สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 54 ต้องการสารภาพ

บทที่ 54 ต้องการสารภาพ

เย่เชินหลินไม่ตอบอะไร และเธอก็พูดต่อ “ถ้าคุณไม่คัดค้านอะไรก็ดีค่ะ งั้นหลังจากนี้อยากจะขอให้คุณจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวแท้ ๆอย่างฉันดีมั้ยค่ะ คุณจะดูเธอสิ หน้าตาก็ดี ดูเป็นนคมีเหตุผล พวกเราจะได้ช่วยกันดูแลเธอ หาผู้ชายสักคนที่เหมาะสมให้กับเธอ มันช่างเสียดายถ้าหากจะเก็บเธอไว้เป็นแค่คนรับใช้ที่นี่ ”
เธอพูดอยู่พักใหญ่ ๆ แต่เห็นเย่เชินหลินเอาแต่ใจลอยจ้องมองแผลที่แขนของเขา
“เชินหลิน”
เย่เชินหลินเงยหน้าขึ้นมองส้งหลิงหลิง สายตาบ่งบอกถึงความกดดันอยู่เล็กน้อย และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ในตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเธอมากสักเท่าไหร่ ถ้าหากผมสนใจเธอขึ้นมาจริง ๆ อย่าว่าแต่เธอจะเป็นน้องสาวบุญธรรมของเลย ต่อให้เป็นน้องสาวแท้ ๆ ไม่ว่าใครน่าไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งผมได้ ผมไม่ชอบผู้หญิงที่จุกจิก ถ้าหากว่าคุณเบื่อหรือง่วงไม่มีไรทำจริง ๆ คุณสามารถขอให้เพื่อนคนอื่น ๆมาเล่นด้วยได้ พานหยูหรือไห่ลี่หมินก็ได้
ส้งหลิงหลิงคิดว่าเขามักจะเป็นคนที่เก็บความลับไว้ในใจเสมอ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนตรง ๆ เช่นนี้
เขาเป็นคนตรง ๆ เธอต้องแกล้งทำเป็นโง่ ไม่ต้องรับฟังคำพูดก่อนหน้าของเขา ตอบแค่เพียงปนะโยคสุดท้ายก็พอ
“โอเคค่ะ งั้นอีกสักสองสามวันฉันจะโทรหาพานพาน(ก็คือพานหยู)กับคุณไห่มาเที่ยวที่นี่นะค่ะ คุณอย่ามาโทษฉันละกันว่าทำเหมือนบ้านของคุณเป็นบ้านตัวเองฉัน”
เธอยังคงแอบหวังลึก ๆ ให้เขาบอกว่าที่นี่ก็คือบ้านของคุณเอง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงตอบอืมในลำคอหนึ่งคำ แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินจากไป
สองสามวันนี้ เย่เชินหลินไม่ได้ถามถึงเรื่องอาการป่วยของเซี่ยชีหรั่นอีกเลย ทำราวกับว่าโลกนี้ไม่มีเธออยู่อย่างไงอย่างงั้น
นับจากวันที่ส้งหลิงหลิงได้รับเซี่ยชีหรั่นเป็นน้องสาวบุญธรรมของเธอ เมื่อเย่เชินหลินออกไปข้างนอก เธอก็มักจะใช้เวลาว่าง ไปพบเธอ ให้ความอบอุ่นชิดเชื้อ อย่างกับพี่สาวแท้ ๆ
นับตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาในบ้านของตระกูลเย่แห่งนี้ ชีวิตของเซี่ยชีหรั่นเหมือนกับอยู่ในการทดลองและสถานการณ์ที่ต้องรับการทดสอบอยู่ตลอดเวลา
สองสามวันมานี้ต้องขอบคุณบารมีของส้งหลิงหลิงที่ไม่มีใครมาทำอะไรให้เธอลำบากใจเลย ไม่เพียงเท่านั้นพอได้ยินมาว่าเธอได้กลายเป็นน้องสาวของว่าที่นายหญิงในอนาคต คนที่ไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกันมาก่อนก็ได้มาเยี่ยมเธอ
สิ่งที่ไม่คาดคิดมากที่สุดก็คือเกี่ยวกับซุนเหมิงเหมิง เธอได้มาขอโทษเซี่ยชีหรั่นและสำนึกผิดอีกครั้ง
ฟางลี่น่าเหมือนตบมือข้างเดียว ก็ไม่กล้าที่จะมีปัญหากับเซี่ยชีหรั่นในเวลานี้ ได้แต่ริษยาความโชคดีของเธออยู่ในใจต่อไป
เกี่ยวกับเรื่องของจ้าวเทียนอั้ยโดนไล่ออกนั้น เธอได้รู้ความจริงจากปากของหลิวเสี่ยวเจียวในสองวันต่อมา ในเวลานั้นเธอรู้สึกตกใจมาก แต่ระงับความรู้สึกเอาไว้ไม่เอาเรื่องร้ายแรงเหล่านั้นมาทำให้ตัวเองต้องกดดันต่อไป เธอบอกกับตัวเองว่า เย่เชินหลินแค่ไม่พอใจจ้าวเทียนอั้ย และก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
หลิวเสี่ยวเจียวเสนอว่าอยากจะนอนห้องเดียวกับเซี่ยชีหรั่น เธอก็ตอบตกลง เธอบอกกับพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ตกลงให้ย้ายได้ทันทีที่ขอให้หลิวเสี่ยวเจียวย้ายเข้ามาได้เลยในคืนนั้น
มีอยู่สองสามครั้งที่เซี่ยชีหรั่นต้องทำงาน หลายครั้งก็ถูกส้งหลิงหลิงห้ามเอาไว้
สองสามวันต่อมาเธอไม่ต้องให้น้ำเกลือทางสายอีกแล้ว ทำอาการของเธอก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมา และพ่อบ้านก็ได้จัดให้เธอไปทำงานเบา ๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นหน้าที่ที่ไม่มีโอกาสได้พบเจอกับเย่เชินหลินทั้งสิ้น
ในเวลาเช้าที่เย่เชินหลินตื่นขึ้นมาวิ่งนั้น ส้งหลิงหลิงก็ได้พูดไว้ว่าร่างกายเธอยังอ่อนแออยู่ และต้องการการพักผ่อน เธอไม่ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า และให้พ่อบ้านเป็นคนดูแลเอง
พ่อบ้านรู้ดีว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ดีมากที่จะค่อย ๆ พาเธอออกไปจากสายตาของเย่เชินหลิน
รอให้เย่เชินหลินลืมเธอไปจริง ๆ ส่วนส้งหลิงหลิงนะเหรอจะจดจำว่ามีน้องสาวอย่างเธอนี้ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นละก็หน้าที่ของคนที่จะมาทรมานเธอ ก็ต้องเป็นเขา
ไม่ว่าพ่อบ้านจะมอบหมายงานอะไรให้ เซี่ยชีหรั่นก็ตั้งใจทำอย่างจริงจังและตั้งใจมาก
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้คิดถึงเย่เชินหลิน ในใจของเธอปรากฏภาพของชายร่างสูงใหญ่คนนั้นขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง และเธอก็บังคับตัวเองให้สะบัดภาพนั้นออกไปเพิกเฉยเอาไว้
เธอมักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า เขาเป็นเพียงคนที่เคยจูบกับเธอแค่สองสามครั้ง และเขาก็เป็นแค่ผู้ชายที่เคยให้ความอ่อนโยนแก่เธอแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอะไรจำเป็นให้ต้องจดจำมัน
เกือบทุกคืนที่หลิวเสี่ยวเจียวพยายามเกลี้ยกล่อมเซี่ยชีหรั่นว่าอย่ายอมแพ้ต่อพรหมลิขิตที่หายากเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเซี่ยชีหรั่นก็ยังคงไม่แยแสต่อคำพูดของเธอเลย
ในวันนี้หลังจากที่เย่เชินหลินวิ่งเสร็จและออกไปแล้ว หลิวเสี่ยวเจียวก็หาโอกาสติดตามเขามาอย่างเงียบ ๆ และเรียกให้เขาหยุด
“คุณเย่ค่ะ!”
“เป็นอะไรเหรอ” เย่เชินหลินถามด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“ฉันอยากจะคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องเซี่ยชีหรั่นค่ะ”
เธอคิดว่าการพูดถึงชื่อของเซี่ยชีหรั่นแล้วจะทำให้เย่เชินหลินแสดงอาการสนใจออกมาบ้าง แต่เปล่าเลย ใครจะรู้ว่าเขายังดูเย็นชา และพูดขัดจังหวะเธอขึ้นอย่างจริงจังว่า
“เรื่องของคนรับใช้ให้บอกกับพ่อบ้าน อย่ามาบอกฉัน”
หลังจากที่เขาพูดจบก็หันตัวเดินกลับไปอย่างไม่ลัง หลิวเสี่ยวเจียวมองไปรอบ ๆ เห็นว่าไม่มีใครเลย ในขณะที่วิ่งตามเขาไปต่อ พร้อมกับพูดออกมาเสียงดังว่า “คุณเย่ค่ะ ชีหรั่นเธอชอบคุณนะค่ะ ตอนกลางคืนเมื่อเธอหลับเธอมักจะละเมอเรียกชื่อของคุณอยู่บ่อยครั้ง”
หลิวเสี่ยวเจียวสังเกตเห็นว่าด้านหลังของเย่เชินหลินนั้นแข็งทื่อขึ้นมาทันใด และก้าวเดินของเขาก็หยุดลง
เธอต้องการจะพูดอะไรอีก เขาถึงกลับมาเหมือนปกติเช่นเดิม และรีบเดินเข้าไป
การชีวิตประจำวันของเย่เชินหลินนั้นมีกฎที่เคร่งครัดมาก ปกติหลังจากที่เขาออกกำลังกายในตอนเช้าเสร็จ เขาก็จะไม่ย้อนกลับไปในห้องออกกำลังกายอีกเลย
พ่อบ้านมอบหมายหน้าที่ให้เซี่ยชีหรั่นเป็นคนทำความสะอาดห้องออกกำลังกายทุกวัน เธอคุ้นเคยกับการใช้ผ้าขี้ริ้วสีขาวบริสุทธิ์สองผืน ซึ่งทั้งผืนแห้งและผืนเปียกสลับกันไป เพื่อทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของห้องออกกำลังกาย
เธอรู้สึกว่าตอนที่เธอเช็ดอย่างนี้ในทุก ๆ วันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกสงบนิ่งลงได้มาก
วันนี้ เมื่อเธอคุกเข่าลงบนพื้นและกำลังเช็ดพื้นอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็มองไปที่รอยแผลมีดบาดที่ข้อมือของเธอ และไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องคิดถึงผู้ชายที่คอยแต่ทำร้ายเธอคนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า ที่เธอกัดเขาจนบาดเจ็บ บาดแผลบนแขนของเขาป่านนี้จะตกสะเก็ดแล้วหรือเปล่า รอยประทับนั่นจะอยู่อย่างนั้นตลอดไปหรือเปล่า และจะไม่สามารถรักษาให้หายไปตลอดชีวิตหรือไม่
เธอถอนหายใจออกมายาว ๆ ครั้งนึง และพูดกับตัวเองว่า “เซี่ยชีหรั่นนี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่ คนที่ไม่ควรคิดถึง เรื่องที่ไม่ควรคิดก็ไม่ต้องคิด ไม่ต้องคิด อย่าคิด อย่าคิด!”
ตอนที่เธอคิดก็กำลังใจลอย และตอนที่เธอพูดก็กำลังใจลอยอยู่ และเธอก็ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เธอเลยแม้แต่น้อย
เธอพบว่ามีคนเข้ามา และเห็นเงาที่ทอดยาวนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่จนครอบคลุมผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่นั่งคุกเข่าบนพื้นอย่างมิดชิด
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ และสายตาก็สบกับสายตาที่จ้องมองมาของ เย่เชินหลินเข้าพอดี
ภาพในระหว่างช่วงเวลาของการได้พบเจอกันนั้น ทำให้หัวใจของเซี่ยชีหรั่นเต้นเร็วมาก เร็วมากเสียจนเหมือนกับว่ามันจะทะลุหน้าอกออกมาเสียให้ได้
ดูเหมือนว่าหัวใจของเธอนั้นกำลังรอคอยที่จะได้เห็นเขา การมาถึงของเขานั้นเหมือนกับว่าหัวใจของเธอได้รับการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป ในขณะหัวใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก อีกทั้งก็เต็มไปด้วยความหอมหวาน
“คุณ คุณเย่” เธอพูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างติดอ่าง และพบว่าใบหน้าของเธอนั้นร้อนผาว เสียงของเธอก็สั่นไปหมด
เธอหลีกเลี่ยงการจ้องมองสายตาที่เข้าใจยากนั้น และมองไปที่แขนของเขาแทน
บนผิวสีน้ำตาลอ่อนของเขา ยังสามารถเห็นรอยขีดข่วนเส้นเล็ก ๆ ติดกัน และรอยขีดข่วนแต่ละรอย ก็ดูเหมือนจะบอกกับเธอว่า ในคืนวันนั้นผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขัดขืนเธอเลย
เธอหายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำให้ตัวเองสงบลง แล้วพูดอย่างแผ่วเบาออกไปกับเขาว่า “คุณเย่ ขอโทษด้วยนะค่ะ และก็ขอบคุณค่ะ!”
เย่เชินหลินทรุดตัวลงนั่ง จับที่คางแหลมมนของเธอด้วยสองนิ้ว และดวงตาที่ลึกของเขานั้นจ้องมองที่เธอ ในสายตาของเขามีทั้งความพยายามสำรวจค้นหาและความกระหาย อีกทั้งมีบางความรู้สึกที่เธอไม่สามารถบอกได้ โดยเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองเธอซักครู่แล้วจูบที่ปากเล็ก ๆ ที่กำลังจะเอ่ยพูดของเธอ
เซี่ยชีหรั่นใจสั่น
หัวใจของเธอโดนการจูบอย่างจู่โจมและแสนเร่าร้อนของเขานั้น จนรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังจะทำให้เธอต้องละลายไปตรงนั้น
เธอกลัว เธอปรารถนาอีกครั้ง และไม่รู้ว่าเธอเองปรารถนาหรือโหยหาสิ่งใด แต่เธอรู้ว่าก้นลึกหัวใจของเธอดูเหมือนจะหายไปอีกครั้ง มันว่างเปล่าเสียจนทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้เลย
เขารู้ดีว่าเธอเป็นเหมือนนางพญางูขาวหรือนางจิ้งจอกขาว เห็น ๆอยู่ว่าเขาได้เคยสาบานไว้ว่าเขาจะไม่มีทางหลงรักผู้หญิงคนไหนก็ตาม แต่เขาก็ตระหนักกับตัวเองได้ว่าในสองสามวันนี้ที่เขาไม่ได้เจอเธอนั้นทำให้เขาก็รู้สึกเสมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างได้ขาดหายไปจากชีวิต
เขาจูบปากเล็ก ๆ ของเธออย่างดุดันราวกับว่าเขาโกรธมันมากเหลือเกิน
ริมฝีปากหวานของเธอถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากหนาที่แข็งแกร่งของเขา และทำให้มีความเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย
เซี่ยชีหรั่นเริ่มรู้สึกว่าเธอกำลังจะหายใจไม่ออก แต่เธอก็กลับรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน เธอกลัวว่าเธอจะต้องตายเสียก่อนเพราะความรู้สึกที่เหมือนกำลังจมน้ำจริง ๆ เธอพยายามที่จะสงบหัวใจของเธอลง และพยายามผลักเขาด้วยแรงทั้งหมดของเธอที่มี
เขาเป็นคนเอาแต่ใจมาก เขาไม่ได้ปล่อยให้เธอได้ต่อต้านใด ๆได้เลย
เธอยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งจูบเธอหนักหน่วงขึ้นจนเธอต้องยอมแพ้
เขาค่อย ๆ ลืมไปทีละน้อยว่าเขานั้นยังโกรธผู้หญิงคนนี้อยู่ และเขาก็ยิ่งจูบเธออย่างเร่าร้อนขึ้น ยิ่งรุกล้ำเข้าไปมากขึ้น
เซี่ยชีหรั่นโดนเขาจูบเสียจนหายใจไม่ออก สมองของเธอเริ่มว่างเปล่า และมือที่ต่อต้านของเธอก็เริ่มอ่อนแรงลง หากยังทำเช่นนี้ต่อไป เธอทำได้แค่ปล่อยตัวให้เลยตามเลยไปกับเขา เหตุผลที่มีอยู่ก็เพียงพอที่จะบอกเธอได้ว่าเธอไม่สามารถขัดขืนเขาได้สำเร็จ
ในตอนแรกเริ่ม มันเป็นเพียงความถวิลหาอันบริสุทธิ์ แต่ต่อมาจูบของเขานั้นเริ่มเจือปนไปด้วยความรักอันเร่าร้อน
หน้ามุ่ย ๆของเซี่ยชีหรั่นหรือจะยับยั้งการจู่โจมที่แสนดุเดือดและเร่าร้อนของเขาได้อย่างไร ร่างกายของเธอรู้สึกเหมือนกับว่าจะถูกไฟไหม้รุ่มร้อนไปทั้งตัวจากหัวจรดปลายเท้าเลยในตอนนี้
“คุณอย่าทำอย่างนี้! คุณเย่ค่ะได้โปรดเคารพตัวคุณเองด้วย!” มือของเซี่ยชีหรั่นลุกลนพยายามปกป้องหน้าอกของตัวตังเองไว้ เพื่อพยายามยับยั้งการล่วงล้ำที่จะเกินเลยไปมากกว่านี้ของเขาไว้
เขายิ้มมุมปากถามเธออย่างสนุกสนานว่า “ทำไม เมื่อกี้นี้คุณเมาแล้วเหรอ”
“ฉัน … ” เซี่ยชีหรั่นพูดได้เพียงแค่คำเดียว ก็ต้องกัดริมฝีปากของเธอเอาไว้
ใช่ เขาพูดถูก มีช่วงหนึ่ง เธอเหมือนเมาเหล้า
โดนซาตานร้ายจูบเธอนั้นควรจะรู้สึกรังเกียจถึงจะถูก เธอสมควรตายเสียจริงเชียวทำไมเธอต้องรู้สึกมึนเมาด้วย เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว และเธอก็มีเสี่ยวจุนอยู่ในใจแล้ว ทำไมเธอถึงต้องยังรู้สึกหวั่นไหวในใจแปลก ๆ เช่นนี้ด้วย
ท่าทีการกัดริมฝีปากของเธอนั้นช่างดูไร้เดียงสามาก และอาการเขินอายที่ไม่สามารถควบคุมไว้ได้นั้น ทำให้หัวใจของเย่เชินหลินแกว่งไปมาจนทำให้เขาเผลอตัวพูดออกมาโง่ ๆ ว่า“ต่อเถอะ”
หลังจากพูดจบ ใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่ติของเขาก็ได้ถูกกดลงไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่บอบบางของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้เนื่องจากการได้ตั้งตัวก่อนเซี่ยชีหรั่นหันหน้าหนีจากการจู่โจมของเขา แล้วพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า “คุณเย่ค่ะ อย่าทำอย่างนี้เลย ฉันเป็นน้องสาวของคุณหนูส้งนะค่ะ คุณไม่สามารถทำแบบนี้กับฉันได้ ”
“น้องสาวหรือ เธอไม่ทราบหรือว่าทำไมเขาถึงรับเธอมาเป็นน้องสาว” เขาถามอย่างเหน็บแนม
“ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ในเมื่อได้ตกลงไปแล้ว ฉันก็จะต้องปฏิบัติอย่างจริงใจ”
การแสดงออกของเธอช่างดูดื้อรั้นมาก และเขาก็ชอบความดื้อรั้นแบบนี้ ผู้หญิงที่ยากที่จะเอาชนะ
วุ่นวายเสียจริง เดี๋ยวก็ได้กดเธอลงไปกินบนพื้นของห้องออกกำลังกายเสียหรอก จะกินให้หมดไม่เหลือโดยไม่ต้องเคี้ยวเลย เขาสูญเสียความควบคุมตัวเองไปชั่วขณะ
เขาคิดเช่นนี้เสร็จ แต่แล้วก็ต้องระงับไฟในหัวใจของเขาให้สงบลง และพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ปล่อยเธอไปก่อนชั่วคราว มาคุยกับฉันก่อน!” หลังจากนั้น เขาก็ปล่อยเธอไป
เซี่ยชีหรั่นลุกขึ้นมาอย่างคนเสียขวัญ อยากจะวิ่งหนีออกไปทางประตูในทันทีเสียจริง แต่เธอก็ไม่กล้า คาดว่าเธอคงวิ่งไปได้แค่สองสามก้าวและเขาก็จะจับเธอกลับมาได้ และยิ่งทำให้เขาโกรธมากกว่าเดิมอีก ในตอนนั้นเธอเกรงว่ามันคงจะไม่ง่ายอย่างกับที่พูดกันอยู่ตอนนี้
เพื่อรักษาระยะห่างจากเขา และเพื่อแสดงความเคารพ เธอต้องการที่จะยืนขึ้น แต่กลับถูกดึงกลับให้นั่งลงตามเดิมด้วยแขนยาว ๆ ของเขา

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset