาไม่เลวเลยทีเดียว พรุ่งนี้ลูกไปพบเขาหน่อยนะ”
เย่ชูฉิงตกตะลึง เย่เนี่ยนโม่ไม่เห็นด้วยและอยากจะพูดออกไป เซี่ยชีหรั่นที่นั่งอยู่ข้างๆเขาจึงห้ามปราบด้วยการตบไปที่แขนเขา
เย่ชูฉิงมองไปที่ไห่โจ๋ซวนทันที เซี่ยชีหรั่นมองตามสายตาของเธอไป แล้วพูดว่า “โจ๋ซวนเธอก็ตามไปด้วยสิ เธอปฏิบัติต่อชูฉิงเป็นน้องสาวคนหนึ่งมาตั้งแต่เด็ก ไปคราวนี้ก็ช่วยเธอตรวจสอบดูด้วยนะ”
ไห่โจ๋ซวนเช็ดปากด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ หลังจากที่จิบบรั่นดีลงไปหนึ่งคำเพื่อให้ชุ่มคอแล้ว เขาจึงพูดว่า “ตกลงครับ”
“ขอโทษค่ะ หนูทานอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ” เย่ชูฉิงลุกขึ้นมาทันที แล้วเดินขึ้นบันไดไปด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ แล้วชนคนใช้ที่กำลังถือขนมปังอยู่เข้าเต็มรัก
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นตาม จากนั้นก็นั่งลงอีกครั้ง มือของเธอกำลังคนไปมาอย่างไม่สงบนิ่ง เธอก็โทษตัวเองเหมือนกัน แต่จะให้ทำยังไงได้ โจ๋ซวนเด็กคนนั้นไม่ได้ชอบชูฉิงเลย เธอไม่อยากให้ชูฉิงต้องเจ็บปวดขนาดนั้น
“ผมจะไปดูเธอสักหน่อย” เย่เชินหลินตบไปที่หลังมือของเซี่ยชีหรั่น และส่งสายตาเพื่อปลอบใจเธอ แล้วขึ้นไปข้างบน ภายในห้อง เย่ชูฉิงกำลังนอนคว่ำหน้าท่ามกลางตุ๊กตาที่อยู่เต็มพื้น
เย่เชินหลินเคาะประตูแล้วพูดว่า “ให้พ่อเข้าไปได้ไหม?”
เย่ชูฉิงพยักหน้าอย่างเงียบๆด้วยขอบตาที่แดงก่ำ แล้วเธอก็หันหน้าไปอีกครั้ง เย่เชินหลินนั่งลงที่ขอบเตียง เขามองใบหน้าด้านข้างของเย่ชูฉิงด้วยความรักและเมตตาแล้วพูดว่า “ชีวิตของคนเรา จะต้องเดินไปหลายทาง และต้องเลือกคนหลายคน แต่ในการเลือกครึ่งหลัง เราจะตั้งหน้าตั้งตารอเจอคนที่ใช่ แต่พอเจอกันแล้ว ก็จะเริ่มลังเลอีก ลังเลว่าอีกฝ่ายจะใช้คนที่ถูกลิขิตมาหรือเปล่า?”
“พ่อคะ แล้วแม่ใช่คนที่เป็นพรหมลิขิตของพ่อหรือเปล่าคะ?” เย่ชูฉิงสนใจในคำพูดของเขา
สายตาของเย่เชินหลินอ่อนโยน และเขาก็พยักหน้าอย่างมั่นคง “พ่อไม่รู้ว่าเธอคือคนที่ใช่อยู่มานาน แม้กระทั่งหลังจากที่รู้แล้วพ่อก็ยังไปทำร้ายเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การที่ถูกรักตลอดไปจะได้รับความเจ็บปวดน้อยกว่าการที่เรารักใครสักคน นี่คือสิ่งที่แม่ของลูกอยากทำมาโดยตลอด”
เย่ชูฉิงนิ่งเงียบ เย่เชินหลินลุกขึ้นมาลูบศีรษะของเธอ เขารู้ว่าตอนนี้เธอต้องการจะอยู่คนเดียวในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เมื่อเขาออกไป เซี่ยชีหรั่นก็ร้องไห้น้ำตานองเต็มหน้าแล้ว
“คนโง่ ร้องไห้ทำไม?” เย่เชินหลินเช็ดน้ำตาของเธออย่างระมัดระวัง เซี่ยชีหรั่นหยุดร้องไห้แล้วยิ้มออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งคุณก็สามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสั่งสอนชี้แนะได้เหมือนกัน”
เย่เชินหลินจับมือเธอแล้วเดินไปที่ห้อง “ผมมั่นใจว่าผมมีความสามารถหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง?”
“คืออะไรเหรอคะ?” เซี่ยชีหรั่นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาโอบเอวเธอขึ้นมาโดยตรง แล้วใช้การการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมบอกคำตอบกับเธอ
ต่อให้เย่ชูฉิงจะไม่เต็มใจแค่ไหน เธอก็ยังปรากฏตัวที่ล็อบบี้ของโรงแรมในวันรุ่งขึ้น ผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามใช้สายตาที่มีความหมายลึกซึ้งมองไห่โจ๋ซวนกับเย่ชูฉิงอยู่ แล้วถามว่า “นี่คือ?”
“ไห่โจ๋ซวนครับ เธอเป็นน้องสาวที่สำคัญมากของผม” ไห่โจ๋ซวนจับมือกับชายคนนั้นอย่างใจเคร่งขรึม
ชายคนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน แล้วเรียกบริกรมา “ขอกาแฟสามแก้วนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนครับ เธอไม่ดื่มกาแฟ ขอน้ำผลไม้คั้นสด น้ำผลไม้จะต้องผ่านการกรองก่อนนะครับ ขอบคุณครับ” ไห่โจ๋ซวนพูดสกัดเอาไว้
ผู้ชายคนนั้นยิ้ม แล้วเริ่มถามว่า “คุณหนูเย่ ได้ยินว่าคุณเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยZเหรอครับ?”
เย่ชูฉิงพยักหน้า ไม่พูดไม่จา ผู้ชายคนนั้นรู้สึกบรรยากาศค่อนข้างที่จะจืดชืดเล็กน้อย เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมาในวันนี้ผมเอาของขวัญมาให้คุณหนูชูฉิงด้วยนะครับ” พูดจบเขาก็หยิบกล่องสวยๆกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ภายในกล่องมีต่างหูที่ละเอียดอ่อนมากคู่หนึ่ง ไห่โจ๋ซวนเหลือบมองดู แล้วพูดว่า “ต่างหูไม่เลวเลยนะครับ แต่น่าเสียดายที่ชูฉิงไม่ได้เจาะหู”
ผู้ชายคนนั้นมองไห่โจ๋ซวนอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “คุณพี่ชายท่านนี้ทำหน้าที่ได้เหมาะสมกับตำแหน่งจังเลยนะครับ”
ไห่โจ๋ซวนตะลึงงัน แม้แต่เย่ชูฉิงก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา “เพราะเป็นน้องที่ห่วงใย จึงต้องเข้มงวดตรวจขันน่ะครับ” ไห่โจ๋ซวนจงใจพูดเน้นคำว่า “น้องสาว”อย่างหนักแน่น
บรรยากาศในนี้ดำเนินไปอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผู้ชายมองว่าเย่ชูฉิงไม่ให้ความสนใจ จึงพูดเสนอออกไปว่า “อีกประเดี๋ยวเราไปดูหนังกันดีกว่าไหมครับ?”
“นี่เป็นความคิดที่ดีนะครับ” ไห่โจ๋ซวนเอ่ยปากเห็นด้วย เย่ชูฉิงเงยหน้าขึ้นมามองเขาเป็นครั้งที่สอง แล้วพูดกับผู้ชายคนนั้นอย่างนุ่มนวลว่า “ขอโทษนะคะ อันที่จริงในหัวใจของฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ ฉันไม่ต้องการที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์เพียงเพราะการแสวงหาความรู้สึกของการถูกรักที่ไร้เดียงสา”
การรับประทานอาหารระหว่างทั้งสามคนจบลงอย่างรวดเร็วด้วยการที่ผู้ชายคนนั้นรีบกล่าวคำลา ไห่โจ๋ซวนถอนหายใจแล้วพูดว่า “ชูฉิง พี่หวังว่าเธอจะมีความสุข ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลวจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ พี่แนะนำให้เธอลองยอมรับเขาดูก่อนได้นะ”
เย่ชูฉิงส่ายหน้าและมองมาที่เขา “พี่ไม่ชอบฉันก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าลิดรอนสิทธิ์ในการชอบพี่ของฉันเลย” ไห่โจ๋ซวนพูดไม่ออกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลี่ยงเมื่อได้ยินความรู้สึกที่ลึกซึ้งเปิดเผยออกมาจากคำพูดของเธอ และยังเป็นความรู้สึกที่มีความสุขซึ่งก่อตัวขึ้นเพราะว่ามันได้เดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองวางแผนเอาไว้อยู่ตลอดเวลา
สายตาของเย่ชูฉิงได้มองออกไปข้างนอก ท้องฟ้านอกหน้าต่างมืดครึ้ม และมีความสงบนิ่งก่อนที่จะเกิดพายุฝน มีจักรยานคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว จักรยานได้หยุดวิ่งลง ผู้หญิงตัวเล็กน่ารักคนหนึ่งกำลังหิ้วกล่องอาหารสองกล่องอยู่แล้วตะโกนออกไปอย่างปราดเปรียวว่า “อาหารมาส่งแล้วค่ะ!”
เสียงของเธอคุ้นเป็นอย่างมาก เย่ชูฉิงจึงเข้าไปใกล้ๆกระจกแล้วมองอย่างละเอียด ทันทีที่หญิงสาวหันศีรษะมาเธอก็รู้ว่านั่นคือติงยียี
เย่ชูฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที “พี่คะ เมื่อกี้ฉันเห็นพี่ยียีด้วยนะ เธอกำลังส่งอาหารเดลิเวอรี่อยู่ ก็อยู่ตรงถนนไห่ปิงนี่แหล่ะค่ะ”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset