สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 53 ช่วยเธออย่างไร้ร่องรอย

บทที่ 53 ช่วยเธออย่างไร้ร่องรอย
“เชิญนั่งลงค่ะ! จิ่วจิ่วช่วยเอาเก้าอี้มาให้คุณหนูส้งหน่อยสิ” เซี่ยชีหรั่นกล่าว
“ ไม่ต้องหรอก ฉันจะนั่งตรงนี้” ส้งหลิงหลิงนั่งลงที่ข้างเตียง ใบหน้าของเธอยังคงยิ้ม แต่ภายในใจของเธอคิดอย่างขมขื่น “นี่คงเป็นที่นั่งที่ผู้ชายของฉันนั่งอยู่เมื่อคืนนี้สินะ”
ฉันคิดว่าเธอคงจะต้องป่วยหนัก แต่ดูจากตอนนี้แล้วดูเหมือนว่าเธอจะมีไข้แค่เพียงเล็กน้อย
“เมื่อเช้าฉันบังเอิญได้ยินคนพูดกันว่าคุณป่วยอยู่ เชินหลินก็ออกไปข้างนอกพอดี ฉันเลยมาเยี่ยมดูอาการคุณสักหน่อยนะค่ะ”
“ขอบพระคุณคุณหนูส้งเป็นอย่างมากค่ะ ดิฉันมีไข้เพียงเล็กน้อย และประทานขอโทษที่ต้องทำให้คุณมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองดิฉันขอโทษจริง ๆค่ะ ” เซี่ยชีหรั่นส่งยิ้มให้เธอ
ไม่ว่าการมาของคุณหนูส้งนี้จะมาแบบจริงใจหรือเสแสร้ง แต่เซี่ยชีหรั่นเองก็ยังมีความรู้สึกผิดต่อเธอ เพราะในท้ายที่สุดแล้วเธอผู้นี้เป็นคู่หมั้นที่แท้จริงของเย่เชินหลิน การที่เขามาเฝ้าเธอที่นี่เมื่อคืนนั้น เท่ากับเขาได้ทิ้งคนอื่นมาหาเธอ
การมาของเธอนั้นทำให้เธอนึกคิดอย่างถี่ถ้วนขึ้นได้ในทันทีว่า ความหุนหันพลันแล่นที่เธอได้ทำกับเย่เชินหลินนั้น มันผิดศีลธรรมอย่างมาก และเธอเองก็ควรรู้สึกละอายแก่ใจ
“เฮ้อ!! ฟังดูคำพูดที่แสนจะเกรงใจของเธอนี้สิ ฟังดูแล้วก็ช่างน่าฟังดีน่ะ” ส้งหลิงหลิงยิ้มและจับมือเธอขึ้นแล้วพูดอย่างคนคุ้นเคยว่า”ชีหรั่นฉันอยากจะพูดอะไรกับเธอสักประโยคนึงเธออาจจะไม่เชื่อก็ได้ ตอนที่ฉันเห็นเธอครั้งแรกนั้นฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเธอมาก รู้สึกว่าเธอเหมือนกับน้องสาวแท้ ๆของฉัน ที่จริงแล้วฉันเคยมีน้องสาวมาก่อนคนนึง แต่เธอได้ก็จากไปแล้ว เมื่อฉันมองที่เธอก็ทำให้ฉันคิดถึงเขาขึ้นมา และก็ทำให้ฉันทั้งรู้สึกมีความสุข ทั้งรู้สึกเศร้า ” จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไป แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มของเธอ
เธอร้องไห้หนักมากจนทุกคนรู้ว่าเธอตั้งใจร้องไห้ออกมา แต่ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
เซี่ยชีหรั่นจมอยู่กับความคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วได้รีบเอื้อมมือไปช่วยเช็ดน้ำตาให้กับส้งหลิงหลิง พูดปลอบเธอว่า “เรื่องมันผ่านไปแล้ว คุณอย่าเศร้าไปเลยค่ะ”
ส้งหลิงหลิงปาดน้ำตาของเธอออกไปพร้อมกับพูดอย่างเศร้าใจว่า “ฉันยังลืมมันไม่ได้จริงๆ แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม ฉันอยากจะขอความเมตตาอะไรสักอย่างจากเธอจะได้ไหม ถ้าหากเธอไม่รังเกียจ ฉันอยากจะรับเธอมาเป็นน้องสาวของฉัน และฉันจะทำให้เธอเสมือนเป็นน้องสาวแท้ ๆของฉันจริง ๆ ฉันจะให้พ่อแม่ของฉันและน้องชายของฉันปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนในครอบครัวของฉันจริง ๆ ”
ส้งหลิงหลิงกล่าวออกมาด้วยความรักและดูจริงใจ ในสายตาของคนภายนอกอาจจะดูว่านี่มันเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับเซี่ยชีหรั่น
คนธรรมดา ๆทั่วไปเป็นไปได้ยังไงที่จะเข้าไปบ้านรองประธานสภาหอการค้าของมณฑล การที่เธอไปที่ไหนก็ตามเพียงบอกออกไปว่าเป็นลูกสาวของประธานมณฑล คนทั่วไปก็ต้องมองเธออย่างสูงส่งในทันที ในอนาคตก็มีแต่จะราบรื่น
ประโยคที่ว่าหากไม่รังเกียจของเธอนั้น ดูไปแล้วก็ทำให้เซี่ยชีหรั่นดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เล็กน้อย
ถ้าไม่ตอบตกลง ก็เท่ากับว่ารังเกียจก็เท่ากับว่าเธอนั้นรังเกียจที่จะมาเป็นน้องสาวของเธอ เธอไม่รู้จะตัดสินใจได้อย่างไร นี่เป็นการเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีและหน้าของส้งหลิงหลิงเลยก็ว่าได้ ถ้าหากเธอปฎิเสธในอนาคตเธอจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เซี่ยชีหรั่นเข้าใจดีว่าการเป็นน้องสาวของเธอนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เธอต้องการใช้สถานะน้องสาวนี้เพื่อมาขัดขวางเธอและขัดขวางเย่เชินหลิน
ถ้าจะมีอะไรที่ดูไม่ค่อยจะชัดเจน อาจจะให้ดูเหมือนว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นไร้ศีลธรรม ไม่สำนึกบุญคุณคน และยังยั่วยวนคู่หมั้นของพี่สาวบุญธรรมของตัวเอง
เธอสามารถคิดสิ่งนี้ได้และเย่เชินหลินก็คงจะคิดได้เช่นกัน คนอย่าเขาเวลาจัดการเรื่องอะไรก็ตามก็มักจะแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่เสมอ และเธอไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาจะตอบโต้กลับมาเช่นไรหากเขาทราบเรื่องว่าเธอตอบรับส้งหลิงหลิงมาเป็นพี่สาวบุญธรรมของเธอ
เธอกลัวว่าจะตนเองจะเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่างคู่สามีภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่ชั่วครู่ และเธอได้ปฏิเสธอย่างระมัดระวังและสุภาพว่า
“คุณหนูส้งค่ะ ดิฉันรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่มองเห็นดิฉัน แต่คุณเป็นคนที่เกิดมามีเกียรติและสูงส่งมากเหลือเกิน แต่ฉันเป็นแค่สาวใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง ไม่เหมาะกับอะไรสูงส่งเช่นนี้หรอกค่ะ”
ส้งหลิงหลิง ดูเศร้าเล็กน้อยขมวดคิ้วและพูดว่า “เธอพูดอะไรออกมานะ คนทุกคนมีความเท่าเทียมกัน เธอจะมาพูดได้อย่างไรว่าสูงส่งหรือไม่สูงส่ง ฉันไม่สนใจหรอก อย่างไรก็ตามฉันได้ยอมรับว่าคุณเป็นน้องสาวของฉันแล้ว เป็นอันว่าตกลงกันตามนี้น่ะ ”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงฟังดูน่ารัก แต่ก็ดูหนักแน่นมาก
เธอยังกล่าวกับทุกคนที่อยู่ตรงนั้นว่า “พ่อบ้าน และก็สาวสวยทั้งสามคนนั้นด้วย พวกคุณทั้งหมดร่วมกันเป็นพยานแก่ฉันด้วยว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเซี่ยชีหรั่นนั้นเป็นน้องสาวของฉันแล้ว เธออาจจะไม่สามารถให้ฉันเป็นพี่สาวของเธอได้ แต่ฉันได้นับว่าเธอคือน้องสาวของฉันแล้ว ”
ดีจริงๆ คนหนึ่งไม่ต้องนับว่าอีกคนหนึ่งเป็นพี่สาวก็ได้ ส่วนอีกคนหนึ่งต้องการให้อีกคนเป็นน้องสาวทั้งจิ่วจิ่วและหลิวเสี่ยวเจียวรู้สึกกดดันแทนเซี่ยชีหรั่น
ไม่แปลกใจเลยที่ส้งหลิงหลิงสามารถต่อรองกับเย่เชินหลินเกี่ยวกับการแต่งงานได้สำเร็จ ดู ๆไปเธอผู้นี้ช่างดูซุกซนและน่ารัก แต่ในความเป็นจริงแล้วร้ายกาจมาก หัวเราะไม่ทันขาดคำ เธอก็เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นให้กลายเป็นความสัมพันธ์แบบเขยกับน้องสะใภ้เสียแล้ว
แรกเริ่มนั้นพ่อบ้านรู้สึกโกรธส้งหลิงหลิงที่ยกย่องเซี่ยชีหรั่นขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาเข้าใจความตั้งใจของเธอแล้ว
เขายิ้มอย่างแสดงความยินดีกับเซี่ยชีหรั่น
“ชีหรั่น หลังจากนี้ฉันก็ควรเรียกเธอว่าคุณเซี่ยใช่หรือไม่ รีบขอบคุณคุณหนูส้งสิ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะโชคดีเช่นเธออย่างนี้ได้”
“ฉัน … ” เซี่ยชีหรั่นนั้นต้องการที่จะปฏิเสธและรู้ดีว่า หากเธอคิดจะพูดเช่นนั้น หล่อนคงจะไม่ยอมให้เธอได้พูดออกมาแน่นอน
“น้อง พี่ยังเตรียมของขวัญมาให้เราเป็นพิเศษด้วยน่ะ เสี่ยวลี่!!”
เซียวเสี่ยวลี่รีบดึงกล่องเครื่องประดับเงินออกมาจากกระเป๋าของเธอทันที และส่งมอบให้กับส้งหลิงหลิง เธอยิ้มแล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นว่า “เครื่องประดับชุดนี้ออกแบบโดยหัวหน้านักออกแบบเครื่องประดับที่ชื่อว่าโจวหลิน ฉันไม่เคยใส่มันเลยสักครั้ง และวันนี้ฉันขอมอบให้เธอ เดี๋ยวสักวันหนึ่งฉันจะไปและเลือกชุดราตรีสวย ๆกับรองเท้าที่เหมาะสมกับเธอมาให้ด้วยตัว ฉันกล้าบอกเลยว่าน้องสาวของฉันต้องสวยและงดงามกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ร้อยเท่าอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาฉันจะหาคนหล่อรวยสักคนมาแต่งงานด้วยกับเธอเอง ”
เนื่องจากไม่มีใครบอกเธอมาก่อนว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นเป็นผู้หญิงของเย่เชินหลินเธอจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้มาก่อน
เซี่ยชีหรั่นเข้าใจดีว่าตอนนี้ไม่มีช่องว่างให้เธอได้พูดและก็ปฏิเสธได้เลย
เธอทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลยยอมรับไป ช่างมันเถอะ อย่างน้อย ๆเธอหวังว่าจะใช้สถานะนี้เป็นตัวช่วยขวางกั้นเขาคนนั้นไว้ได้บ้าง เขาคงไม่กล้าทอดสายตามาที่เธออีก และเธอคงจะสามารถรอเวลาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับเสี่ยวจุนอย่างสงบลงบ้าง
“พี่หลิงหลิงค่ะ สถานะพี่สาวที่พี่ให้มานั้นดิฉันสามารถรับไว้ได้ แต่ดิฉันไม่สามารถรับสิ่งของนี้ไว้ได้จริงๆค่ะ ดิฉันสวมแต่เครื่องแบบสาวใช้ทุกวัน และคงไม่โอกาสได้ใช้สิ่งเหล่านี้หรอกค่ะ”
ทันทีที่เซี่ยชีหรั่นเรียกเธอว่าพี่สาวส้งหลิงหลิงดูเหมือนว่าจะมีความสุขมาก รอยลักยิ้มบางๆปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าที่หัวเราะของเธอ
“ ดีจังเลย น้องสาวของฉันได้กลับมาแล้ว ของก็รับไว้เถอะน่ะ เดี๋ยวก็มีโอกาสได้ใช้มันเองแหละ ฉันจะบอกเชินหลินเองว่าต่อไปเธอไม่ต้องทำงานหนักเช่นคนอื่น ๆ อีกแล้ว ฉันอยู่ที่บ้านตระกูลเย่นี้ก็ไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ ช้างกายก็มีเพียงเสี่ยวลี่เท่านั้นที่อยู่ใกล้ ๆ และบางครั้งฉันรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไหร่ ฉันจะถามเชินหลินดูว่าฉันจะให้เธอมาอยู่ข้างฉันได้ไหม ”
เธอพูดและวางกล่องเครื่องประดับไว้บนเตียงของเซี่ยชีหรั่นจากนั้นก็ลุกขึ้นและกำลังจะกลับออกไป
“ไม่น่ะค่ะ พี่หลิงหลิง ฉันมาอยู่ที่นี่เพื่อสมัครมาเป็นแม่บ้าน อย่าต้องพูดขอคุณเย่ให้ดิฉันโดยเฉพาะเลยค่ะ”
“ยัยเด็กไง่ แน่นอนว่าฉันต้องพูดสิจ๊ะ เธอก็รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้นของฉัน ฉันจะไม่บอกเขาได้อย่างไร เรื่องการรับน้องสาวบุญธรรมนั้นเป็นเรื่องใหญ่น่ะ ฉันต้องไปก่อนน่ะ พ่อบ้านคุณต้องดูแลน้องสาวของฉันให้ดี ๆน่ะ . ”
พ่อบ้านพยักหน้าตอบรับ
“ต้องลำบากพวกเธอสองคนแล้วล่ะ ในครั้งหน้าฉันจะนำของขวัญเล็ก ๆ น้อยมาให้เพื่อเป็นการขอบคุณน่ะจ๊ะ!” ส้งหลิงหลิงพูดกับจิ่วจิ่วและหลิวเสี่ยวเจียวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะคุณหนูส้ง นี่คือสิ่งที่พวกเราควรทำค่ะ” จิ่วจิ่วพูดตอบ
ส้งหลิงหลิงเดินออกจากห้องสาวใช้ไปด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่เธอจากไป จิ่วจิ่วระดมยิงคำพูดมาที่เซี่ยชีหรั่นอย่างกับปืนใหญ่
“ฉันขอพูดไรหน่อยนะชีหรั่น นี่เธอไข้ขึ้นจนเพ้อเจ้อไปแล้วเหรอ เธอกับเขาไปนับเป็นพี่สาวน้องสาวอะไรกันเนี่ย จากนี้ไปคุณเย่ก็ได้กลายเป็นพี่เขยของเธอแล้วละสิ”
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวเบา ๆ แล้วพูดว่า “จิ่วจิ่วฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน และคุณเย่เขาก็มีคู่หมั้นแล้ว เธอไม่เห็นหรือ วันนี้ฉันได้รับปากไปเพราะควรต้องรับปาก ถึงไม่อยากจะรับปากก็ต้องรับปากเธออยู่ดีไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย จริง ๆแล้วเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันแค่อยากจะอยู่ที่นี่อย่างสงบ ๆ ”
“ไม่ชีหรั่น คุณเย่เขารักเธอ ถ้าเขาไม่รักเธอเขาจะทำอย่างนั้นทำไม”
จิ่วจิ่วยังคงยืนกรานกล่าวออกมา เสี่ยวเจียวเองก็ตอบโต้กลับมาเช่นกัน
“ใช่แล้วชีหรั่น คุณเย่ชอบเธอ เธอทำแบบนี้แล้วหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป”
เซี่ยชีหรั่นต้องกระซิบพูดเสียงเบากับพวกหล่อนว่า “พวกเธออย่าทำให้ฉันต้องลำบากใจเลย ฉันมีแฟนแล้ว และฉันก็รักเขามาก ฉันมาที่นี่เพื่อเขาเท่านั้น”
“จริงเหรอ” ทั้งสองถามพร้อมกัน
เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าอย่างหนักแน่น
จากเหตุการณ์นี้ที่ผ่านมานั้นมันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ และเธอควรจะจริงใจกับเพื่อนของเธอ
แม้ว่าเธอจะไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของทั้งหมดเกี่ยวกับเสี่ยวจุนให้พวกเธอฟังได้ แต่เธอก็ยังต้องบอกสิ่งที่เธอควรพูดให้พวกเธอฟังได้
ส้งหลิงหลิงมองซ้ายมองขวารอเย่เชินหลินกลับมา และในที่สุดก็เขาก็กลับมาถึงบ้าน
เขานั่งลงบนโซฟาในห้องโถงใหญ่ ส้งหลิงหลิงยกซุปถั่วเขียวเย็น ๆ หนึ่งชามให้เขาด้วยตัวเอง
เย่เชินหลินรับไปและจิบช้า ๆ แค่สองคำ ระหว่างทางคุณแม่ของเขาก็ยังคงตอกย้ำและพูดถึงเรื่องรอยบาดแผลที่มือของเขาแม้ว่าจะไม่พูดออกมาตรง ๆก็ตาม แต่เขาก็รู้ถึงความคิดของแม่ของเขาดี คือไม่ต้องการให้เขาเย็นชาต่อส้งหลิงหลิง
“เชินหลินวันนี้ฉันได้ยินคนใช้พูดกันว่าเซี่ยชีหรั่นไม่ค่อยสบาย ฉันเลยแวะไปเยี่ยมเธอมา” ส้งหลิงหลิงยกประเด็นขึ้นมาสนทนา
เธอคอยสังเกตใบหน้าของเขาอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าคนที่เธอกำลังพูดถึงนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
“แค่คนรับใช้ธรรมดา ๆคนหนึ่ง มีอะไรให้น่าสนใจหรือ” เขาหยิบซุปถั่วเขียวขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งคำแล้ววางชามไว้ข้าง ๆ แล้วพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย
เหอะๆ แค่คนรับใช้คนหนึ่งเหรอ แต่คุณนั้นไม่นอนทั้งคืนเพียงเพราะนั่งเฝ้าคนรับใช้คนนี้อะน่ะ กลัวแต่ว่าคุณจะเห็นคนรับใช้คนนี้ดีกว่าคู่หมั้นที่อยู่ต่อหน้าคุณนี้น่ะสิ
ส้งหลิงหลิงยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้เธอไม่ใช่คนรับใช้ธรรมดา ๆอีกต่อไปแล้วนะค่ะ ฉันกับเธอเราได้รับเป็นพี่น้องบุญธรรมกันแล้ววันนี้ค่ะ”
ดวงตาที่ลึกของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอแต่แค่ชั่วหนึ่งวินาทีเท่านั้น และจากนั้นเขาก็พูดเสียงเรียบเฉยว่า “จริงเหรอเธอช่างไม่เจียมตัวเสียจริง”
“ไม่ใช่เธอไม่เจียมตัวหรอกค่ะ คือฉันเองที่อ้อนวอนเธอ ไม่รู้ว่าคุณจำได้หรือไม่ที่ฉันเคยบอกว่าฉันเคยมีน้องสาวหนึ่งคน แต่แล้วเธอก็มาจากไปเสียก่อน ฉันแค่คิดว่าเธอหน้าตาคล้ายกันมาก ดังนั้นฉันไม่สามารถที่จะยับยั้งใจตัวเองไว้ได้ที่จะรับเธอมาเป็นน้องสาวของฉันนะค่ะ เชินหลินคุณจะโกรธฉันไหมค่ะ ”

สีหน้าของเย่เชินหลิน ทำให้เธอเข้าใจได้ยาก ดูเหมือนเขาโกรธหรือบางทีก็ดูเหมือนจะไม่โกรธ
เขายิ้มเล็กน้อยและถามเธอกลับว่า “คุณคิดว่าผมมีเหตุผลอะไรที่ต้องโกรธหรือ…..”
“ฉัน … ”
ส้งหลิงหลิงก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ฉลาดเฉียบแหลม ที่ผ่านมามีเพียงเธอที่พูด ไม่มีใครที่จะรับไม่ได้
อยู่ด้วยกันกับเย่เชินหลินนั้น และส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากอยู่แล้ว เธอรับรู้ได้เป็นครั้งแรกว่าการพูดคุยกับเขานั้นเป็นเรื่องที่ปวดสมองมาก
เธอนั่งถึงข้าง ๆเขา แล้วกอดแขนของเขาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า” ก็ไม่ใช่หรอกค่ะ จริง ๆแล้วเธอก็เป็นคนรับใช้ในบ้านของคุณ ฉันทำไปโดยพลการไม่ได้บอกกล่าวคุณก่อน ก็เพราะฉันเกรงว่าคุณไม่เห็นด้วยก็แค่นั้นค่ะ แค่คุณไม่โกรธก็ถือเรื่องที่ดีค่ะ “

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset