สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 425 สาวใช้ตัวแสบ 329

ตอนที่ 425 สาวใช้ตัวแสบ 329
ตอนเย่เชินหลินเข้ามา ตาของโม่เสี่ยวหนงก็มีความเปล่าประกาย เขาจะดูไม่ออกได้ยังไง
โดยเฉพาะเสียงกระแอมไอของโม่เสี่ยวจุน เตือนเขาในเวลาเดียวกัน ต้องเว้นระยะห่างจากน้องสาวสะใภ้ที่มีนิสัยไม่ได้ดีเต็มสิบนี้ ห้ามให้ผู้หญิงของเธอเสียใจ
โม่เสี่ยวหนงผิดหวังเล็กน้อย ที่จริงหลังจากที่วันนี้โม่เสี่ยวจุนเตือนเธอ เธอคิดเยอะมาก เย่เชินหลินดีกับเธอแบบนี้ เธอรู้สึกว่า อาจจะเป็นเพราะตัวเธอ และยังมีส่วนที่เกี่ยวกับตัวเธอเอง เช่นเธอสวย และน่ารัก
เธอคิด ถ้าเอาใจใส่กับพี่เขยหน่อย ไม่แน่อนาคตเธอก็ยังมีโอกาส
ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะเธอหา ซุนตงหมิงจึงไม่ได้คิดเรื่องเข้าหาเย่เชินหลินแล้ว ตอนนี้เธอไม่มีผู้ชายแล้ว สายตาก็หยุดที่เย่เชินหลิน ที่คอยช่วยเธอจัดการเรื่องมากมายขนาดนี้
แต่เขากลับพูดว่า ถ้าคราวหลังมีเรื่องอะไรให้ติดต่อกับเลขาเขา มันทำให้เธอไม่พอใจ
“ พี่ พี่ไม่มาเยี่ยมฉันแล้วจริงหรอ ? แม้จะมีคนดูแลฉัน แต่พวกเธอก็ไม่สามารถคุยเป็นเพื่อนฉันได้ พี่ ….. “ โม่เสี่ยวหนงเข้าใจอยู่แล้ว ถ้าอยากเข้าใกล้เย่เชินหลิน ต้องผ่านทางเซี่ยชีหรั่น เพราะฉะนั้นเธอจึงเปลี่ยนความคิด เธอมองและอ้อน เซี่ยชีหรั่นอย่างน่าสงสาร
“ ไม่ได้ ! “ คำพูดนี้โม่เสี่ยวจุนเป็นคนตอบ
“ ชีหรั่นทำงาน มีเรื่องให้ยุ่งอีกเยอะ ไม่สะดวกที่จะมาตลอด ที่นี่มีฉันและสองคนนั้นก็พอแล้ว “
ยังคงห่วงผู้หญิงของเธอตลอดเวลา สายตาเย่เชินหลินกวาดมองไปที่โม่เสี่ยวจุนอย่างเย็นชา สีหน้าเขาดูเฉยชา
เขาแค่ห่วงเซี่ยชีหรั่น จึงไม่ปิดบังมาตลอด เขาก็ต้องการให้เย่เชินหลินสังเกตถึงผู้หญิงคนนี้ เธอชอบแย่งของของเซี่ยชีหรั่นมาตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างที่เธอชอบ เธอก็อยากได้หมดทั้งนั้น
เขาไม่หวังว่าแม้แต่ผู้ชายของเซี่ยชีหรั่น เธอก็อยากได้
เซี่ยชีหรั่นก็เข้าใจความหมายของโม่เสี่ยวจุน แต่แค่เธอไม่อยากคิดว่าโม่เสี่ยวหนงร้ายขนาดนั้น มักรู้สึกว่าเธอแค่เอาแต่ใจ นิสัยก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เธอมองเย่เชินหลินอย่างข้อร้อง ยังคงคาดหวังให้เขายังให้อิสระเธอบ้าง ให้เธอมาเยี่ยมโม่เสี่ยวหนง ปกติไม่ติดต่อกันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ตอนนี้สำคัญกับเธอมาก ถ้าเธอมีอารมณ์ที่ไม่สบายใจ คงจะกระทบโดนสุขภาพ
“ ไปเถอะ ! “ เย่เชินหลินพูดแค่สองคำนี้ แล้วกอด เซี่ยชีหรั่นออกจากประตู
แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่ความหมายชัดเจนมากแล้ว ไม่ให้เธอมาเยี่ยมโม่เสี่ยวหนง
เมื่อก่อนความประทับใจที่เย่เชินหลินที่มีต่อโม่เสี่ยวหนง ยังพอผ่านไปได้ ตั้งแต่รู้ว่าสไตล์นิสัยของแม่เธอ ไป๋จงเจี๋ย เขาก็มีความรู้สึกกับเธอเปลี่ยนไปอีกแบบแล้ว
โดยเฉพาะวันนี้ที่เจอกันสองรอบ ความประทับใจที่เขามีต่อเธอก็ยิ่งแย่ลงมาก
ย้อนกลับไปคิดการยุยงของเธอทั้งสอบรอบ ดูเหมือนจะไม่มีอะไร เขาก็ไม่เคยไปคิดว่าผู้หญิงที่ดูใสซื่อแบบนี้ จะร้ายได้ขนาดไหน อีกอย่างเธอยังเป็นน้องสาวของคนที่เขาชอบ รักเธอก็ต้องรักคนของเธอ จึงเชื่อคำพูดเธอ
ตั้งแต่ตอนนี้ เขาจะไม่มองเธอแม้แต่ครั้งเดียว และไม่มีทางให้โอกาสเธอ มาสร้างปัญหาทำลายความสัมพันธ์ของเขาและเซี่ยชีหรั่น
ในห้องผู้ป่วย เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นไปแล้ว สีหน้าของโม่เสี่ยวหนงก็ดูไม่ดีขึ้นมามาก เธอมองโม่เสี่ยวจุนอย่างโกรธ : “ พี่หมายความว่ายังไง ? พี่ไม่อยากมาดูแลฉันตรงนี้ก็ช่าง พี่ไปเถอะ ไป ไป ! ฉันไม่ยากเห็นหน้าพี่ ! “
“ได้ ! “ โม่เสี่ยวจุนไม่พูดอะไร แล้วออกจากห้องไปเรียกพี่เลี้ยง อธิบายเรื่องให้เธอเล็กน้อย จากนั้นก็จากไปแล้ว
โม่เสี่ยวหนงคนนี้ เขารู้ทันเธอมาก ให้เธอฟื้นฟูร่างกายที่นี่คนเดียว ใจยังนิ่งสงบได้ดีกว่า
“ หลิน ไม่ว่าเสี่ยวหนงจะยังไง เธอก็ยังเป็นน้องสาวฉัน คราวหลังฉันไม่สนใจเธอก็ได้หมด แต่ตอนนี้เป็นช่วงพิเศษ ….. “ ออกจากห้องผู้ป่วย เซี่ยชีหรั่นพูดเบาเสียง พูดได้ครึ่งหนึ่งก็โดนเขาขัด
“ คุณภาพทางจิตใจของน้องสาวเธอคนนี้ แข็งแกร่งกว่าเธอเยอะเลย “ เย่เชินหลินพูดคำนี้จบอย่างเย็นชาก็ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้แล้ว
“ ท่านไม่เห็นว่าเธอร้องไห้ขนาดไหน ผู้หญิงที่แข็งแกร่งขนาดไหน ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ก็ไม่สามารถสงบลงมาได้หรอก “ เซี่ยชีหรั่นพูด เย่เชินหลินขมวดคิ้ว ถามอย่างเย็นชา : “ เธอดูไม่ออกหรอว่าเธออยากแย่งผู้ชายของเธอ ? เธอไม่แคร์งั้นหรอ ? “
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ พูดเบาเสียง : “ ช่างเถอะ ถ้างั้นก็รบกวนท่านแล้ว “
แน่นอนเธอไม่ได้ดูไม่ออก เธอแค่ไม่อยากคิดไปไกลมากกว่านี้
“ นิสัยเธอแบบนี้ต้องแก้หน่อยแล้ว ช่วยคนได้ แต่ต้องดูว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง คุ้มหรือไม่คุ้ม เรื่องชาวนากับงู เธอยังต้องเรียนรู้ใหม่ “ เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วพูด
เซี่ยชีหรั่นจะไม่รู้เรื่องชาวนากับงูยังไง แต่เธอกับโม่เสี่ยวหนงและชาวนากับงู จะเหมือนกันได้ยังไง เธอเกือบจะดูแลเธอมาตั้งแต่เกิด ยี่สิบปีผ่านมา ใจที่เหมือนจะเป็นแม่คนจะยอมแพ้ได้ยังไง
ลองถามว่ามีแม่คนไหนสามารถไม่สนใจลูกตัวเองได้ไหม ? แม้ลูกจะน่าผิดหวังแค่ไหน ร้ายแค่ไหน ก็มักจะเก็บทางกลับตัวกลับใจให้เธอเส้นหนึ่ง
เธอไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ ในเมื่อเย่เชินหลินสัญญาว่าจะดูแลเธอดีๆ อีกอย่างเมื่อกี้เธอก็ไปดูแล้วก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ข้าวเที่ยง เย่เชินหลินพาเซี่ยชีหรั่นไปทานในร้านอาหารแถวบริษัท หลังจากทานเสร็จ ก็ส่งเธอกลับเหมือนตอนมา จอดรถอยู่ที่ที่ห่างจากบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปหนึ่งระยะ เธอเดินเข้าไป
ท่าทีเซี่ยชีหรั่นระมัดระวัง เพราะฉะนั้นกลับห้องทำงานก็เบาเท้าเบามือ กลัวรบกวนโดนเพื่อนร่วมงาน ที่ทานข้าวกลางวันแล้วหลับอยู่
เข้าไปห้องทำงาน เธอค่อยๆเดินมาที่ของตัวเอง ได้ยินเสียงคนสองคนที่อยู่ไม่ไกล
“ คนแซ่เซี่ย กลางวันไม่ได้ทานข้าวที่ห้องอาหารหรอ ! “ เซี่ยชีหรั่นฟังเสียงสองคนนั้นออก คือคนหนึ่งที่ชื่อหวูเหม่ย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด เสียงเธอมีความแหลมละเอียด แยกออกได้ง่าย
ตั้งแต่เธอเข้ามาทำงาน คนที่หาปัญหาให้เธอเยอะที่สุด ก็คือคนที่ชื่อหวูเหม่ยคนนี้
“ เหมือนจะไม่อยู่ “ ผู้หญิงอีกคน เธอฟังคงจะชื่อจางเซี่ยวเซี่ยว
“ อุ้ย ทำไมบังเอิญแบบนี้เนี่ย กลางวันวันนี้ ผู้จัดการเซียวของเรา ก็ไม่ได้ทานข้าวที่ห้องอาหาร “ หวูเหม่ยพูดอย่างแปลก
“ หมายความว่ายังไง ? เธอหมายความว่าแซ่เซี่ยกับเซียว …… “
“ ชู่ ! เบาเสียงหน่อย ฉันจะบอกให้ ฉันไม่ได้พูดไปมั่วนะ เธอลองคิดดู ทำไมเธอถึงเหมือนได้ลงมาจากสวรรค์ ไม่มาจากชั้นล่างก่อน พึ่งมาก็ได้เป็นผู้ช่วยของผู้จัดการเซียวแล้วเนี่ย ? ก็แค่ใบหน้าสวยไม่ใช่หรอ ? เธอมองออกหรอว่าเธอมีความสามารถอะไร ? ได้ยินว่างานกิจกรรมใหญ่วัน คริสต์มาสนี้ ผู้จัดการเซียวปล่อยพนักงานพวกที่เก่งพวกนั้นไม่ใช้ ตั้งใจให้โอกาสเธอเป็นพิเศษแล้วให้เธอทำ นี่ไม่ใช่ว่าอยากให้เธอได้เปรียบหรอ ? สุดท้ายงานนี้ใครเป็นคนทำออกมาก ใครจะรู้ ไม่แน่ผู้จัดการเซียวเป็นคนทำเองแล้วค่อยให้เธอ “ หวูเหม่ยกดเสียงต่ำลง กลับไม่ได้ต่ำขนาดนั้น เซี่ยชีหรั่นได้ยินอย่างชัดชัดเจนเจน
ถ้าเลือกได้ เธอไม่อยากได้ภายนอกที่โดดเด่นแบบนี้ เพราะตั้งแต่เด็กไม่ว่าเดินไปทางไหน ก็มักจะมีคนเอาภายนอกเธอไปพูด เหมือนว่ามีใบหน้าที่สวย ก็ไม่ควรมีความสามารถอะไรแล้ว
โม่เสี่ยวหนงอิจฉาเธอ ก็เกี่ยวกับหน้าตาเธอ แค่มีคนบอกพี่สาวเธอสวย เธอก็จะโกรธมาก
ทำไมหวูเหม่ยคนนั้นต้องกดดันเธอ เธอรู้ ครั้งที่แล้วเธอได้ยินคนพูดผ่านหู บอกว่าถ้าเธอไม่มา หวูเหม่ยอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของเซียวแย่
เรื่องนี้เธอเคยพูดกับเซียวแย่ส่วนตัวครั้งหนึ่ง ถ้าเธอแย่งตำแหน่งของหวูเหม่ยจริง เธอจะยอมถอยออกมา ยังไงทุกคนออกมาทำงานก็ไม่ง่าย
เธอจำได้วาตอนนั้นเซียวแย่หัวเราะเหมือนมีความหมายลึกซึ้ง “ เธอรู้สึกว่าฉันเป็นผู้จัดการนี้เปล่าเปล่าหรอ?ถ้าเธอตั้งใจจริง ฉันก็ให้เธอเป็นผู้ช่วยตั้งนายแล้ว ฉันให้เธอเป็นผู้ช่วยตั้งนานแล้ว เธอไปสืบเอาเอง ว่าเซียวแย่เป็นคนยังไง เป็นคนประเภทพวกที่ยัดคนให้ฉัน ฉันไม่เห็นด้วยเองก็ต้องรับงั้นหรอ ? “
หลังจากตอนนั้น เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เธอเข้าใจแล้ว เซียวแย่ไม่รับหวูเหม่ยเอง เสียดายหวูเหม่ยไม่ได้คิดแบบนี้
เธอยังพูดเสียหายอยู่ลับหลังเธอ เสียงก็ต่ำกว่าเดิม : “เธอทาย ว่าเธอต้องเอาอะไรมาตอบแทนผู้จัดการเซียวของพวกฉันเนี่ย? ฉันว่า ง่ายสุดก็คือการใช้ร่างกายมั้ง …. “
เซี่ยชีหรั่นยืนขึ้น สูดหายใจลึก เดินไปทางทั้งสองที่กำลังสนทนากัน ยืนอยู่หน้าพวกเธอ มองพวกเธอด้วยสีหน้าเย็นชา
พวกเขาไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นกลับมาแล้ว แม้จะรู้ว่าเธอกลับมา ก็คงคิดว่าเธอก็ได้แค่ทนแอบฟังอย่างโกรธ อยู่แบบนั้น จะกล้าลุกขึ้นมาหน้าพวกเธอได้ยังไง
“ มองอะไรหรอ ผู้ช่วยเซี่ย ? พวกฉันมีอิสระในการสนทนาอยู่ใช่ไหม ? “ หวูเหม่ยอยากมีปัญหากับเซี่ยชีหรั่นโดยตรงตั้งนานแล้ว เธอมักจะรู้สึกว่าเธอพึ่งมา ก็แย่งตำแหน่งเธอแล้ว เธอก็ทนลงไปไม่ได้แล้ว
เซี่ยชีหรั่นยิ้มออกมาอย่างเฉยชา พูด : “ มีสิ ฉันไม่ได้พูดว่าพวกเธอไม่มี พูดต่อเลย เป็นคนก็ต้องเปิดเผย ฉันยืนฟังเธอที่นี่ ถ้ายังไม่พอ สามารถพูดออกมาตอนประชุมวันจันทร์ได้ “
“ นี่ ….. “ หวูเหม่ยใจเย็นลงมา ไม่รู้ว่าต้องต่อคำพูดเซี่ยชีหรั่นยังไง
จางเซี่ยวเซี่ยวที่สนทนากับเธอเมื่อกี้ รับรู้ได้ว่าเซี่ยชีหรั่นออกตัวแบบนี้คงจะมีเบื้องหลังอะไร รีบยิ้มแล้วดึงเซี่ยชีหรั่น แล้วพูดเบาเสียง : “ ไม่มีอะไรหรอก ผู้ช่วยเซี่ย พวกฉันก็แค่สนทนาไปแค่นั้น “
เซี่ยชีหรั่นไม่ใช่ว่าทนไม่ได้ เธอก็แค่ไม่อยากเห็นเรื่องไม่ดีแบบนี้แพร่ไปทั่ว
เธอรู้ตั้งนานแล้ว ว่าเข้ามาบริษัท ทุกคนก็แอบนินทาความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวแย่โดยลับหลัง หรือไม่ก็บอกว่าเธอมีความสัมพันธ์กับผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
ถ้าเธอยังไม่ออกหน้าพิสูจน์ ก็จะเหมือนวันนี้ คำพูดยิ่งพูดยิ่งร้อนแรง สุดท้ายสิ่งที่ไม่เป็นความจริงก็โดนพูดเหมือนเป็นความจริง
เธอไม่แคร์ว่าคนอื่นพูดอะไรได้ แต่นี่เป็นบริษัทของเย่เชินหลิน เธอไม่อยากเห็นบริษัทยุ่งแบบนี้
อีกอย่างถ้าข่าวลือแรงกว่านี้ เธอก็ไม่ต้องทำงานปกติแล้ว เข้าใกล้เซียวแย่ก็จะมีคนพูดไปมั่ว สักวันเย่เชินหลินต้องรู้แน่นอน ถ้าเกิดเขาหึงขึ้นมา โอกาสที่เธอได้มาทำงานก็ไม่มีแล้ว
“ สนทนาแค่นั้นจริง หรือสร้างข่าวลือขึ้นมา ? เพียงแค่วันนี้ฉันไม่ได้ทานข้าวในห้องอาหาร ผู้จัดการเซียวก็ไม่ได้ทานข้าวในห้องอาหารเหมือนกัน ก็กลับกลายเป็นว่าพวกฉันมีความสัมพันธ์กันแล้ว ? ถ้าพวกเธอมีหลักฐานก็เชิญพูดได้ ถ้าไม่มี ตั้งแต่วันนี้ขอให้พวกเธอระวังคำพูดตัวเอง ที่พูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ ทำกับคนอื่น ก็เหมือนทำกับตัวเอง ถ้าโดนไล่ออกเพราะแค่นี้ คงจะไม่คุ้ม ! “

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset