สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่514 สาวใช้ตัวแสบ 418

ตอนที่514 สาวใช้ตัวแสบ 418
“ผมคิดอะไรเลอะเทอะ คิดว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” สายตาของเขายียวน มองเธอด้วยรอยยิ้มร้ายๆ
เซี่ยชีหรั่นหน้าแดงกว่าเก่า เลื่อนตัวออกจากขาของเขา ไม่กล้าคุยกับเขาไปมากกว่านี้ กลัวว่าเขาจะกลายเป็นสัตว์ป่าแล้วเธอต้องมารับเคราะห์
“ใครจะไปรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่? เรากลับห้องกันดีกว่านะคะ”
มือของเย่เชินหลินกอดรัดเอวของเธอแน่นราวกับเล่นตลก เอ่ยอย่างร้ายๆว่า “ถึงขนาดทนไม่ไหวจนต้องรีบกลับห้องเลยหรอ? ไม่คิดว่าที่นี่จะเหมาะกว่าหรือไง?”
“คุณ… อันธพาล! คนลามก!” เซี่ยชีหรั่นทุบหน้าอกแกร่งของเขา ท่าทางเช่นนั้นทำให้เย่เชินหลินใจสั่น สายตาพลันทวีความเข้มขึ้น
ตอนที่เขากำลังจะจูบยัยตัวเล็กนั้นเองก็ได้ยินเสียงกระแอมดังอยู่ไม่ไกลแล้วก็ได้ยินเสียงโม่เสี่ยวหนงเรียกพวกเขาในเวลาเดียวกัน “พี่ พี่เขย ฉันมาแล้ว พวกพี่ ฮะแฮ่ม ระวังกันหน่อยสิ”
แม้จะเห็นว่าเป็นน้องสาวของตัวเองแต่เซี่ยชีหรั่นก็อดรู้สึกเขินอายไม่ได้ ผละออกจากกอดของเย่เชินหลินทันที แต่ว่ากลับถูกเขากอดรัดแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“อย่าขยับสิ อยู่แบบนี้แหละ ให้ทุกคนได้รู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน ไม่มีเรื่องไม่ดีอะไรหรอก” เสียงของเขากระซิบอยู่ข้างหูเซี่ยชีหรั่นเบาๆ ร่างกายของเธอพลันแข็งทื่อ เข้าใจความหมายของเขาเลยไม่ได้แข็งขืน
โม่เสี่ยวหนงได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งคู่แล้ว เซี่ยชีหรั่นดูเบิกบานใจก็เกิดความรู้สึกอิจฉาระคนริษยา
ถ้ามีผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนี้มาให้เธอซบบ้างจะดีแค่ไหนนะ เธอคิด แน่นอนว่าเธอไม่เคยล้มเลิกความคิดเช่นนี้ เพียงแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยก็ทำได้เพียงอดทน รู้ว่าแผนการนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป
อย่างเช่นวันนี้ ไม่ใช่ว่าเธอกำลังดำเนินแผนการของเธออยู่หรอกหรือ?
“พี่คะ พี่เขย ขอโทษด้วยที่มาขัดจังหวะสวีตของพวกพี่ แต่ว่าฉันมีเรื่องอยากรบกวนให้ช่วยก็เลยต้องมา แต่ถ้าพี่ยุ่งฉันว่าเดี๋ยวฉันกลับก่อนดีกว่า” โม่เสี่ยวหนงพูดจบก็หมุนตัวราวกับว่าจะกลับไปจริงๆ
“ไม่เป็นไร เสี่ยวหนง มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ พี่ก็กำลังจะกลับพอดี” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดี โม่เสี่ยวหนงแอบเบะปากแล้วหันกลับมา

“พี่คะ คราวที่แล้วพี่บอกว่าอยากให้ฉันฝึกโปรแกรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่หรอ ที่บอกแบบนั้นจะให้ฉันแสดงรึเปล่า? ฉันเตรียมตัวมาเรียบร้อยแล้ว รบกวนพี่กับพี่เขยช่วยแนะนำหน่อยจะได้ไหม? ปกติแล้วเวลาสัมภาษณ์จะมีสองหัวข้อ อันนึงเป็นเรื่องที่เราเตรียมมาเอง ส่วนอีกอันก็จะเป็นการด้นสด จะต้องมีคนเลือกหัวข้อให้ฉันแสดง”

เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินอย่างคาดหวัง เขาจึงยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “ได้สิ ยังไงวันนี้เราก็จะได้ดูดาราแสดงสดๆกันไปเลย เป็นบุญตาจริงๆ ไปกันเถอะ”

เย่เชินหลินกอดเซี่ยชีหรั่นแล้วลุกขึ้น โม่เสี่ยวหนงหลีกทางให้พวกเขาแล้วเดินตามทั้งคู่ไป

อันที่จริงเซี่ยชีหรั่นไม่ได้อยากแสดงความรักต่อหน้าโม่เสี่ยวหนงเพราะเธอเพิ่งแท้งลูกมาไม่นาน ถ้าสวีตกันต่อหน้าเธอก็เกรงว่าจะไปทำร้ายจิตใจเธอเข้า

เธอผละออกจากอ้อมกอดของเย่เชินหลิน ครุ่นคิดถึงสายตาของโม่เสี่ยวหนง นึกถึงการเตือนครั้งล่าสุดที่บาร์ เธอไม่คิดว่าโม่เสี่ยวหนงจะมีความรู้สึกเกินเลยให้กับเย่เชินหลิน ภายใต้มาตรการนี้ยังไงเธอก็จะเลือกอยู่ในอ้อมกอดของเย่เชินหลิน

“โม่ คุณดูสิว่าเสี่ยวหนงสวยขนาดไหน ทั้งฉลาดร่าเริง ถ้ามีผู้ชายคนไหนที่คุณคิดว่าเหมาะสมต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้เธอหน่อยนะคะ” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยเบาๆ

“ได้สิ น้องสาวคุณก็เหมือนน้องสาวผม ผมจะช่วยเอง”

นัยน์ตาของโม่เสี่ยวหนงพลันเกิดประกายความเกลียดชังแวบผ่าน พวกเขาทั้งคู่เดินนำอยู่ข้างหน้า จึงไม่เห็นว่าสายตาของเธอเปลี่ยนไป

เซี่ยชีหรั่น เธอก็รู้นี่ว่าฉันคิดยังไงกับแฟนของตัวเอง คิดจะกำจัดฉันงั้นเหรอ? ง่ายขนาดนั้นเลยรึไง?

ฉันโม่เสี่ยวหนงคิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่มีวันมองฉันเลย

ฉันทั้งเด็กกว่าและก็สวยกว่า ฉันจะต้องเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น รอให้วันไหนเธอท้องก่อนเถอะ ไม่มีทางได้จู๋จี๋กันแล้ว ฉัน… ถึงตอนนั้นฉันก็จะท้องลูกเขาเหมือนกัน ดูสิว่าเธอจะทำยังไง? ดูสิว่าต่อหน้าฉันแล้วตอนนั้นยังจะกล้าแดกดันฉันอยู่อีกรึเปล่า

“พี่คะ พี่เขย ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่อยากคบใคร ผู้ชายไม่มีใครดีสักนิด หลังจากเจอไอ้คนเลวนั่นฉันก็ตาสว่างแล้ว ไม่มีใครดีเลยสักคน ฉันอยากตั้งใจทำงาน ถ้ามีโอกาสได้เข้าวงการจริงๆ เป็นดาราดังไปทั่วโลกล่ะก็ ฉันว่าชีวิตฉันก็ไม่มีอะไรที่น่าเสียดายอีกแล้วล่ะค่ะ”

คำพูดร่าเริงของโม่เสี่ยวหนงทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่วางใจ เธอแอบพูดกับเย่เชินหลินเบาๆว่า “โม่ ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันอยากคุยกับเสี่ยวหนงสักหน่อย”

คราวนี้เย่เชินหลินยอมปล่อยเธอแล้ว

เซี่ยชีหรั่นจับมือของโม่เสี่ยวหนง เอ่ยถามเสียงอ่อนว่า “คิดแบบนี้จริงๆเหรอ?”

“ค่ะ” โม่เสี่ยวหนงพยักหน้า เอ่ยอย่างปวดร้าวว่า “ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ พี่คะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีแบบพี่ที่จะได้เจอพี่เขยผู้ชายที่แสนดี”

โม่เสี่ยวหนงลอบสังเกตอย่างระวังว่าตอนที่เธอเอ่ยถึงพี่เขยนั้นเซี่ยชีหรั่นสีหน้าเป็นอย่างไร ในใจเธอพลันสั่น เอ่ยเปลี่ยนเรื่องว่า “คราวก่อนฉันได้ยินแม่บ้านพูดว่าฉันมีความรู้สึกกับพี่เขย คิดอยากจะแย่งเขามา ฉันไม่รู้ว่าพี่รู้เรื่องนี้มั้ย ฉันที่จริงตอนที่ได้ยินฉันโกรธมาก อยากจะด่าคนพูดสักที คิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันแน่? ฉันไม่ใช่คนดีอะไรฉันยอมรับแต่อย่างน้อยฉันก็มีจิตสำนึก พี่ดีกับฉันมาตั้งกี่ปี มีหรอที่ฉันจะไม่รู้? แล้วฉันจะไปชอบพี่เขยได้ยังไง หรือต่อให้ชอบก็เป็นความชอบแบบพี่น้องเท่านั้น จะไปคิดแย่งมาได้ยังไง พวกพี่รักกันจะตาย ฉันไม่มีทางแย่งมาได้หรอกค่ะ!”

ตอนที่โม่เสี่ยวหนงเอ่ยคำพูดพวกนี้ บังคับตัวเองให้นึกถึงเรื่องเศร้าๆขึ้นมา น้ำเสียงจึงค่อยๆสั่น

เธอเป็นนักแสดง แค่แสดงนิดๆหน่อยๆ ก็ดีกว่าส้งหลิงหลิงเป็นไหนๆ ต่อให้ปิดสายตาที่เฉียบคมของเย่เชินหลินไม่มิดแต่อย่างน้อยก็พอหลอกเซี่ยชีหรั่นคนซื่อได้อยู่บ้างก็นับว่าพอแล้ว

ตอนที่เซี่ยชีหรั่นต้องการจะปลอบเธอว่าคิดมากไปแล้ว โม่เสี่ยวหนงกลับพูดต่อไปว่า “ฉันพักที่นี่ก็ดูเหมือนจะเอาแต่ใจไปหน่อย ฉันรู้ดีค่ะ ทุกครั้งก็ใส่เสื้อผ้าของพี่ ย่อมต้องมีคนนินทา อันที่จริงไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้แต่ฉันไม่มีทางเลือก พี่ก็รู้ว่าเรียนการแสดง นักเรียนในคลาสใครบ้างล่ะจะไม่พยายามแต่งตัวให้ดูดีตลอดเวลา ยิ่งรู้ว่าผู้กำกับอาจจะผ่านไปที่วิทยาลัยได้ตลอดเวลา ต่อให้จะมีนักแสดงเยอะอยู่แล้ว แต่คนที่แต่งตัวดูดีก็มักจะโดดเด่นเสมอ ฉันไม่ได้คิดจะใช้ทางลัด มีแต่อยากจะพยายามให้เต็มที่เหมือนคนทั่วไป พี่คะ ฉันรู้ว่าเมื่อกี้พวกพี่ตั้งใจจะให้ฉันเห็นถึงความรักที่มีให้กันและกันของพวกพี่ เพื่อฉันจะได้ไม่มาทำลายความรักของพี่”

พูดถึงตรงนี้ โม่เสี่ยวหนงพลันน้ำเสียงสั่นเครือ

เซี่ยชีหรั่นจึงเป็นห่วงเธอ จมูกแสบร้อนขึ้นมาทันที

เธอรู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่ตั้งใจกอดเย่เชินหลินเช่นนั้นจนทำร้ายใจน้องสาว น้องเธอออกจะเป็นคนอ่อนไหวแล้วเธอในฐานะที่เป็นพี่สาวก็ทำเช่นนั้น มันออกจะเกินไปสักหน่อย

“พี่ไม่รู้หรือคะ? ว่าตอนที่พี่เขยอยู่ฉันมักจะเลี่ยง นั่นเพราะฉันกลัวว่าจะมีคนคิดแบบนี้ ยิ่งกว่านั้นฉันกลัวว่าพี่ก็จะคิดแบบนั้นด้วย อันที่จริงวันนี้พี่มาหาพวกพี่เพราะพี่เขยเป็นคนกว้างขวาง น่าจะให้คำแนะนำที่ดีกับฉันได้ ยิ่งฉันเลี่ยงแบบนี้ แล้วพวกพี่ยังกีดกันฉันแบบนี้อีก แต่ช่างเถอะค่ะ ฉันเข้าใจดีที่พี่อยากรักษาความรักของตัวเองไว้ ต่อให้ต้องไล่จับเงาก็ยังไม่อยากปล่อยมือ ฉันจะไม่พูดอะไรเลย พี่คะ ฉันไม่ต้องให้พวกพี่ช่วยแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว ไปซะตั้งแต่ตอนนี้จะได้ไม่ต้องรบกวนพวกพี่อีก ฉันรู้ว่าก่อนที่แม่จะจากไปแม่พูดกับพี่ว่าให้ดูแลฉันแต่พี่ไม่ต้องกังวลว่าจะบอกแม่ว่ายังไงดีนะคะ ฉันจะเป็นคนบอกแม่เองว่าฉันทำตัวไม่ดี เป็นฝ่ายอยากไปเอง”

พูดจบ โม่เสี่ยวหนงก็ย่อตัวลง ร้องไห้เสียงเครือราวกับน้อยอกน้อยใจอย่างยิ่ง

เซี่ยชีหรั่นเองก็ย่อตัวลงอย่างเป็นห่วงแล้วกอดเธอแน่น เอ่ยปลอบเธอว่า “ใครพูดอะไร? ไม่มีใครว่าอะไรเลย! ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ทันอะไรให้รอบคอบจนทำให้เราเข้าใจผิด ดึกขนาดนี้แล้ว เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวจะไปไหนได้ห้ะ? หยุดร้องเถอะ พี่ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นแบบนั้นเลย เธอเป็นน้องสาวพี่ จะไปชอบพี่เขยได้ยังไง คนพวกนั้นก็พูดไปเรื่อย พี่ไม่เชื่อหรอก”

“พี่คะ พี่ไม่เชื่อจริงๆใช่ไหม? ฉันคิดว่าพี่เชื่อไปแล้ว พี่คะ ฉันถูกผู้ชายทิ้ง พี่ก็อย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันไม่รู้ว่าต่อไปฉันจะยังมีลูกได้อีกมั้ย ฉันยังสาวแต่กลับรู้สึกว่าชีวิตกำลังจะจบสิ้น พี่คะ ฉันปวดใจเหลือเกิน!” โม่เสี่ยวหนงพูดจบก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า

เย่เชินหลินยืนมองอย่างเย็นชาอยู่ที่เดิม มองโม่เสี่ยวหนงทันควัน

เขาแค่อยากเอ่ยว่า ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าเก่าเสียอีก

เขาเป็นห่วงผู้หญิงของเขา อยากจะเตือนให้ระวังเธอให้ดี แต่น่าเสียดายที่เวลานี้เขาจะพูดอะไรไปเซี่ยชีหรั่นก็คงไม่เชื่อ เห็นท่าทางรู้สึกผิดขนาดนั้นเขาก็รู้แล้ว

แต่ก็พูดยาก ยังไงเธอกับโม่เสี่ยวหนงก็อยู่ด้วยกันมายี่สิบปี เธอเป็นห่วงเธออย่างลึกซึ้ง เธอคงไม่มีทางไปคิดพิจารณาอะไรให้รอบด้านด้วยเหตุผล มีแต่คิดตามอารมณ์ คิดแค่ว่าโม่เสี่ยวหนงเสียใจหรือไม่ เธอกลัวก็แต่จะทำให้น้องสาวปวดใจ

“เอาล่ะ ไม่ต้องเสียใจแล้ว พี่ไม่ดีเอง” เซี่ยชีหรั่นเอ่ยซ้ำไปซ้ำมา กอดเธอไว้เนิ่นนานจนกระทั่งปลอบโม่เสี่ยวหนงจนนิ่ง

“เข้าไปข้างในเถอะ ไหนว่าจะแสดงให้พวกเราดูไม่ใช่หรือไง?” เย่เชินหลินเอ่ยถามเสียงเบา น้ำเสียงราบเรียบจนสองพี่น้องฟังไม่ออกว่าเขารู้สึกยังไงต่อโม่เสี่ยวหนง

โม่เสี่ยวหนงนึกว่าตัวเองแสดงได้แนบเนียน ไม่เพียงหลอกเซี่ยชีหรั่นได้แต่แม้แต่เย่เชินหลินก็ยังไม่สงสัย

เธอตอบรับอย่างดีใจ “ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดู” เธอลุกขึ้นแล้วจูงมือพี่สาวอย่างดีใจ ราวกับว่าแรกเริ่มไม่ได้มีความทุกข์อันใดเลย

“งั้นแสดงที่ห้องรับแขกแล้วกัน จะได้มีพื้นที่” เย่เชินหลินบอก โม่เสี่ยวหนงจึงพยักหน้า เอ่ยว่า “ขอห้านาทีนะคะ ขอฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย”

พอโม่เสี่ยวหนงเดินไปแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็นั่งลงข้างๆเย่เชินหลิน เอ่ยเบาๆว่า “คำพูดของเสี่ยวหนงเตือนฉันว่าเราไม่ควรคิดว่าเธอเป็นคนนอก ยังไงเธอก็เป็นน้อง ฉันรู้สึกผิดจริงๆ เธอเพิ่งเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแต่เรากลับมีความสุขกันดี น่าจะทำให้เธอรู้สึกแย่ไม่น้อย รับปากฉัน ต่อไปเวลาอยู่ต่อหน้าเธอเราต้องช่วยกันระวัง ได้ไหมคะ?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset