สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่530 สาวใช้ตัวแสบ434

ตอนที่530 สาวใช้ตัวแสบ434
หลังจากที่แยกกับจงหยุนซางเย่เชินหลินก็โทรศัพท์ไปหาหลี่เหอไท้
“คืนพรุ่งนี้ฉันอยากชวนแกมาทานข้าวที่บ้าน อาทิตย์ที่แล้วแกให้เมียฉันช่วยแกหาแฟนพวกเราสองคนได้ผลสรุปแล้ว อยากแนะนำจงหยุนซางให้แกฝ่ายหญิงเขารับปากแล้วว่าจะมา แกคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม”
หลี่เหอไท้ชะงักไปเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา
“ไม่ปฏิเสธ ได้ไปเจอคุณหญิงจงยังได้ไปดูน้องสาวฉันด้วย ทำไมฉันถึงจะปฏิเสธล่ะ พรุ่งนี้6โมงเย็น โอเคไหม”
“ได้ ได้ตลอดเวลา” โทรศัพท์เสร็จเย่เชินหลินกำลังจะกลับคฤหาสน์
เขารู้คืนนี้เขาออกมาเซี่ยชีหรั่นมีความกังวลอยู่เล็กน้อยและมีความคิดบางอย่าง ตอนนี้เขาเลยอยากโทรหาเธอถามว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เหมือนอยู่เป็นเพื่อนเธอทางโทรศัพท์เผื่อเธอคิดมากอีก
เขากดเบอร์ที่เขารักอย่างชำนาญยังไม่ทันได้กดโทรออก กลับมีสายเข้าก่อน คือสายของหลินต้าฮุย
หลินต้าฮุยอยู่กับส้งหลิงหลิงโทรมาตอนนี้…..เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วกดรับสาย
“คุณเย่ครับ สภาพของทารกในครรภ์ไม่ค่อยดีนัก หมอขอให้พ่อของเด็กมา คุณเย่……”
“อยู่โรงพยาบาลไหน ฉันไปเดี๋ยวนี้แหละ” เย่เชินหลินเดินออกจากประตูมาคนขับรถก็มารอไว้อยู่แล้ว
“โรงพยาบาลเสิ่งเอ๋อ”
เย่เชินหลินขึ้นรถแล้วพูดสั่งคนขับรถว่า ขับรถเร็วหน่อย โรงพยาบาลเสิ่งเอ๋อ
………..
เซี่ยชีหรั่นมือหนึ่งถือกระเป๋าไว้แล้วรีบเดินไปที่ประตู มือจับลูกบิดไว้ ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูเธอเกิดมีความคิดใหม่

เธอได้รับข้อความหนึ่งแล้วรีบไปดูเขาถือว่าคืออะไร เธอไม่ไว้ใจเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?

หากเขาไปพบผู้หญิงคนอื่นด้วยเหตุผลที่สมเหตุสมผล เธอไปหาเขาอย่างเร่งรีบแบบนี้ เขาจะผิดหวังไหม?

มือหยุดลงที่ประตูลูกบิดเป็นเวลานานและยังสั่นอยู่เหมือนเดิม

ในที่สุดเธอก็ปิดประตูอย่างแรงแล้วกลับไปนั่งลงบนเตียง เวลาผ่านไปสักพัก อารมณ์เธอก็เย็นลงแล้ว

ข้อความนี้ไม่มีทางเป็นเย่เชินหลินส่งแล้วคนอื่นทำไมถึงต้องส่งข้อความนี้ให้เธอ เป็นการเตือนที่หวังดีหรือเปล่า ชัดเจนว่าไม่ใช่ มีคนจงใจอยากให้พวกเขาทะเลาะกัน โชคดีที่เธอไม่ได้ทำตามแผนของเขา

เย่เชินหลินตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งเชื่อใจเธอ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไห่ลี่หมินโม่เสี่ยวจุนพวกเขายังมีความคิดแบบนั้นกับเธออยู่ เขาก็ไม่เคยห้ามพวกเขาเจอกันเลย

เธอล่ะเธอต้องห้ามไม่ไว้ใจเขาในขณะที่เขาไว้ใจเธอ ต่อให้เธอชอบคิดอย่างห้ามไม่ได้ว่าเขาอยู่กับใครที่ถนนเฟิงหวาง กำลังทำอะไร

เซี่ยชีหรั่นเธอรับรู้ถึงความรักของเขา ถูกไหม? ครั้งก่อนพี่เหอไท้พูดยังไงกับเธอ อะไรที่ไม่ได้มาอยู่ตรงหน้าเธอก็เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่จริง

เชื่อเขา ต่อให้เขาอยู่กับคนอื่นเขาก็คงมีเหตุผล

ถ้าเขาอยากนอกใจขึ้นมาจริงๆ เขาไม่จำเป็นที่จะต้องแคร์เธอเลย เธอเป็นอะไรสำหรับเขา เธออยากลืมสิว่าเมื่อก่อนเธอเป็นแค่คนรับใช้ของบ้านเขา เขาไม่จำเป็นต้องรักเธอในเวลานั้น ตอนนี้ขาก็ไม่จำเป็นที่จะโกหกเธอ

เย่เชินหลินไม่รู้ว่าผู้หญิงของเขากำลังต่อสู้กับความคิดตัวเองยังไง ในใจเธอเดี๋ยวก็รู้สึกเจ็บจนหมดหวังเดี๋ยวก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มีหลายครั้งที่เกือบทนไม่ได้อยากโทรไปหาเย่เชินหลิน

เธอกลัวเขารู้สึกว่าเธอไม่ไว้ใจ สุดท้ายเธอเลยตัดสินใจไม่โทร เธอแค่นั่งรออยู่เงียบๆ รอเขาโทรมา

เธอมองดูประตูเป็นระยะรอให้เขากลับมาเร็วๆ ให้เธอได้เจอเขา ได้ถามเขา

ในขณะที่รอเย่เชินหลินกลับบ้าน อีกฝั่งหนึ่งส้งหลิงหลิงก็กำลังรอให้เย่เชินหลินมาหาเธอเหมือนกัน เธอวางมือไว้บนท้องแล้วลูบอย่างแผ่วเบาค่อยปลอบลูกที่อยู่ในท้องตลอด

แม้ว่าอุลตร้าซาวด์ออกมาว่าเด็กไม่มีปัญหาอะไรแต่อัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่าปกติ หมอบอกว่าสภาพจิตใจของเธอส่งผลกระทบต่อทารกที่อยู่ในครรภ์

หมอที่รักษาส้งหลิงหลิงเป็นหมอที่อยู่เวรดึกที่มากประสบการณ์คนหนึ่ง เธอมักจะวิเคราะห์ปัญหาของหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์จากมุมมองทางสรีรวิทยาและด้านสภาพจิตใจ เพราะฉะนั้นเธอจึงยืนยันว่าจะเรียกพ่อของเด็กมา ตามประสบการณ์ของเธอ เด็กมีปัญหามักจะเกี่ยวข้องกับพ่อของเด็ก

ตอนที่เย่เชินหลินถึงโรงพยาบาล หลินต้าฮุยเดินมา

“เด็กมีปัญหาอะไร?” เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วถามเสียงนิ่ง ดูเหมือนเขาก็ดูสนใจเด็กอยู่

“คุณไปถามหมอเถอะครับ หมอไม่ได้พูดรายละเอียดให้ฟัง พูดแค่เด็กมีปัญหาให้คุณต้องมาให้ได้” หลินต้าฮุยพูดทวนคำพูดของหมออีกรอบ เย่เชินหลินเดินตามหลินต้าฮุยมาที่ห้องทำงานหมอ

“หมอครับ พ่อของเด็กมาแล้วครับ” ส้งหลิงหลิงได้ยินเสียงของเย่เชินหลินดังมาจากทางเดิน ในใจเธอดีใจเป็นอย่างมาก

เธอขอบคุณสิ่งที่หมอพูดเธอมั่นใจว่าถ้าหมอพูด ต่อไปเย่เชินหลินต้องดีกับเธอแน่ ไม่แน่อาจจะไม่ให้เธอไปอยู่เมืองนอกแล้วก็ได้ ส้งหลิงหลิงเปิดประตูให้เย่เชินหลินหมอก็ลุกขึ้นยืน ความกดดันที่แพร่ออกมาจากตัวของเย่เชินหลินทำให้หมอรู้สึกว่าแตกต่าง เธอเลยลุกขึ้นยืนยังไม่รู้ตัว

“สวัสดีครับคุณหมอ” เย่เชินหลินทักทาย คุณหมอผมขาวพยักหน้าให้เขาแล้วพูดตอบว่า:“ สวัสดีค่ะ เชิญนั่งค่ะ เกี่ยวกับอาการลูกคุณและแม่เด็ก ฉันอยากคุยกับคุณ”

คุณหมอไม่กล้าที่จะบอกว่าส้งหลิงหลิงเป็นภรรยา เพราะหมอได้ยินส้งหลิงหลิงบอกแค่ว่าพ่อของเด็ก แต่ไม่ใช่สามี

เย่เชินหลินนั่งลงที่เก้าอี้ข้างคุณหมอ

“จากผลตรวจลูกคุณไม่มีปัญหาอะไรมาก ซึ่งหมายความว่าตัวบ่งชี้ในสตรีวิทยาเป็นปกติ แต่ที่ฉันต้องให้คุณมา เพราะหัวใจของเด็กเต้นผิดจังหวะ อารมณ์ของคนท้องก็ไม่คงที่ พูดตามตรงนะคะ ฉันทำงานเป็นสูติแพทย์มาหลายปี เคยเจอคนท้องที่ชอบกังวลแต่ไม่เคยเจอหนักเท่าคนนี้มาก่อน ตามปกติ ความรู้สึกของแม่และเด็กน่าจะเกี่ยวกับคุณพ่อนะคะ ระหว่างพวกคุณมีเรื่องอะไรกันอันนี้หมอไม่ทราบ หมอแค่พูดจากมุมมองของพ่อแม่และเด็ก ทารกที่อยู่ในครรภ์ถึงเราจะมองไม่เห็นแต่เขาก็มีตัวตนอยู่ในครรภ์จริงๆ นะคะ ในช่วงเวลานี้ทารกในครรภ์ก็มีอารมณ์เป็นของตัวเอง เพียงแค่เราไม่เข้าใจเฉยๆ ค่ะ อารมณ์ส่วนมากจะส่งมาจากร่างกายของแม่ ถ้าแม่วิตกกังวลมากเกินไปเด็กก็จะวิตกกังวลตามกันค่ะ”

เย่เชินหลินนั่งฟังด้วยหน้านิ่งๆ ถึงใบหน้าเขาไม่ได้แสดงอะไรออกมาแต่ในใจเขากลับเหมือนมีคลื่นใหญ่ซัดเข้ามา เขาคิดแต่จะส่งเด็กคนนี้ไปอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่เคยถึงชีวิตเล็กๆ นี่เลยว่าเขาก็มีความรู้สึก

“ผมแนะนำคุณ ให้คุณดูแลอารมณ์ของแม่และเด็กให้ดีในสองสามเดือนนี้ ก็เหมือนเป็นเรื่องของมนุษยธรรม และผมอยากเตือนคุณอีกอย่างทารกในครรภ์มีแต่เสียงของพ่อเท่านั้นที่จะปลอบเขาได้ หากคุณเพิกเฉยต่อความรู้สึกของเด็กในเวลานี้เด็กอาจไม่มีความปลอดภัยไปตลอดชีวิต เด็กไม่ใช่ของพ่อแม่หรือของสังคม ในเมื่อพวกคุณตัดสินใจที่จะให้เด็กลืมตาดูโลกก็ควรรับผิดชอบต่อสังคม พวกคุณก็รู้อัตราอาชญากรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลมาจากการขาดความปลอดภัยทั้งนั้น ฉันดูออกว่าพวกคุณไม่ใช่คนธรรมดา เหมือนกันถ้าลูกของพวกคุณเกิดมาก็คงไม่ใช่คนธรรมดา ยิ่งคนรวยมากเท่าไหร่ยิ่งทำลายล้างได้มาก เอาล่ะ นี่ก็คือสิ่งที่ฉันอยากจะบอกพวกคุณ เมตตาต่อชีวิตเถอะ ก็ถือว่าสร้างบุญให้คนอื่น”

ตอนแรกที่หมอพูด เย่เชินหลินรู้สึกเขาต้องโดนส้งหลิงหลิงซื้อแล้วแน่เลย ถึงมาพูดแทนเธอขนาดนี้ ก็แค่อยากให้เขาอยู่ข้างกายเธอ ดีกับเธอเพื่อที่จะแยกเซี่ยชีหรั่นกับเขาออกจากกัน

พอเขานั่งฟังไปสักพักความคิดเขากลับเปลี่ยนไปแล้ว หมอที่นั่งอยู่ตรงหน้า เสื้อกาวน์เก่าๆ นั้นเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ข้างในก็เก่าเช่นกัน แสดงว่าเธอเป็นคนเรียบง่าย สายตาของเธอเวลาดูผู้คนมักจะเผยให้เห็นถึงความรักอันรุ่งโรจน์สำหรับชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดบางคำไม่สามารถพูดได้โดยคนธรรมดา โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายหากไม่ใช่เธอรู้สึกจริงๆ คงจะไม่พูดเช่นนั้น

“ขอบคุณครับ” เย่เชินหลินขอบคุณจากใจจริง คุณหมอยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูด:“ ไม่คิดว่าฉันขี้บ่นก็ดีแล้ว ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก คนเป็นหมอก็แค่หวังให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีคนป่วยให้น้อยลง”

คำพูดของหมอเมื่อกี้ทำให้ส้งหลิงหลิงตาแดงก่ำ เธอมีการเล่นละครอยู่ในนั้นด้วย

นอกจากแสดง เธอก็รู้สึกขอบคุณคุณหมอท่านนี้จริงๆ อย่างน้อยตอนนี้ เธอก็รู้แล้วควรรักชีวิตให้มากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเจตนาจะทำอย่างนั้น เด็กก็คงไม่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เสียใจ

“คุณหมอครับ ยังต้องระวังเรื่องอีกไหมครับ แล้วเธอต้องนอนที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการหรือเปล่าครับ” เย่เชินหลินถามขึ้นอีก คุณหมอส่ายหัว

“ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหรอกค่ะ หลังจากกลับไปก็กินอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนเยอะๆ ดีที่สุดคือพยายามให้เธอใจเย็นๆ อย่าคิดมาก ที่สำคัญ สื่อสารกับลูกในท้องเยอะๆ นะคะ ครรภ์ในเดือนนี้ คุณลูบท้องคุยกับลูกผ่านท้องแกก็จะสัมผัสได้ค่ะ”

“โอเคครับ” เย่เชินหลินตอบแค่นั้น แล้วพูดกับส้งหลิงหลิงว่า:“ คุณออกไปก่อน ผมขอคุยกับคุณหมอเป็นการส่วนตัว”

ส้งหลิงหลิงลุกขึ้นยืนและพยุงท้องเดินออกไปอย่างช้าๆ เมื่อประตูปิดลง เย่เชินหลินจึงถามคุณหมอว่า:“คุณดูอาการของเธอเหมาะที่จะนั่งเครื่องบินนานๆ ได้ไหมครับ?”

ต่อให้เขาไม่ถามหมอเขาก็รู้คำตอบเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาก็อยากถามให้แน่ใจ

“ปกติคนท้องนั่งเครื่องบินไม่มีปัญหาค่ะ แต่อาการของเธอไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะต้องนั่งเป็นเวลานาน ต้องคิดให้ดีนะคะ ฉันพูดได้แค่แหละค่ะ ที่เหลือพวกคุณไปตัดสินเอาเองดีกว่าค่ะ”

ตอนออกจากห้องทำงานของคุณหมอ เย่เชินหลินรู้สึกคิดหนัก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset