สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 386 สาวใช้ตัวแสบ290

ตอนที่ 386 สาวใช้ตัวแสบ290
ถึงแม้เธอกับโม่เสี่ยวจุนได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากว่ายี่สิบปีแล้ว เคยชินกับการที่มีกันและกันในชีวิตแล้ว แต่เธอก็เข้าใจ ต่อไปเธอไม่สามารถที่จะไปพบเจอโม่เสี่ยวจุนได้บ่อยๆแล้ว
ถือซะว่าเธอแต่งงานไปแล้ว น้องสาวที่แต่งงานไปแล้ว จะเจอพี่ชายบ่อยๆไม่ได้อยู่แล้ว
“ฉันจะเชื่อฟังคุณ คุณเย่ เดี๋ยวฉันจะไปคิดหาวิธีบอกเขาก่อน เชิญคุณตามสบาย ฉันกลับห้องก่อนนะคะ”
คำก็คุณ คำก็คุณเย่ พูดเรื่องโม่เสี่ยวจุนเสร็จ ก็จะกลับทันที
เธอไม่คิดที่จะอยู่คุยกับเขาตามลำพังเลยหรือ?
“ไม่รีบ ค่ำๆคุณค่อยบอกก็เหมือนกัน ตอนนี้มานวดหลังให้ผมก่อน” เขาพูดจนจบอย่างเย็นชา แล้วก็กลับไปสนใจทำงาน เหมือนดั่งเธอไม่มีตัวตน
เซี่ยชีหรั่นทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่าย ช่วยเขานวดหลัง ที่จริงก็นวดไม่ไหว กล้ามเนื้อเขาแข็งมาก
เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังให้เธอนวดได้ดีขนาดไหน เพียงแค่อยากให้เธอรู้ว่า เขาเป็นผู้ชายของเธอ เธอควรที่จะคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลาถึงจะถูก
ช่วงนี้เพียงแค่เข้าเห็นเธอ ก็จะรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด ไม่เห็นเธอก็ยิ่งหงุดหงิด
เธอพูดว่าจะกลับห้อง เขาไม่พอใจ เธออยู่นวดหลังให้เขา เขาไม่รู้สึกได้ถึงความเต็มใจของเธอเลยสักนิด เธอกำลังทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น เขาขมวดคิ้ว แล้วหันหน้าไป การกระทำอย่างกะทันหันทำให้เซี่ยชีหรั่นอึ้งตกใจ
“ไม่เต็มใจ?” เขาถามอย่างเยือกเย็น
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว “ไม่ใช่ไม่เต็มใจ เพียงแค่ในใจยังมีเรื่องต้องคิด ฉันอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆหน่อย อยากให้ผลออกมาเร็วๆ แบบนี้คุณก็จะได้อารมณ์ดีขึ้น ฉันก็จะ……”
“กลับห้องไป” เขาสั่งขึ้น แล้วหันกลับไป เปิดลิ้นชักหยิบบุหรี่ออกมา
เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าตัวเองเป็นอะไร ตั้งแต่ได้เจอผู้หญิงคนนี้ ความอดกลั้นอดทนที่เขามีเหมือนหายไปจนหมด ความสง่างามทั้งหมดก็ไม่มีแล้ว
เขาจะต้องถือสาหาเรื่องทะเลาะกับเธอไปเสียทุกอย่าง ถือสาผู้ชายอีกคนที่อยู่ในหัวสมองของเธอ ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้ว เขายังถือสา ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็ยังถือสา
เซี่ยชีหรั่นไม่ไป เธอเห็นเขาจะสูบบุหรี่ รู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
แต่ว่าตอนนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องพูดยังไง ทำยังไงถึงจะทำให้เขามีความสุข
เธอเดินไปข้างหน้าสองก้าว มองดูเขา พูดขึ้นเสียงเบาว่า “เราไม่เป็นแบบนี้ดีไหม? ที่จริงเสี่ยวจุน……”
“ออกไป”
เขาไม่อยากได้ยินเธอพูดสองคำนี้ออกจากไป
เธอเพียงแค่อยากพูดว่า เสี่ยวจุนไม่มีผลกระทบอะไรกับความสัมพันธ์ของเรา หากพวกเขาเชื่อใจกันและกัน ก็จะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน คนอื่นๆไม่ว่าใครล้วนไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาก็คือพวกเขาไม่เชื่อใจกัน เขาไม่เชื่อใจเธอ
เธอจำต้องออกไป เมื่อกลับมายังห้อง ในที่สุดจิ่วจิ่วก็ยุ่งจนเสร็จแล้ว รอเธออยู่ที่ระเบียง
ทั้งสองเดินเข้าห้องเซี่ยชีหรั่นไปพร้อมกัน จิ่วจิ่วเอามือถือออกมา เอาเบอร์โทรของโม่เสี่ยวจุนให้เซี่ยชีหรั่น ก่อนกลับมา โม่เสี่ยวจุนกำชับเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง ให้จิ่วจิ่วพูดเรื่องของเขาให้เซี่ยชีหรั่นฟัง ตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่เท่านั้น อย่าทำให้เธอต้องเดือดร้อน
เซี่ยชีหรั่นมองดูในมือถือจิ่วจิ่ว ชื่อโม่เสี่ยวจุนสามพยางค์ จมูกคันๆ อดกลั้นน้ำตาไว้ แล้วจำเบอร์ไว้ในมือถือตัวเอง
เบอร์โทรนี้ ถึงเธอจะมี ต่อไปก็คงจะได้ใช้ไม่บ่อยนัก
แต่ได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็เพียงพอแล้ว ยังโชคดี ที่เย่เชินหลินไม่ได้ทิ้งความหวังที่มีอยู่เพียงน้อยนิด รับปากเธอแล้วว่าจะไปตรวจDNAกับโม่เสี่ยวจุน
“ชีหรั่น ฉันไม่ได้บอกเขา เรื่องที่เขาอาจจะเป็นน้องชายของคุณเย่ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนพูดเองจะดีกว่า” จิ่วจิ่วพูดเสียงต่ำ เธอกับโม่เสี่ยวจุนคิดเหมือนกัน ต่างก็ไม่อยากทำให้เซี่ยชีหรั่นเดือดร้อน
“ขอบใจนะ จิ่วจิ่ว เธอเจอกับเสี่ยวจุนได้ยังไง? ทำไมเธอถึงรู้จักเสี่ยวจุน?” ถึงตอนนี้แล้ว เซี่ยชีหรั่นเพิ่งนึกขึ้นมาถามพวกนี้ จิ่วจิ่วจึงเล่าทั้งหมดที่ได้คุยในตลาดดอกไม้และนกอีกรอบ
ได้ฟังว่าตอนนั้นโม่เสี่ยวจุนตื่นตกใจจนเขย่าไหล่เธอ แล้วก็ระงับอดกลั้นไม่ให้มือสั่น ตอนนี้คุยโทรศัพท์กับเธอ น้ำตาเซี่ยชีหรั่นก็ไหลออกมาอีก
เธอพยายามอดกลั้น ไม่ร้องไห้ แต่เสียงก็ยังสะอึกสะอื้น
“ที่แท้เชอเฮ่าก็คือโม่เสี่ยวจุนนี่เอง เชอเฮ่า โม่เสี่ยวจุน เฮ้อ ฉันทำไมถึงไม่รู้ความสัมพันธ์ของสองชื่อนี้ เธอว่าฉันโง่ไหม? ยังมีหมาน้อยตัวนั้น เสี่ยหรงฮัว มีเพียงเสี่ยวจุนถึงจะตั้งชื่อแบบนั้น”
“เขาก็พูดแบบนี้” ดวงตาจิ่วจิ่วก็เปื้อนน้ำตา คิดถึงท่าทีโม่เสี่ยวจุนแล้ว เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ
ผู้ชายที่รักอย่างลึกซึ้งแบบนั้น จะไปหาได้ที่ไหน ถึงแม้เธอแค่แอบหลงรัก เธอรู้สึกว่าคนที่เธอแอบรักดีขนาดนี้ เธอจะภูมิใจแล้ว
“เอาละ ฉันไม่รบกวนเธอแล้ว เธอโทรไปหาเขาเลย วันนี้เขาได้ยินเธอกับคุณเย่คุยกัน ดูเขาเป็นห่วงเธอมาก”
“อืม” เซี่ยชีหรั่นพยักหัว จิ่วจิ่วเพิ่งเดินไปได้สองก้าว เซี่ยชีหรั่นก็เรียกเธออีกครั้ง พูดกับเธอเบาๆว่า “ถ้าเธอชอบเขาจริงๆ ก็อย่าปล่อยมือ เธอพูดเองไม่ใช่หรือ? ฉันกับเขาน่าจะเป็นความผูกพันดั่งพี่น้อง เพราะฉะนั้น ให้เวลาเขาหน่อย พวกเธอสองคนเหมาะสมกันมาก”
จิ่วจิ่วยิ้มอย่างขมขื่น ชั่วชีวิตนี้ของเธอ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกขมขื่น เป็นเพราะว่า เธอรู้ว่าในใจโม่เสี่ยวจุน เซี่ยชีหรั่นมีความสำคัญมากแค่ไหน
“ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันเชื่อว่าจะมีวันที่เขาจะเห็นความดีของฉัน” หลังจากที่จิ่วจิ่วยิ้มแล้ว ก็พูดออกมาอย่างมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เธอสามารถเข้าใจความรู้สึกของเซี่ยชีหรั่น เธอคงไม่คิดที่จะกลับไปอยู่กับโม่เสี่ยวจุนแล้ว ก็คงหวังอยากให้โม่เสี่ยวจุนมีความสุข
หลังจากที่จิ่วจิ่วออกไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นค่อยโทรหาโม่เสี่ยวจุน
มือถือโม่เสี่ยวจุนไม่ได้ห่างจากตัวเลย กำลังรอให้เซี่ยชีหรั่นโทรกลับมาอยู่ตลอดเวลา
เซี่ยชีหรั่นกลัวเย่เชินหลินไม่พอใจ จึงพูดกับโม่เสี่ยวจุนเพียงว่า “ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เขาดีกับฉันมาก และรักฉันมาก”
“อย่าโกหกผมเลย ผมได้ยินที่พวกคุณคุยกันแล้ว” น้ำเสียงโม่เสี่ยวจุนหนักอึ้ง เหมือนกับใจของเขา
“ชีหรั่น คุณไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมากใช่ไหม คุณแค่บอกผม คุณรับปากที่จะอยู่กับเขานานแค่ไหน? มีหนทางอื่นที่สามารถไปจากเขาได้ไหม? เช่นต้องจ่ายเขาเท่าไหร่เขาถึงจะยอมปล่อยคุณไป” เขาคิดว่า นักธุรกิจทั่วไปมักจะชอบมีข้อตกลงกัน ไม่ทำอะไรที่ขาดทุน น่าจะมีหมายเหตุข้อตกลงหากผิดสัญญา น่าจะมีค่าเสียหาย
“ไม่มี เสี่ยวจุน ฉันรับปากที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต จะไม่แยกจากกัน ฉันหลงรักเขาแล้ว ถึงแม้ฉันจะทำผิดต่อคุณ แต่ฉันก็ไม่อยากที่จะไปจากเขาจริงๆ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างแน่วแน่
เธอทำไมจะไม่อยากมีอิสระ เธอรู้สึกว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความเชื่อใจกัน เพราะวิธีที่เข้าหากันไม่ได้ดีตั้งแต่แรก เธอเริ่มต้นกับเขาด้วยข้อตกลงกัน เขาคิดอยู่ตลอดเธออยู่กับเขาก็เพื่อโม่เสี่ยวจุน หากเธอสามารถมีอิสระ พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันเหมือนอย่างคู่รักทั่วไป สถานะเท่าเทียมกัน อาจจะเชื่อใจกันง่ายขึ้นกว่าไหม
เงินค่าปรับหากเธอผิดสัญญาคือสิบล้าน เธอไม่มีทางบอกเงื่อนไขนี้กับโม่เสี่ยวจุน เขาจะช่วยเธอหาหนทาง เธอรู้จักเขาที่สุด
หากเขาไม่ใช่คนของตระกูลเย่ เขาเป็นแค่บุคคลธรรมดา บางทีตลอดทั้งชีวิตก็หาไม่ได้สิบล้าน
หากเขาเป็นคนของตระกูลเย่ เขากลับมาถึงบ้านก็จะขอสิบล้าน ก็เป็นเรื่องที่น่าลำบากใจ เธอไม่อยากให้เขาลำบากใจ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่เอาอิสรภาพนั้น
โม่เสี่ยวจุนไม่ได้ถามต่อ เขารู้ดีว่าจะเซี่ยชีหรั่นพูดออกมานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจะคิดถึงคนอื่นก่อนเป็นอันดับแรก ไม่เคยสนใจว่าตัวเองจะเป็นยังไง ขอเพียงคนที่เขาสนใจมีความสุขก็พอ
เขาจะต้องหาวิธีรู้ให้ได้ เธอไม่พูด เขาไปถามคนที่แซ่เย่นั้นก็ได้ ยังไงนี่ก็เป็นเรื่องระหว่างผู้ชาย
ทั้งสองเงียบไปสักพัก เซี่ยชีหรั่นจึงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวจุน ฉันจะเล่าเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องให้คุณฟัง เรื่องนี้คุณต้องฟังฉันนะ”
เธอโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยขอให้เขาฟังเธอเลยสักครั้ง แสดงว่าเรื่องนี้สำคัญจะต้องจริงๆ
“ได้ คุณพูดสิ ผมฟังอยู่” เขาตอบสั้นๆ
“ฉันสงสัยว่าคุณอาจจะเป็นลูกของตระกูลเย่ที่หลงหายไป ฉันจำได้ว่าคุณชอบกลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์ น้องชายของคุณเย่ก็ชอบ อีกอย่าง ช่วงเวลาตอนที่คุณหลงหายไปกับเหมือนกับเย่จื่อห้านของพวกเขา ยังมีที่สำคัญก็คือ ฉันเห็นรูปภาพของเย่จื่อห้านตอนเด็กๆ เหมือนกับรูปของคุณที่อยู่ในข้อมูลในบ้านเด็กกำพร้ามาก แน่นอนฉันก็ยังไม่กล้าแน่ใจ คุณเย่ก็รู้เรื่องนี้แล้ว เขานัดคุณพรุ่งนี้เช้าไปเจาะเลือดตรวจDNAกัน ฉันก็จะไป”
โม่เสี่ยวจุนไม่พูดอะไรอยู่นาน ข่าวนี้สำหรับเขาแล้ว เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดเลย
หลายปีมานี้ เขาก็อยากหาครอบครัวของตัวเอง แต่ก็เพราะไม่มีหนทางเลย หาไม่เจอ
เซี่ยชีหรั่นพูดลักษณะที่สอดคล้องกันมากมายขนาดนี้ เธอยังเป็นคนที่ละเอียดอ่อน หากไม่มีความมั่นใจพอสมควร เธอจะไม่พูดเด็ดขาด
เขาสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ตื่นเต้นอย่างหนึ่ง เหมือนกับเลือดทั่วร่างกายกำลังสูบฉีดชนเขาอย่างรุนแรง ความคาดหวังร้อนแรงที่อาจจะได้เจอกับครอบครัวแบบนั้น ทำให้เขาไม่สามารถระงับตัวเองให้สงบได้
แต่เมื่อคิดถึงพี่ของเขา อาจจะเป็นคุณเย่ที่เซี่ยชีหรั่นพูดถึง เขาจึงบีบบังคับให้ตัวเองสงบลง
“เสี่ยวจุน? ฉันแค่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ คุณอย่า….อย่าคาดหวังมาก”
เซี่ยชีหรั่นกลัว กลัวผลจะออกมาไม่เหมือนกับที่คิดไว้ ถึงแม้เธอจะสามารถมั่นใจอยู่มากแล้ว แต่ว่าคนที่มาในวันนี้ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ตระกูลเย่ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา ทั้งสองจะต้องมีหลักฐานที่สำคัญแน่ เขาก็มีหลักฐาน จะเป็นเสี่ยวจุนไหม หรือว่าเธอคิดมากไป?
“ชีหรั่น คุณไม่ต้องเป็นห่วง ใช่หรือไม่ใช่ผมก็จะไม่ผิดหวัง หากมีวาสนาต่อกัน สักวันต้องได้เจอ หากไม่มีวาสนาต่อกันก็บังคับกันไม่ได้”
ได้ยินน้ำเสียงโม่เสี่ยวจุนสงบแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นค่อยโล่งใจหน่อย
“ได้ งั้นพรุ่งนี้เช้าเราค่อยติดต่อกันนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าศูนย์ตรวจDNAที่คุณเย่พูดอยู่ที่ไหน รอเขาแจ้งก่อนนะคะ”
“อืม” โม่เสี่ยวจุนไม่อยากวางสายเลย แต่ก็รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นไม่สะดวกที่จะพูดกับเขานาน จึงตัดใจวางสาย
เสียงวางสายฝั่งนั้นดังขึ้น ทำให้เซี่ยชีหรั่นเหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน
ไม่ได้ยินเสียงโม่เสี่ยวจุนเป็นเวลานาน นานมาก ตั้งแต่เด็กเมื่อฟังเสียงเขาพูด เธอก็จะรู้สึกสงบใจ คิดว่าต่อไปนี้หากอยากฟังเสียงของเขา ก็จะกลายเป็นแค่ความหวัง ในใจเธอเศร้าสลดเป็นอย่างมาก
เธออยากเจอเขามากจริงๆ อยากเจอ อยากเจอมาก อยากจะเห็นกับตา แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset