สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 50 ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

ตอนที่ 50 ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
“ฉันไปเอง! คุณเย่จะตำหนิหล่อนเอา ยังไงเขาก็ไม่ได้อะไรกับฉันอยู่แล้ว ส่วนฉันก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะด่าหรือไม่ด่าฉันอีกแล้ว” เสี่ยวเจียวพูดจบ ก็วิ่งออกไป ไม่นานก็ถึงประตูเข้าตึกใหญ่
ประตูหลักเข้าตึกใหญ่ก็ได้ล็อคประตูลงแล้ว หน้าประตูก็ไม่มีใคร หล่อนทำได้เพียงแค่ยืนตะโกนอยู่ด้านนอกประตู
แต่ประตูใหญ่ส่วนใหญ่จะทำมาจากวัสดุดูดซับเสียง ต่อให้หล่อนตะโกนยังไง ข้างในก็ไม่ได้ยิน
“โม่เอ๋อคืนนี้ก็อย่าปล่อยให้หลิงหลิงรู้สึกเปล่าเปลี่ยวล่ะ”
ก่อนนอน ฝู้เฟิ่งหยีก็เอ่ยกับเย่เชินหลินไปแบบนั้น แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของมัน และรู้ว่าแม่เขาคงอยากจะให้เขามีทายาทเร็วๆ
เขาอาบน้ำในห้องตัวเองเสร็จแล้ว มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันกายเอาไว้ เดินเข้าไปยังห้องของส้งหลิงหลิง
เธอสามารถใช้ฐานะที่เป็นว่าที่เจ้าสาวเพื่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา มันดีกว่าแต่ก่อนมาก การเชิญชวนของหล่อน เย่เชินหลินก็ไม่ได้ปฏิเสธมัน เขาที่เต็มไปด้วยกำลัง ร่างกายก็ต้องการปลดปล่อยอยู่แล้ว
เสร็จสิ้นสังเวียนรัก ส้งหลิงหลิงนอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้าแต่กลับอิ่มเอม แต่เย่เชินหลินนั้นราวกับรับรู้ว่ามีคนร้องเรียกหาเขา มีร่างบางของเซี่ยชีหรั่นปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“เชินหลิน นอนเถอะ” ส้งหลิงหลิงเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน
“เธอนอนเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำสักหน่อย แล้วยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ คืนนี้ฉันจะนอนที่ห้องของฉันเอง”
เย่เชินหลินพูดจบ ก็พันผ้าขนหนูแล้วเดินออกไป
ส้งหลิงหลิงทอดหายใจจ้องมองขึ้นไปยังเพดานหรู ในใจเกิดความรู้สึกเจ็บปวดออกมา ดูเหมือนว่าที่นี่ก็ไม่เหมือนกับโรงแรม แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือเขาเดินออกไปหลังจากเสร็จกิจรัก เมื่อไหร่เขาถึงจะยอมโอบกอด แล้วนอนหลับไปด้วยกันทั้งคืนกันนะ?
หลิวเสี่ยวเจียวทุบประตูไม่หยุด ตะโกนออกมาไม่หยุด ในที่สุดก็มีคนปรากฏออกมาจากในห้องโถงใหญ่
มองใกล้ๆ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล และนั่นก็คือร่างสูงของเย่เชินหลินนั่นเอง ด้วยแสงสลัวจากในห้องโถง เธอจึงเห็นหน้าเมินเฉยของเขา ถ้าเขาไม่ให้เซี่ยชีหรั่นหาหมอล่ะ จะทำยังไง?
“คุณเย่! ได้โปรดช่วยไปดูอาการของชีหรั่นหน่อยค่ะ ตัวร้อนขึ้นไม่เรื่อยๆ หล่อนแย่แน่เลยค่ะ! “
คำพูดของหลิวเสี่ยวเจียวก็ไม่ได้ดังทะลุไปถึงในห้องโถงใหญ่ หล่อนจึงใช้ท่าทางบอกเขา คาดหวังให้เขาเข้าใจท่าทางของเธอ แต่ไม่คิดว่า เขาเพียงมองมาแวบเดียวก็หันกลับออกไป
หลิวเสี่ยวเจียวที่ไร้สิ้นหนทางก็ทำได้เพียงวิ่งกลับไปยังบ้านพักคนงาน จิ่วจิ่วที่กำลังประคบเย็นให้กับเซี่ยชีหรั่น เพียงไม่นานผ้าเย็นก็เปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าอาการหล่อนจะไม่ดีขึ้นเลย
ดวงตาของเซี่ยชีหรั่นลืมตาขึ้นสองสามครั้ง ก็ทำเอาจิ่วจิ่วตกใจออกมาไม่น้อยเลย
เธอเขย่ามือของหล่อนเอาไว้ พร้อมกับร้องเรียกหล่อน “ชีหรั่น อดทนไว้อีกนิด พอฟ้าสางก็ดีขึ้นแล้ว เธออย่าทำให้ฉันกลัวสิ!”
แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วยังไม่ได้ยินอะไรเลย ปากก็ละเมอพูดออกมาไม่หยุด ทั้งมือและเท้าก็ชักกระตุกขึ้นมาเป็นช่วงๆ
หลิวเสี่ยวเจียวคุกนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยกันกับจิ่วจิ่วจากนั้นก็คอยพูดคุยกับหล่อนไม่หยุด
จ้าวเทียนอั้ยถูกเสียงของพวกหล่อนดังรบกวนจนปลุกให้ตื่นขึ้นมา ขมวดคิ้วลุกนั่งขึ้นมา ถามพวกหล่อนอย่างหงุดหงิด “จะไม่ให้นอนกันเลยใช่มั้ย? ไม่ใช่ว่าแค่ป่วยหรือยังไง? ร้องไห้ตะโกนหาบรรพบุรุษกันเพื่ออะไร?”
ทั้งหลิวเสี่ยวเจียวและจิ่วจิ่วให้ความสนใจอยู่กับร่างของเซี่ยชีหรั่น ไม่มีกระจิตกระใจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับจ้าวเทียนอั้ย
จิ่วจิ่วพนมมือทั้งสอง ปากก็เอ่ยออกมาไม่หยุด “ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ได้โปรด ช่วยให้เซี่ยชีหรั่นอดทนไว้ได้ด้วยเถิด”
“ชีหรั่น ตอนฟ้าสางคุณชายใหญ่ไม่มีทางไม่สนใจเธอ ขออย่าให้ตัวร้อนไปกว่านี้เลยนะ!” จิ่วจิ่วเอ่ยออกมาจนถึงประโยคสุดท้ายก็ร้องไห้ออกมา เพื่อนข้างบ้านของเธอก็ไข้ขึ้นสูงจนสมองเบลอ เธอจึงกลัวการเจ็บป่วยมากเหลือเกิน
“ป่วยแบบนี้ก็สมควรอยู่หรอก ใครสั่งให้หล่อนเที่ยวยั่วยวนคุณชายใหญ่ได้ทุกวี่ทุกวันกัน คนแรดๆอย่างหล่อนก็สมควรที่จะโดนลงโทษแบบนี้!”
ในที่สุดจิ่วจิ่วก็ทนไม่ไหว สวนกลับไปหนึ่งประโยค “เธอไม่คิดจะเห็นใจคนอื่นบ้างหรอ? พูดเหน็บแนมอยู่นั่นแหละ ไม่เห็นหรอว่าอาการเธอหนักแค่ไหน?”
“ฉันบอกแล้ว จะร้อนใจกันทำไม? ก็แค่สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า! หล่อนจะป่วยตายยังไงก็ไม่มีใครสนใจหรอก!”
คำพูดของจ้าวเทียนอั้ยที่หลุดออกมา จากนั้นประตูที่แง้มอยู่ก็เปิดออกมากะทันหัน เย่เชินหลินก้าวเข้ามาในห้องนิ่งๆด้วยใบหน้าจริงจัง มีท่านพ่อบ้านที่เดินตามร่างเขามาติดๆ
สีหน้าของจ้าวเทียนอั้ยซีดเผือด ภาวนาอยู่ในใจขอให้คุณชายใหญ่ไม่ได้ยินคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่
“คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่แล้ว ช่วยชีหรั่นด้วย ขอร้องล่ะค่ะ!” จิ่วจิ่วลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา จับแขนของเย่เชินหลินแน่น
“หมอกำลังมาแล้ว จิ่วจิ่ว อย่าไปจับคุณเย่แบบนั้น” ท่านพ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังเอ่ยเตือนออกมา จิ่วจิ่วถึงจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
ตั้งแต่เย่เชินหลินเข้ามาในห้อง สายตาก็ไม่ละออกจากเซี่ยชีหรั่นเลย
ใบหน้าของเธอแดงร้อนทั้งหน้า ส่ายหน้าไม่หยุด จากนั้นก็กรีดร้องออกมา
“อย่า!”
“อย่าทำแบบนี้! อย่า!”
เย่เชินหลินขมวดคิ้ว แล้วนั่งลงบนเตียงของเธอ
จิ่วจิ่วเองก็คิดจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ถูกหลิวเสี่ยวเจียวดึงมือเอาไว้ ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าอย่าเข้าไป
“อย่า!” เซี่ยชีหรั่นร้องออกมา ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลพรากออกมา โดยแม้แต่น้ำตาของเธอก็ยังร้อนไปด้วย
เย่เชินหลินยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาบนหน้าของเธอเบาๆ การกระทำที่อ่อนโยนสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
เซี่ยชีหรั่นเองก็ไม่เคยได้รู้ถึงความอ่อนโยนที่มีของเขา ในความโกลาหลก็ยังคงมีเรื่องน่าตื่นตกใจออกมาไม่หยุด
ทันใดนั้นเองเธอก็คว้าแขนของเย่เชินหลินเอาไว้ ถลึงตามอง กัดฟันพูดกับเขา “ฉันจะฆ่าคุณ! ฆ่าคุณ!”
ดวงตาของเธอเป็นสีแดงเลือด คว้าแขนของเขาเอาไว้สุดแรง
“เซี่ยชีหรั่น หล่อนบ้าไปแล้ว!” ท่านพ่อบ้านตำหนิออกมาอย่างรุนแรง แต่เย่เชินหลินกลับใช้มืออีกข้างส่งสัญญาณให้เขาหุบปากลง
แรงของเซี่ยชีหรั่นที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน คว้าเขาเอาไว้ทั้งซ้ายและขวา ทั้งยังกัดเขา แต่เย่เชินหลินก็ไม่มีอาการอะไรออกมา เพียงไม่นานแขนของเขาก็เกิดเป็นรอยจนมีเลือดออกมา แล้วก็ยังมีรอยฟันที่กัดลึกลงไป
จิ่วจิ่วและคนอื่นๆก็มองอย่างอึ้งๆ ความเคารพนับถือต่อเย่เชินหลินก็เพิ่มขึ้นหลายขั้น
อาจจะเป็นเพราะใช้แรงที่มีหมดแล้ว เซี่ยชีหรั่นที่ได้ระบายออกไปอย่างบ้าคลั่งอยู่ๆก็หมดสติลงไป
“เซี่ยชีหรั่น!” เย่เชินหลินเอ่ยเรียกเธอเสียงต่ำ จิตใต้สำนึกของเธอเหมือนกับว่าได้ยินมัน แต่กลับไม่อาจตอบกลับไปได้ การหายใจก็ค่อยๆลำบากขึ้น
“หมอล่ะ! ทำไมชักช้าแบบนี้?” เย่เชินหลินขมวดคิ้วหันไปถามท่านพ่อบ้าน ในตอนนี้เองคุณหมอก็ก้าวเข้ามาพอดี
“คุณเย่ครับ ผมมาแล้ว เมื่อครู่ผมเพิ่งสั่งให้พยาบาลเตรียมยาเอาไว้”
ข้างหลังร่างคุณหมอก็มีพยาบาลที่กำลังถือกล่องยาเอาไว้ จากนั้นก็เดินเข้ามาตรงเตียงนอน
“ออกไปให้หมด เหลือไว้แค่หมอกับพยาบาล!”
เย่เชินหลินเอ่ยคำสั่งออกมาสั้นๆ ท่านพ่อบ้านก็นำคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป จากนั้นก็ปิดประตูลง หลังจากออกไปจากห้องไปแล้ว ท่านพ่อบ้านก็สั่งให้จิ่วจิ่วและหลิวเสี่ยวเจียวกลับไปพักผ่อน จากนั้นเขาก็ทิ้งจ้าวเทียนอั้ยเอาไว้คนเดียว
พยาบาลตรวจวัดอุณหภูมิ เย่เชินหลินก็ลุกยืนขึ้น ทำให้มีที่ว่างให้พวกเขาตรวจรักษาได้ง่ายขึ้น
“กี่องศา?” เขาถามอย่างร้อนรน
“40.2ค่ะ”
“รีบลดไข้ให้เธอสิ!”
“ครับ คุณเย่ ผมกำลังเตรียมยาลดไข้ให้เธอแล้ว ยาแบ่งเป็นสองประเภท แบบแรกคือ….”ดูเหมือนว่าคุณหมอจะยังพูดพร่ำอีกนาน เย่เชินหลินก็พูดขัดออกมาเสียงแข็ง
“ยังต้องถาม? แบบไหนหายเร็วกว่าก็ใช้อันนั้นสิ!”
“ครับ คุณเย่!”
จ่ายยาลดไข้พร้อมกับยาปฏิชีวนะเสร็จแล้ว เพียงไม่นานร่างของเซี่ยชีหรั่นมีเหงื่อออกมา อย่างกับการล้างตัวไม่ปาน
“คุณเย่ อุณหภูมิลดลงแล้ว ตอนนี้เป็น37.5องศาแล้ว ยาของวันนี้ฉีดให้เรียบร้อยแล้ว จากนี้อย่างน้อยสิบชั่วโมงก็ค่อยให้น้ำเกลือ นี่เป็นยาลดไข้ ถ้าไข้ขึ้นสามสิบแปดองศาขึ้นไป ให้กินทุกสี่ชั่วโมง แต่ถ้าไม่มีไข้ขึ้นสูงก็ไม่ต้องกินแล้วครับ”
คุณหมอมองออกว่าคุณเย่เป็นห่วงสาวใช้คนนี้มาก จึงอธิบายทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด
เดิมเขาอยากทิ้งพยาบาลไว้ดูแล แต่ไม่คิดว่าเย่เชินหลินจะยกมือห้าม แล้วเอ่ยออกมา”กลับไปให้หมด!”
แล้วใครจะอยู่เฝ้าคนป่วยกัน พอได้ยินว่าให้เขากลับไป ทั้งสองคนก็รีบเก็บอุปกรณ์กลับออกไป
เย่เชินหลินกลับมานั่งลงข้างเตียงของเธออีกครั้ง มองใบหน้าป่วยอ่อนแรงของเธอ ไข้ลดลงแล้ว คงไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว หลังจากไข้ลดลง เขาจ้องมองสีหน้าซีดขาวยังกับกระดาษของเธอด้วยความรู้สึกที่ทั้งโกรธและเป็นกังวล
เมื่อตอนใกล้จะหกโมงเช้าเซี่ยชีหรั่นก็ตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นมา คนที่ฉายชัดเข้ามาในสายตา ที่แท้ก็คือคนที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาใบนั้นนั่นเอง
เขายังใช้สายตาที่เป็นกังวลมองมายังเธอ นี่ใช่ความฝันหรือเปล่า?
แต่ความฝันนี้มันช่างแปลกเกินไป คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ถึงนี่จะเป็นความฝัน แต่ก็ไม่ควรฝันถึงเช่นกัน
เธอมองอย่างไม่กล้าเชื่อ จากนั้นก็มองไปรอบๆห้อง
ไม่ผิด เธอนอนอยู่บนเตียงในห้องพักคนงาน แต่เย่เชินหลินคนที่เขาเรียกกันว่าคุณชายใหญ่กลับนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ
เธอจำได้เพียงว่าเธอป่วย แต่ก็ไม่รู้ว่ามันหนักแค่ไหน
“คุณเย่? ทำไมถึงเป็นคุณกัน?” เธอฝืนพูดออกไป คิดอยากจะลุกขึ้น แต่ร่างกายยังคงอ่อนแรง ลุกขึ้นไม่ไหว
เธอฟื้นขึ้นมา ในสายตาของเย่เชินหลินประกายความดีใจออกมา แต่ไม่นานก็กลับไปเย็นชาเหมือนเดิม
สีหน้านิ่งของเย่เชินหลิน เอ่ยเสียงเย็นออกมา ถามกลับเธอออกมา “ถ้าอย่างนั้นควรจะเป็นใครกัน? คนแซ่ไห่หรอ? เธอยอมเป็นแบบนี้เพื่อเขา แล้วเขาสนใจว่าเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงหรือเปล่าล่ะ?”
เซี่ยชีหรั่นที่ยังคงสับสน รู้เพียงว่าเขาดูเหมือนกับกำลังไม่พอใจ แต่กลับไม่รู้ว่าเขากำลังหึงหวง
เธอส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา พยายามอธิบายออกมา “คุณเย่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับคุณไห่ไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
พอตื่นขึ้นมาก็เริ่มพูดโกหกออกมาแล้ว ทำไมเขาต้องสนใจว่าเธอจะเป็นจะตายด้วย? ทั้งยังอยู่เฝ้าเธอทั้งคืนอย่างกับคนสติไม่ดี มีเพียงแค่ตอนที่แม่กับยายของเขาป่วย เขาถึงจะทำเรื่องแบบนี้
เขายิ่งคิดยิ่งโกรธ จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไปโดยที่ไม่หันมามองเธออีก
เดิมท่านพ่อบ้านไม่อยากจะให้ความสนใจกับเซี่ยชีหรั่นนัก ถ้าหล่อนจะป่วยตายไป เขาก็สามารถหาเหตุผลที่ไม่มีใครสงสัยหลุดรอดออกไปได้ แล้วยังได้สนองความต้องการโดยการลงโทษเธอให้สาแก่ใจอีกด้วย
แต่ก็ไม่นึกว่าเพิ่งจะได้นอนก็ได้รับคำสั่งจากเย่เชินหลินให้ลุกขึ้นไปตามหมอ แล้วยังถูกสั่งให้ออกไปรอด้านนอก
คุณชายไม่ได้บอกว่าต้องรอนานแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าออกไปได้ตามอำเภอใจ ทำได้เพียงเดินไปเดินมาอยู่ด้านนอก
เย่เชินหลินเฝ้าอยู่ในห้องทั้งคืน เขาเดินไปมาทั้งคืนในบริเวณทางเดินในตึกคนงาน
ในที่สุดประตูห้องของเซี่ยชีหรั่นก็เปิดออกมา เขาเห็นเย่เชินหลินเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ รีบเดินตามเข้าไป ถามอย่างเป็นกังวล”คุณเย่ อาการของชีหรั่นดีขึ้นบ้างแล้วหรือยังครับ? นี่ต้องโทษที่ผมประมาทเกินไป ที่คิดว่าไม่เป็นไรมาก”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset