สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 390 สาวใช้ตัวแสบ294

ตอนที่ 390 สาวใช้ตัวแสบ294
เคยได้ยินพวกเขาพูดถึงว่า ต้นตระกูลของแม่บุญธรรมนั้นดีกว่าพ่อบุญธรรม บ้านพ่อบุญธรรมนั้นเป็นแค่ครอบครัวธรรมดา พวกเขาทั้งสองรู้สึกว่าฝ่ายชายนั้นเป็นผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ดังนั้นพ่อบุญธรรมจึงคุ้นเคยกับการรับใช้แม่บุญธรรมเสมือนเจ้าหญิง
แต่สุขภาพของพ่อบุญธรรมก็ไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก เพียงแต่มักจะอดทนไว้ เซี่ยชีหรั่นคิดถึงที่ได้ยินเสียงอันแหบแห้งของพ่อบุญธรรมทางโทรศัพท์ รู้สึกเป็นห่วง ถึงแม้เขาไม่อยากให้โม่เสี่ยวหนงรู้ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าควรให้โม่เสี่ยวรู้เรื่องนี้
เรื่องพ่อแม่ของเธอ เธอมีความรับผิดชอบและมีหน้าที่ต้องไปดูแล เรื่องอะไรก็จะไม่ให้เธอได้มีส่วนร่วม ยังเห็นเธอเป็นเสมือนเด็กเล็กที่ต้องคอยโอ๋ เธอก็จะเป็นคนเอาแต่ใจและดื้อรั้น
เซี่ยชีหรั่นคิดถึงจุดนี้ แล้วก็โทรศัพท์หาโม่เสี่ยวหนง
เสียงอันเซ็งแซ่จากทางฝั่งโน้น โม่เสี่ยวหนงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “มีเรื่องอะไร? มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันอยู่ที่มาเก๊า”
“เสี่ยวหนง แม่ถูกส่งตัวเข้าไปยังศูนย์กักกัน ส่วนพ่อก็ไม่ค่อยสบาย เธอรีบกลับมา กลับบ้านมาดูพวกเขาหน่อยไหม”
“อะไรนะ? ทำไมถึงถูกส่งตัวไปยังศูนย์กักกัน?” โม่เสี่ยวหนงเหมือนจะห่างออกจากเสียงอันเซ็งแซ่นั้น ออกมาถึงด้านนอก
ในที่สุดเธอก็ยังคงเป็นห่วงพ่อแม่ เซี่ยชีหรั่นรู้สึกโล่งใจไปบ้าง
เซี่ยชีหรั่นเล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดอย่างสั้นๆไปรอบหนึ่ง แล้วโม่เสี่ยวหนงก็ร้องขึ้นมาทันที
“เธอเป็นคนทำให้แม่ต้องถูกส่งตัวเข้าไป? เธอยังมีหน้าโทรมาหาฉันอีก? เธอเป็นคนส่งตัวเข้าไปเอง เธอก็หาวิธีทำให้แม่ออกมาให้ได้ ตระกูลโม่เราเลี้ยงเธอมาหลายปี เธอไม่ตอบแทนบุญคุณก็ชั่ง ยังจะมาทำร้ายคนอีกเหรอ?”
ท่าทีของโม่เสี่ยวหนงทำให้เซี่ยชีหรั่นยิ่งรู้สึกเสียใจ แต่เธอคิดว่า โม่เสี่ยวหนงเป็นห่วงแม่ถึงพูดพล่อยแบบนี้กับเธอ ดังนั้นเธอจึงพยายามสงบสติอารมณ์ลง ค่อยๆพูดกับเธอว่า “เสี่ยวหนง ฉันจะรีบหาทางให้แม่ได้ออกมาโดยเร็ว แต่ว่าสุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยแข็งแรง ก่อนหน้านั้นแม่ก็ป่วย เธออย่าไปเตร็ดเตร่ข้างนอกอีกเลย รีบกลับมาดูแลพวกเขาดีไหม”
“รู้แล้ว รู้แล้ว รำคาญจริงๆ ฉันอุตส่าห์มาถึงมาเก๊าแล้ว จะกลับไปเร็วขนาดนั้นได้ยังไง เธอเป็นห่วงเธอก็ไปดูแลสิ อย่ามาลากฉันไป เอาละ เอาละ พี่เซิองเรียกฉันแล้ว”
“เสี่ยวหนง…..” เซี่ยชีหรั่นยังอยากจะพูดกับเธออีกว่า ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีเมียแล้วคนนั้นอีกเลย โทรศัพท์กลับถูกวางสายไปแล้ว
หลังจากวางสายแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็ยังคงครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ กำลังรอให้เย่เชินหลินกลับมาเร็วหน่อย เธอจะได้ไปขอร้องเขา
อาหารมื้อเที่ยง เย่เชินหลินไม่ได้กลับมาบ้าน
อาหารมื้อค่ำ เย่เชินหลินก็ยังไม่กลับ
หลังจากที่จิ่วจิ่วกลับมาแล้ว ก็เฝ้าอยู่ข้างกายเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่ห่าง เล่าให้เธอฟังว่าเธอกับโม่เสี่ยวจุนคุยอะไรกันบ้าง
“จิ่วจิ่ว ผมอยากขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง ถ้าคุณมีโอกาสช่วยผมสืบดูหน่อยว่า ชีหรั่นกับแซ่เย่ได้เซ็นสัญญากันไหม เธอจะต้องทำยังไงถึงจะออกมาได้ ผมดูออกพวกคุณเป็นเพื่อนรักกัน คุณก็คงไม่อยากให้เธอเป็นแบบนี้ใช่ไหม สิ่งที่ผมขอร้องคุณ คุณอย่าบอกชีหรั่นนะ”
โม่เสี่ยวจุนพูดแบบนี้กับจิ่วจิ่ว จิ่วจิ่วเองก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาขอเธอเองจะปฏิเสธไม่ได้
ดังนั้นตอนที่เธอเล่าเรื่องของโม่เสี่ยวจุน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับที่ต้องเก็บเป็นความลับ เธอก็ยังคงเก็บเป็นความลับอย่างเชื่อฟัง
ค่ำแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็ให้จิ่วจิ่วกลับห้องไป ตัวเธอเองยังคงนั่งอยู่บนเตียง รอเย่เชินหลินกลับมา
เวลาผ่านไปทุกวินาที ก็ยังไม่ได้ยินเสียงเขากลับมา เซี่ยชีหรั่นยังจับมือถืออยู่ ผ่านไปทุกๆหลายนาทีก็จะดูเวลา
ใกล้สองทุ่มแล้ว หากเขายังไม่กลับมา เธอก็จะโทรไปหาเขา เขาเคยบอกไว้ว่าช่วงเวลาที่เธอห่างเขา จะต้องรายงานเขาว่าวันนี้ทั้งวันทำอะไรไปบ้าง ยังมีความคิดด้วยไม่ใช่หรือ?
สองทุ่มตรง เซี่ยชีหรั่นกดโทรออก
เย่เชินหลินอยู่ในคอนโดใกล้ๆบริษัท มือถือวางอยู่ไม่ห่างจากตัวเขา
เสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยดังขึ้น รู้ว่าเป็นผู้หญิงคนนั้น เขารอให้สายเรียกเข้าพักหนึ่ง แล้วค่อยๆหยิบขึ้นมา มองดูตรงหน้าจอที่ปรากฏชื่อของเธอ สีหน้าเขาหนักหน่วง แต่ก็ยังคงกดรับสาย
“มีธุระอะไร?” น้ำเสียงเขาเรียบๆเฉยๆ
“ฉันโทรมารายงานคุณ” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา
“ว่ามา” เขายังคงพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เซี่ยชีหรั่นจึงพูดสั้นๆว่าวันนี้ทั้งวันเธอทำอะไรไปบ้าง
“ฉันอ่านหนังสือไปหลายหน้า แล้วก็ไปเดินเล่นที่สวนดอก ส่วนความคิด ฉันกำลังคิดว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทานอาหารค่ำแล้วหรือยัง? คืนนี้จะกลับมาที่คฤหาสน์ไหม วันนี้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างไหม” เธอไม่รอให้เขาสั่งให้เธอรายงานความคิด ตัวเองก็พูดเสนอก่อนแล้ว
สีหน้าเย่เชินหลินไร้ความรู้สึกใดใด ไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง เธอถามว่า เว๋ย คุณยังฟังอยู่ไหม? เขากดวางสาย
เขาคงยังโกรธอยู่แน่ๆ เซี่ยชีหรั่นคิด เขาคงไม่กลับมาหรอก
เธอไปอาบน้ำ นอนลงบนเตียง แล้วหยิบหนังสือที่อ่านไปเมื่อตอนกลางวันมาอ่าน เธอพูดกับตัวเองว่า ต่อไปวันเวลาแบบนี้คงจะกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าเขาจะมีหรือไม่มีคู่หมั้น แต่งหรือไม่แต่งงาน เธอก็คงไม่ใช่ภรรยาของเขา ดังนั้นเมื่อเขาอยากเจอเธอก็จะมาเจอเธอ ตอนที่ไม่คิดถึงก็จะไม่มาหา
หลังจากที่ผลตรวจออกมาแล้ว เธอจะหาโอกาสตอนที่เขาอารมณ์พูดกับเขาว่า เธออยากไปทำงาน
ผู้หญิงตัวคนเดี๋ยวจะต้องมีงานทำ มีอาชีพ จะอาศัยแต่ผู้ชายเพื่อดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้ เธอจะต้องทำให้เย่เชินหลินเข้าใจเหตุผลนี้ บางทีเมื่อเธอได้ทำงานแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ ก็อาจจะค่อยๆกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
หรือเธอไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ทุกวัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธออาจจะค่อยๆห่างเหิน จนเขามองไม่เห็นเธอ และจำเธอไม่ได้ พวกเขาก็สามารถจบสิ้นกันแล้ว
การจบแบบนั้น ไม่ถือว่าเธอผิดสัญญา ไม่ถือว่าเธอเนรคุณ
รอจนถึงวันที่ไป เธออาจจะยังคงคิดถึงเขา เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
แต่ว่าเธอก็ยอมที่จะคิดถึงเขาอย่างเจ็บปวดแบบนั้น ไม่อยากโดนกักขังอยู่ในกรงทองแบบนี้ ทรมานซึ่งกันและกัน
เซี่ยชีหรั่น ไม่ต้องคิดถึงแต่เขาแล้ว ในเมื่อจะทำงาน ก็ต้องเรียนรู้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ไม่มีความชำนาญใดใด ก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้
เธอลุกขึ้น เอาบทร้อยแก้วในมือไปคืนที่ห้องหนังสือของเย่เชินหลิน ต่อไปเธอจะไม่อ่านพวกนี้แล้ว เธอจะเตรียมพร้อมกับการที่เธอจะออกไปทำงาน ไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหนที่เขาจะยอมตกลง เธอเชื่อว่า ขอเพียงเธอตั้งมั่น เขาจะต้องมีวันยอมแน่
เธอเดินผ่านหน้าชั้นวางหนังสือแต่ละชั้นในห้องหนังสือของเขา สุดท้ายหยุดฝีเท้าตรงหน้าหนังสือประเภทการตลาด มีหนังสือมากมายขนาดนั้น จนไม่รู้จะเลือกอันไหนก่อน เซี่ยชีหรั่นตัดสินใจเริ่มอ่านเล่มแรกข้างล่างสุด
เธอนึกถึงเรื่องราวของซุนเเจิ้งอี้ชายที่รวยที่สุดในเอเชีย ตอนที่เขาอายุ 23 เขาป่วยเป็นโรคตับ พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสองปี เขาอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผู้ป่วยไปสี่พันเล่ม ความรู้ลึกซึ้ง ต่อมาจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
เธอไม่มีความทะเยอทะยานมากขนาดนั้น แต่เธอเชื่อว่าความรู้สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้ ความจริงแล้ว ก่อนที่จะหยุดเรียนเพื่อล้างแค้นให้โม่เสี่ยวจุน คะแนนผลการเรียนของเซี่ยชีหรั่นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาตลอด อยู่ในมหาวิทยาลัยก็ได้รับทุนการศึกษาทุกปี
สาขาวิชาที่เธอเรียนก็คือการตลาด แต่ก็ล้วนเรียนพวกความรู้อภิปราย ตอนนั้นเธออยากที่จะมีสักวันหนึ่ง จะสามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาเอาไปใช้การทำงานจริง
เซี่ยชีหรั่นหยิบหนังสือ กลับไปยังห้องนอนแล้วตั้งใจอ่านหนังสือ เริ่มแรกยังมีความรู้สึกที่กดดัน ต่อมาค่อยๆเริ่มโดนเนื้อหาในหนังสือดึงดูดความสนใจ เล่มนั้นเป็นเล่มที่รวบรวมตัวอย่างจากเหตุการณ์จริงไว้มากมาย อ่านบทความของนักการตลาดแต่ละคน เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเดือดพล่าน มีความคิดจินตนาการมากมาย
ตอนที่ประตูถูกเปิดจากข้างนอก เซี่ยชีหรั่นกำลังอ่านเพลิน
ร่างกายสูงสง่าของเย่เชินหลิน ปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู แวบแรกก็เห็นท่าทางที่เธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ
เคยได้ยินว่า ผู้หญิงที่มีความตั้งใจสวยที่สุด ตอนที่เธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ นับว่าสวยจริงๆ หมกมุ่นอยู่ในหนังสือ ด้วยลมหายใจที่เงียบสงบ เส้นผมดำเงาของเธอปล่อยไสวอย่างเป็นธรรมชาติ ภาพนั้นดูแล้วยิ่งกลมกลืนสวยงาม
เพียงแค่เธอเพิ่งพูดกับเขาในโทรศัพท์ ถามเขาว่าจะกลับมาที่คฤหาสน์ไหม เขาเข้าใจว่า เธอกำลังรอเขากลับมา
เขาจับมือถืออึ้งไปพักหนึ่ง แล้วก็รีบกลับมายังคฤหาสน์ เธอสิ พูดเพียงประโยคเดียว แล้วก็ตั้งใจอ่านหนังสือของเธอแล้ว ดูแล้วคงไม่ได้คิดถึงเขาหรอก
อาจเพราะเซี่ยชีหรั่นได้อ่านหนังสือ ความสนใจในเรื่องราวช่วงนี้จึงถูกเบี่ยงเบนไป เงยหัวเห็นเขากลับมา เธอยังส่งยิ้มที่ออกมาจากใจจริงให้เขา
“คุณกลับมาแล้ว?” เธอวางหนังสือลง งอเท้าทั้งคู่ หารองเท้าสวมใส่แล้วไปรับเขา
ใบหน้าเย่เชินหลินยังคงดูเย็นชา แต่ในใจกลับรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เขาอารมณ์ดีหรือไม่ เธอดูออก เพียงแค่คนบางคนชอบกลัวเสียศักดิ์ศรี ตั้งใจรีบกลับมาหาเธอ แล้วก็รู้สึกเหมือนกลัวว่าเธอจะเชิดใส่อย่างนั้น จึงปั้นหน้าไว้
เวลาแบบนี้เธอจะต้องอ่อนหวานหน่อย อีกอย่างเธอยังมีเรื่องต้องขอร้องเขา จะไม่อ่อนหวานได้หรือ?
เซี่ยชีหรั่นเดินมาถึงตรงหน้าเขา ถามอย่างอ่อนโยนว่า “ทานอาหารค่ำหรือยังคะ?”
“อืม” เขาตอบสั้นๆ บ่งบอกว่าทานแล้ว
“กลับมาค่ำขนาดนี้ เหนื่อยไหมคะ? ให้ฉันช่วยนวดหลังให้ไหมคะ?” เธอถามอีก ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม
ในรอยยิ้มเธอแฝงความเอาใจอยู่น้อยๆ และมีความเหมือนสามีภรรยาถามทุกข์สุขกันสนิทสนมเป็นธรรมชาติอย่างปกติ เย่เชินหลินเคลิ้มไปสักพัก
“นั่งลงสิคะ ฉันนวดให้” เซี่ยชีหรั่นดึงมือเขามาอย่างเป็นธรรมชาติ เขายังคงปั้นหน้า กลับไม่สะบัดมือเธอทิ้ง
เขานั่งลงบนเตียง เซี่ยชีหรั่นขึ้นเตียง นวดหลังให้เขาอยู่ข้างหลัง
ความอ่อนโยนนั้น หลายวันมานี้ไม่มีเลย เย่เชินหลินหลับตา ไม่พูดจาสักคำ ที่จริงในใจเขาหวังอยากให้เธออ่อนโยนแบบนี้ไปตลอด เธอทำแบบนี้ น่าจะมีเรื่องต้องขอ เขาเดาออก
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ ผมไม่ชอบอ้อมค้อม” เขาพูดอย่างเรียบเฉย
เซี่ยชีหรั่นคิดในใจ ไม่ชอบแต่ยังให้ฉันช่วยนวดอยู่ตั้งนานไม่ใช่หรือ? ทำเป็นปากแข็ง
“มีเรื่องเล็กน้อยเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่เพราะว่ามีเรื่องจะขอคุณ ก็เลยทำแบบนี้นะ” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา
“เรื่องอะไร” เขาถามอีก
“วันนี้ฉันโทรหาพ่อบุญธรรม เขาไม่สบาย แม่บุญธรรมถูกควบคุมอยู่ในสถานกักกันก็สักพักหนึ่งแล้ว ฉันคิดว่า คุณสามารถปล่อยเธอออกมาก่อนได้ไหม? ที่จริงเธอไม่เคยต้องลำบาก ถูกกักกันนานขนาดนี้แล้ว ท่านคงได้รับการสั่งสอนแล้วละ”
เธอพูดแบบนี้ ตรงหน้าเย่เชินหลินก็ผุดท่าทางแม่บุญธรรมของเธอขึ้นมา เธอถึงขั้นขายเธอไปแล้ว ตอนนี้เธอยังจะใจอ่อนอีก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset