สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 474 สาวใช้ตัวแสบ378

ตอนที่ 474 สาวใช้ตัวแสบ378
เซี่ยชีหรั่นพยายามควบคุมใบหน้าอย่างสุดกำลัง แต่สีหน้าของเธอยังคงอึดอัด ฝู้เฟิ่งหยีตอบแทนเธอ
“เหมือนหน่อยนะ น่าจะเป็นเพราะบุคลิกเหมือน ฉันดูแล้วโครงหน้าก็ไม่ได้เหมือนขนาดนั้น”
หลังจากอธิบายแล้ว เธอไม่อยากให้เซี่ยชีหรั่นถูกวิพากษ์วิจารณ์และพูดกับเธอว่า “ช่วยไปเอากาแฟร้อนสักถ้วยให้น้าหน่อย ไม่ต้องรีบนะ เธอก็ไปเดินเล่นรอบ ๆ มาคุยกับคนชราอย่างพวกเราไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก”
เห้ย คุณดู คุณนางเย่ปกป้องลูกสะใภ้นะ กลัวว่าพวกเราจะกินเธอ คุณนางพานยิ้มตอบ ฝู้เฟิ่งหยีก็ยิ้มตาม “ลูกสะใภ้ตัวเองต้องปกป้องอยู่แล้ว
ในใจเซี่ยชีหรั่นรู้สึกซาบซึ้งที่ฝู้เฟิ่งหยียอมรับ อีกทั้งยังคิดแทนเธอทั้งหมดอีกด้วย ถึงเวลานี้เธอยิ่งเข้าใจถึงความหมายที่เย่เชินหลินเคยพูดประโยคนั้น เขาเคยบอกจะแบ่งความสุขของครอบครัวให้แก่เธอ หลังจากนี้เธอจะไม่ใช่เด็กกำพร้าแล้ว
“จิ่วจิ่ว เธอไปกับเซี่ยชีหรั่นเถอะ” ฝู้เฟิ่งหยีสั่งจิ่วจิ่วที่อยู่ด้านหลัง จิ่วจิ่วรีบพยักหน้า
เดินไปไม่กี่ก้าว เซี่ยชีหรั่นก็พูดข้างๆหูจิ่วจิ่วให้เธอไปอยู่ข้างกายฝู้เฟิ่งหยี เขาอายุมากแล้ว อาจยืนจนเหนื่อยแล้ว หรือไม่สบายตรงไหน ข้างกายมีเธอถึงจะสะดวก
“ชีหรั่น แล้วเธอจะทำยังไง?” จิ่วจิ่วถามอย่างไม่ค่อยสบายใจ
“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? เธอดู นี่งานเลี้ยงใคร ของตระกูลไห่นะ ตระกูลไห่กับตระกูลเย่ความสัมพันธ์ดีขนาดนั้น ฉันอยู่ที่นี่จะทำอะไรได้ล่ะ ไม่มีอะไร เธอวางใจเถอะ! รีบไป!”
จิ่วจิ่วพยักหน้า หันหลังกลับไปหาฝู้เฟิ่งหยี
เซี่ยชีหรั่นเดินไปข้างหน้าคนเดียวและที่นี่เธอไม่รู้จักใครเลย แต่เธอก็ลังเลที่จะอยู่ข้างๆ ฝู้เฟิ่งหยี เพราะเห็นสายตาแปลก ๆ ของผู้หญิงเหล่านั้น
เธอดูออกว่าตราบใดที่เธอยังอยู่ที่นั่น พวกเขาจะเอาเธอไปตั้งเป็นประเด็นหัวข้อและถามฝู้เฟิ่งหยีไม่หยุด
เธอหยุดอยู่ในมุมที่ไม่มีใครอยู่และนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างๆ เธอมองไปรอบ ๆ และในที่สุดก็มองใบหน้าของแม่ที่นั่งอยู่ที่นั่นเงียบๆเหมือนกัน
เขาก็มองเธอ สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ยิ้มเล็กน้อย

ห่างจากคนหลายคน เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าเบา ๆ เธอคิดอยากลุกขึ้นเดินไป พูดกับเขาตามลำพังเพียงไม่กี่คำ

เมื่อเธอมองไปที่ จ้าวเหวินอิงมีหลายคนก็กำลังมองเธอ พวกเขาอยู่ห่างจากเธอนิดหน่อย และในขณะเดียวกันก็มองเธอพร้อมกันวิพากษ์วิจารณ์

“ คุณน้า หลินหลิงไปไหนแล้ว? หรือว่าถูกปีศาจจิ้งจอกนั่นเอาเปรียบอย่างง่ายดาย? พวกคุณดูเธอ ได้ใจนัก ฉันเห็นแล้วก็โมโห ทนไม่ไหวอย่าด่าสักชุด” พูดโมโหลมออกหู พานหนูเป็นแฟนเก่าของไห่ลี่หมิน เธอยืนอยู่ข้างกายของนายหญิงรองประธานส้ง ตั้งใจมาทักทายพวกเขา

รองประธานาธิบดีซ่งและภรรยาของเขาไม่อยากไปด่าว่าเซี่ยชีหรั่น แม้ว่าอยากจะตบเธอสักฉาบ ห่างจากเวลาคราวที่แล้วตอนที่เย่เชินหลินบอกเลิกรา

กับส้งหลิงหลิงจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาไม่นานเท่าไหร่ วันนี้เย่เชินหลินกับพาคนรักใหม่มาออกงาน ได้ยินว่าส้งหลิงหลิงเป็นเด็กกำพร้า เขายอมที่จะเอาเด็กกำพร้าเพื่อจะปกป้องเธอ แต่กลับเตะส้งหลิงหลิงทิ้ง นี่ไม่ใช่กำลังตบหน้ารองประธานส้งหรอ?

สีหน้าของนายท่านส้งเย็นชา สีหน้าของนายหญิงส้งยิ่งดูไม่ได้ พูดกับพานหยูอย่างเยือกเย็น “เธอเป็นเพื่อนที่ดีของหลินหลิง อายุก็ไล่เลี่ยกับเธอ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องห่วงถึงเรื่องที่จะตามมา เรารู้ว่าเธอหวังดีกับหลินหลิง ขอบใจเธอหลินหลิงถ้ารูว่าเธอมีความยุติธรรมขนาดนี้ ยิ่งจะถือว่าเธอเป็นเพื่อนที่รู้ใจ

พานหยูทนมานานแล้ว วันนี้ไม่อยากทนอีกต่อไป ถึงแม้เธอจะมีแฟนใหม่แล้ว ซึ่งพละกำลังไม่ได้แย่กว่าไห่ลี่หมิน ในทางตรงกันข้ามพละกำลังเหนือกว่าเขาหลายเท่าด้วยซ้ำ ทำไงได้เธอยังอาลัยอาวรณ์กับความรู้สึกเก่าๆของไห่ลี่หมิน โดยเฉพาะวันนี้ตอนที่เธอมา เห็นสายตาของไห่ลี่หมินจ้องไปที่เซี่ยชีหรั่นที่อยู่ข้างกายเย่เชินหลิน เธอยิ่งรู้สึกเกลียดเข้ากระดูก

เธอเดินผ่านไปมาท่ามกลางคุณหนูมาตลอด แต่กลับไม่ได้สังเกตเห็นคุณผู้หญิงของเสนาธิการหลี่ นั่นก็คือแม่เลี้ยงของหลี่เหอไท้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ถ้ารู้แต่แรกแม่เลี้ยงเขาอยู่ แล้วยังเป็นแม่ของเซี่ยชีหรั่นด้วย เธอคงไม่เสียสติไปอาละวาดขนาดนั้น

ตอนเธอถือแก้วเหล้า บอกภรรยาของรองประธานส้งว่าจะไปเจอเซี่ยชีหรั่น ในใจเธอคิดแต่ว่ามีตระกูลส้งให้ท้ายอยู่ แล้วยังมีลูกชายของเสนาธิการหลี่หนุนหลังอย่างเต็มกำลัง”คุณหนูเซี่ย!” พานหยูเรียก เซี่ยชีหรั่นอย่างไม่เป็นมิตร จากนั้นไม่รอให้เธอเชิญเขาก็นั่งลงบนโซฟาข้างกายเธอ แน่นอนว่าเซี่ยชีหรั่นมองออกว่าเขาคิดจะหาเรื่อง ดังนั้นเธอเพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้คิดที่จะพูดกับเขา และเตรียมตัวจะลุกออกไป

“หลบฉันหรอ? กลัวว่าฉันจะพูดเรื่องเมื่อก่อนที่ส้งหลิงหลิงเห็นเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ แต่เธอกลับหน้าไม่อายแย่งผู้ชายของเขาหรอ?” คำพูดของ

พานหยูเหมือนมีดคมที่ทิ่มแทง เซี่ยชีหรั่นสีหน้าแดงก่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพานหยูยิ่งพูดเสียงดังขึ้นอีก ทุกคนที่อยู่แถวนั้นล้วนหันมามองเธอ

เมื่อเขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเย่เชินหลิน ช่วงเวลาที่ถูกกล่าวหาและด่าว่า มีสายตาของผู้หญิงบางคนนั้นปรากฏความรู้สึกที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นออกมา

พานหยูพูดอย่างนี้ เซี่ยชีหรั่นยากที่จะตอบกลับ ส้งหลิงหลิงเคยพาเธอแนะนำตัว พวกคน ตงเจียงที่มีชื่อเสียงต่างก็รู้ว่าเดิมเธอเป็นน้องสาวบุญธรรมของส้งหลิงหลิง

คนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ก็ต้องคิดว่าเธอเป็นปีศาจจิ้งจอกที่แย่งพี่เขยของเขาไป แค้นไม่ไหวรุมด่าเธอตาม ถึงจะมีความสุข แต่เธอเป็นผู้หญิงของเย่เชินหลิน

ถูกล้อมรอบด้วยสายตาที่เหยียดหยามจากผู้คนรอบตัวเซี่ยชีหรั่น เธอต้องการที่จะปฏิเสธ ไม่รู้จะถอยยังไง เธอเพียงแค่หายใจเข้าลึกๆ พูดกับเธอด้วยความอ่อนโยน “ความจริงจะเป็นยังไง ไม่ใช่คนนอกที่จะรู้ วันนี้วันเกิดของคุณปู่ไห่ ฉันคิดว่า เธอกับฉันคงไม่อยากทำลายบรรยากาศเหมือนกัน ลาก่อน!”

พวกเขาก็แค่กล้ามองมาจากที่ไกลๆเห็นเป็นเรื่องสนุก ด้วยสายตาที่เหยียดหยาม กลับไม่กล้าออกหน้าขึ้นมาพูดอะไรจริงๆ

หลังจากพูดจบ เธอหันตัวก้าวเดินออกมา พานหยูก็กระโดดลงมาจากโซฟาจับข้อมือของเซี่ยชีหรั่น พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดว่า “ฉันไม่อยากทำลายบรรยากาศ แต่ฉันทนเห็นผู้หญิงที่จอมปลอมไม่ไหวจริงๆ! ส้งหลิงหลิงปฏิบัติต่อเธอในฐานะน้องสาวแท้ๆ ปฏิบัติต่อเธออย่างดีทุกอย่าง เลี้ยงดูเด็กกำพร้าตัวน้อยในฐานะลูกสาวของตระกูลส้ง

เธอไม่รู้จัดสำนึกบุญคุณก็ไม่เป็นไร แต่เธอแย่งผู้ชายของเขา ไม่เพียงแต่เเย่งของเขายังแย่งของฉันด้วย ก่อนที่เธอจะมาไห่ลี่หมินกับฉันดีๆกันอยู่ เมื่อเธอมาในสายตาของเขาก็มีแต่ตัวเธอ ”

“นั่นเพราะผมเต็มใจเอง!” ตอนที่เซี่ยชีหรั่นกำลังอึดอัด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตอบที่เย็นชาของไห่ลี่หมิน

เขาเดินขึ้นไปข้างหน้า ดึงพานหยูออกไป จ้องมองเธออย่างเย็นชาหลายวินาที ถึงจะเปิดปากพูดอีก “เดิมทีผมไม่ได้ต้อนรับคุณ แต่เห็นแก่หน้าประธานกรรมการพานถึงให้คุณปล่อยคุณเข้ามา ผมคิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่รู้จักบันยะบันยังขนาดนี้ คุณจำสถานะตัวเองไม่ได้แล้วหรอ? พูดจามั่วซั่วที่นี่ได้ยังไง แถมใส่ร้ายแขกวีไอพีของครอบครัวผม ?”

พานหยูห่างเพียงแค่ก้าวเดียว ไม่ผิดที่เมื่อก่อนเธอกลัวไห่ลี่หมิน เลิกกันแล้ว เธอกลับไม่กลัวเขาแล้ว ดังนั้นเธอจังเชิดหน้า พูดอย่างหยิ่งยโส “ใส่ร้าย? นี่คุณกำลังออกมายืนปกป้องเธอ? คุณไม่ใช่เพราะเธอแล้วเลิกกับฉันหรอ?”

“เขาคงไม่ใช่เพราะผู้หญิงของฉันแล้วเลิกกับเธอมั้ง?” น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้น สายตาของผู้คนมากมายหันมามองเสียงที่ดังขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย

เห็นว่าเย่เชินหลินมาจากทางด้านนี้หลังจากถามพานหยูจบ ก็เดินไปทางเซี่ยชีหรั่น โอบไหล่เธอและพูดอย่างอ่อนโยนๆ ว่า “ขอโทษนะที่รักฉันผมพึ่งเดินออกไปแป๊บเดียว ก็มีคนใส่ร้ายคุณ ต้องโทษที่คุณเด่นเกินไปและใจดีเกิน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกคนอิจฉาโจมตี แต่คุณสามารถวางใจได้ ตราบใดที่ยังมีผมอยู่ไม่มีใครสามารถรังแกคุณ และดูถูกคุณได้ ”

พูดจบ เย่เชินหลินก็หันไปมองพานหยูอีกด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับจะแช่เธอให้แข็งอย่างนั้น

พานหยูรู้สึกว่าเธอมีเหตุผลมากพอที่จะพูดได้เต็มปาก เผชิญหน้ากับสายตาแบบนี้ของเขา เธอยังรู้สึกกังวล ถึงกระทั่งสั่นกระเทือนเล็กน้อย

ในขณะนี้โม่เสี่ยวจุนได้ยินเสียงการพูดคุยก็ดึงมือของไห่ฉิงฉิงมา

เซี่ยชีหรั่นเห็นเย่เชินหลินจะเอาเรื่องพานหยู ไห่ลี่หมินก็ดูท่าจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราว โม่เสี่ยวจุนก็จะโผล่มาอีก เธอก็รู้สึกว่าจริง ๆ แล้ว คำพูดที่ตัวเองได้รับมากี่โยคนั้น ไม่ถือว่าได้รับความไม่ยุติธรรมเท่าไหร่แต่กลับมีคนมากมายที่ออกหน้าช่วยเหลือเธอ

เธอซาบซึ้ง ตื้นตันใจ แต่ยังไม่สบายใจ ท้ายที่สุดพานหยูก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่มองเธอโดยไม่มีความเคารพ ดังนั้นเธอดึงแขนเย่เชินหลินพูดเสียงเบา “ไม่มีอะไร เขาแค่เข้าใจผิด พวกเราไปเถอะ!”

“ขอโทษ!” เย่เชินหลินค่อยๆคายคำสองคำออกมา เสียงไม่ดัง แต่ก็หนักแน่นและเด็ดขาด

พานหยูมองเย่เชินหลินอย่างไม่ยอมรับ เขาก็จ้องมองเธออย่างบีบบังคับ แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตากลับบ่งบอกเธอ หากเธอไม่กล้าขอโทษฟื้นฟูชื่อเสียงของผู้หญิงเขากลับมา เขาจะทำให้เธอกับครอบครัวเธอไม่ได้ตายดีแน่

เซี่ยชีหรั่นมองมาทางเย่เชินหลินอีกครั้ง เขากลับลูบที่หน้าเธออย่างอ่อนโยนมาก พูดด้วยเสียงเบาว่า “เรื่องบางเรื่องควรให้อภัย แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่ควรให้อภัย พวกเราจะไม่สามารถจะบอกว่าช่างมันก็จะช่างได้ เธอใจอ่อนเกินไปแล้วเขาถึงได้กล้าทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนี้”

“ คุณยังมีเวลาสองวินาทีในการคิดทบทวนเกี่ยวกับตัวเอง” เย่เชินหลิน หันศีรษะของเขา มองไปทางพานหยูและ เซี่ยชีหรั่นที่มีสภาพจิตใจที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เย็นชาและอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ

พานหยูรู้วิธีการของเย่เชินหลิน เธอคิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาถูกสอบสวน ทำให้เธอกลัวแล้ว

แม้ว่าเสนาธิการหลี่จะเก่งกาจ แต่ก็ยังเป็นข้าราชการในเมืองหลวง ยังอยู่ไกลเกินเอื้อม ไม่แน่นอนว่าจะช่วยเธอได้ทันเวลา

ไห่ลี่หมินก็กำลังมองเธอ ไม่เพียงไม่ช่วยเธอ ยังจะให้เธอขอโทษเซี่ยชีหรั่น ในใจพานหยู ภายใต้ความกดดัน เธอก็พูดด้วยเสียงต่ำ

“เมื่อครู่ตอนที่เธอกล่าวหาแฟนผม ดูเหมือนว่าทุกคนจะได้ยินกันหมดแล้ว? ตอนนี้ทำไมเสียงขอโทษถึงได้เบา ผมไม่เห็นถึงความจริงใจนั้นเลย”

“ขอโทษ!” พานหยูพูดเสียงสูง

“โอเค พวกเราไปเถอะ” เซี่ยชีหรั่นพูดเสียงเบา

พานหยูในฐานะคนนอก เธออาจไม่รู้จริงๆว่าการไปมาหาสู่กันระหว่างเธอกับส้งหลิงหลิง ไม่รู้ว่าส้งหลิงหลิงจะจัดการกับเธออย่างไร เธอจึงไม่ต้องการเห็นเธอได้รับความเสื่อมเสีย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset