สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 561 สาวใช้ตัวแสบ 465

ตอนที่ 561 สาวใช้ตัวแสบ 465
“ครับ คุณเย่!”
ข้างกายของเซี่ยชีหรั่นไม่เคยขาดคนปกป้อง เรื่องนี้เขารู้ตั้งแต่แรกแล้ว
และเขาก็รู้ด้วยว่า ขอเพียงแค่เขาปล่อยมือ ข้างกายของเธอก็ผู้ชายมากมายมารายล้อมและไล่ตามจีบเธออย่างไม่ลดละ
เธอนั่งอยู่บนรถของหลี่เหอไท้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ บางทีขณะที่เซี่ยชีหรั่นอาบน้ำอยู่ หลี่เหอไท้ก็อาจจะกำลังคิดถึงสภาพตอนที่เธออาบน้ำเสร็จก็เป็นได้
แม้ว่าหลี่เหอไท้จะเป็นวิญญูชน แต่เขาก็ไม่ใช่ชายที่มีคุณธรรมและมีจิตใจแน่วแน่มั่นคงขนาดนั้น เขาเริ่มมีความรักตั้งแต่อายุสิบห้า ดังนั้นการที่เขาจะไล่จีบเซี่ยชีหรั่นหญิงสาวบริสุทธิ์ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายหรอกเหรอ?
สำหรับผู้หญิงทุกคนแล้ว ผู้ชายเฉกเช่นหลี่เหอไท้ที่ถ่อมตัวและนอบน้อม ทั้งยังใส่ใจความรู้สึกของผู้หญิง ราวกับเป็นเพื่อนที่รู้ใจของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้ดูตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิง ดังนั้นเขาจึงสามารถสู้กับคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่เซี่ยชีหรั่นกำลังอกหักอยู่นั้น เวลาเธอร้องไห้ก็มักจะยืมไหล่ของเขา เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ฟังเธอระบายความในใจ ไม่นานพวกเขาก็เริ่มใกล้ชิดกัน
ในที่สุด เธอก็เริ่มค้นพบว่าเธอนั้นเคยชินกับการมีอยู่ของชายอ่อนโยนผู้นี้เสียแล้ว และเธอก็ค่อยๆหลงรักเขาเข้าแล้ว……แย่จริง!
ยังคงดำเนินตามแผนนี้ต่อไปไหม?
ผ่านไปไม่นาน เขาก็ไม่ได้เป็นแค่พี่ชายของเธออีกแล้ว แต่กลายเป็นพี่ชายที่รักฉันท์ชู้สาวแทน เขาคิดครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็กำหมัดแน่น ……จากนั้นอีกสักพัก เขาก็ค่อยๆคลายหมัดลง
การที่เธอกับหลี่เหอไท้นั้นอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยที่สุดพ่อแม่ของเขาก็ดีกับเธอไม่น้อย ดังนั้นเขาควรที่จะดีใจมิใช่เหรอ?
หากปล่อยเธอไป เธอก็ไม่สามารถที่จะอยู่เป็นโสดเพื่อเขาได้ ซึ่งเรื่องนี้เขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคิดทบทวนให้ดี
อีกทั้ง ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เมื่อเธอจากไปแล้ว เธอก็คงจะไม่มาสนใจความรู้สึกของเขาว่าจะรับได้หรือไม่ และเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงของข้อความหนึ่ง
นับตั้งแต่ที่เซี่ยชีหรั่นจากไป ในใจของเขาไม่มีเวลาไหนเลยที่เขาจะไม่รอคอยให้เธอติดต่อกลับมา และเมื่อเสียงแจ้งเตือนของข้อความดังขึ้น การตอบสนองแรกของเขาก็คือข้อความนั้นเป็นเธอที่ส่งมาใช่ไหม
เขาได้มอบหมายให้คนเอาใบโอนย้ายทรัพย์สมบัติไปให้กับเธอ หรือว่าข้อความที่เธอส่งมานั้นจะเป็นเรื่องที่เธอต้องการที่จะปฏิเสธทรัพย์สมบัติเหล่านี้?
เขาสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ด้วยความหวังลึกๆและเมื่อเขาเห็นคำว่าไห่ลี่หมินสามคำนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ข้อความเขียนว่า:สองทุ่ม เจอกันที่เดิม

ไห่ลี่หมิน คุณอดทนรอหน่อยไม่ได้หรือไง?

เย่เชินหลินเบ้ปากอย่างเย็นชา ถ้าหากว่าเวลานี้ไห่ลี่หมินยืนอยู่ข้างหน้าเขา เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะต่อยไปที่คางของเขาอย่างแรง

……

เวลาสองทุ่ม เมื่อมาถึงผับที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เย่เชินหลินกับไห่ลี่หมินก็ค่อยๆทยอยมาถึง พวกเขายังคงนั่งโต๊ะเดิมที่เคยนั่ง มือของพวกเขานั้นถือเหล้าคนละขวดและดื่มกันอย่างเป็นปกติ

“วางแผนไว้ว่ายังไง?ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่องแบบนี้มันไม่สามารถปกปิดได้ตลอดชีวิต”ไห่ลี่หมินพูดขึ้น เย่เชินหลินมองเขาด้วยสายตาที่จริงจัง

“การที่คุณกลับมาคงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะถามผมว่าจะทำยังไงต่อแค่นี้หรอกนะ?คุณก็น่าจะรู้ว่าผมจะทำยังไง ไห่ลี่หมิน คุณไม่จำเป็นต้องร้อนใจขนาดนี้ก็ได้นะ?”

ภายในใจของไห่ลี่หมินนั้นคิดแค่เพียงเขาต้องการที่จะจีบเซี่ยชีหรั่นอย่างเปิดเผย

เพื่อนที่ดีที่สุดที่อยู่เบื้องหน้าเขา เป็นเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและหดหู่ สมัยก่อนเขาเป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ที่ดิ้นรนต่อสู้ด้วยตนเอง

กระทั่งวันนี้ เขากลายเป็นนักธุรกิจที่ภูมิฐาน ที่ผ่านสมรภูมิการค้ามานักต่อนัก ทำให้เขากลายเป็นชายที่สุขุมในวัยสามสิบสองปี

เขาจะต้องพบเจออะไรมาบ้าง ถึงจะสามารถมายืนจุด ๆ นี้ได้?

ไห่ลี่หมินนิ่งเงียบครู่หนึ่ง เขายื่นมือไปชนแก้วกับเย่เชินหลิน จากนั้นก็ดื่มเหล้าไปสองสามอึกแล้วพูดว่า:“ผมไม่ได้เสแสร้ง การที่ผมถามคุณว่า คุณจะจัดการอย่างไรนั้นก็เป็นเพราะผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ ขอเพียงคุณพูดว่า คุณจะไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ การที่คุณกับเธอแยกกันชั่วคราวตอนนี้ก็เป็นเพราะคุณต้องการให้เธอได้ปรับตัว จากนั้นคุณก็จะไปง้อให้เธอกลับมา ในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนกับคุณ ผมจะไม่ยุแยงเธอเป็นอันขาด”

“หากไม่เป็นเช่นนั้นล่ะ?”เย่เชินหลินถามขึ้นอย่างเรียบเฉย

เขารู้เป็นอย่างดีว่าเขานั้นมีศิลปะในการพูดที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน แม้ว่าในใจเขาจะไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่ก็สามารถพูดออกมาได้อย่างดูดีและสวยงาม

เขาทั้งโกรธทั้งจนปัญญา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อเห็นว่าคนรักของตนกำลังจะถูกเพื่อนสนิทแย่งไปต่อหน้าต่อตา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นั้นรู้สึกอย่างไร?

เนื่องจากเขานั้นรักเซี่ยชีหรั่นมาก และปรารถนาในตัวเธอมากถึงมากที่สุด

เขาเป็นชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถชื่นชมความงามของเธอได้ ปกป้องเธอได้ ฟังเสียงอันไพเราะของเธอได้ จูบเธอและร่วมรักกับเธอได้

ในงานวันหมั่นก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เขายังพูดกับไห่ลี่หมินด้วยตัวเขาเองว่า เขาไม่มีวันที่จะได้ผู้หญิงของเขาไปครอบครองเป็นแน่

แต่พอมาถึงวันนี้ เขากลับไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเช่นนั้นเพื่อปกป้องผู้หญิงของตนได้อีกแล้ว และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขานั้นรู้สึกเจ็บปวด ความเจ็บปวดนั้นได้แทรกซึมไปทั่วทุกอณูของร่างกายเขา

“คุณก็รู้แล้วยังจะมาถามอีก”แต่ไหนแต่ไรมาไห่ลี่หมินไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตนที่มีต่อเซี่ยชีหรั่นเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้ก็ยิ่งเปิดเผยมากยิ่งขึ้น

“อยากจีบเธอก็ต้องจีบให้ติด และก็ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่เคยได้รับโอกาสนี้ อย่าลืมล่ะว่า คุณรู้จักกับเธอก่อนผมเสียอีก” เย่เชินหลินเบ้ปากและพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“หากคุณปล่อยมือจากเธอจริงๆ ผมก็จะใช้ทุกวิธีเพื่อที่จะให้ได้เธอมา”

ใช้ทุกวิธี?วางยา?ล่อลวง?แม้ว่าเย่เชินหลินจะรู้ว่าไห่ลี่หมินคงไม่ทำเช่นนั้นแน่ เขาพูดออกมาเพียงเพราะความโมโห

แต่อย่างไรก็ตามภายในใจของเขาก็คิดว่า ไม่มีชายหน้าไหนที่จะมาแย่งผู้หญิงของเขาไปได้ นอกเสียจากว่าจะใช้วิธีสกปรก

“เย่เชินหลิน ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะปล่อยเธอไปจริงๆใช่ๆไหม หากตอนนี้คุณยังอยากที่จะอยู่กับเธอ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คุณก็ให้ส้งหลิงหลิงทำแท้งลูกของเธอซะ ผู้หญิงแบบนั้นคุณปล่อยให้เธอท้องลูกของคุณได้อย่างไรกัน”

ขณะที่ไห่ลี่หมินกำลังลังเลใจอยู่นั้น เมื่อถูกเขาชักจูงเช่นนี้ ภายในใจของเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

ขอเพียงแค่เย่เชินหลินพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า จะไม่ยอมปล่อยเธอไป แม้กระทั่งยอมที่จะช่วยเย่เชินหลินจัดการลูกในท้องของส้งหลิงหลิง เขาเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายของเขาอย่างแท้จริง บางครั้งก็ยอมที่จะเจ็บปวดเอง เพื่อที่จะไม่ให้เพื่อนต้องมาเจ็บปวด

แต่เย่เชินหลินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยลองที่จะทำร้ายเด็กคนนั้น แต่ภาพขณะที่ส้งหลิงหลิงกำลังจะฆ่าตัวตายนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่หยุดยั้ง

เขาเชื่อว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แต่หากเป็นคนอื่นที่ไม่ว่าจะโหดเหี้ยมแค่ไหน ก็คงทนเห็นภาพชีวิตคนๆหนึ่งจากไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้

ในจุดๆนี้ เขาพ่ายแพ้ให้กับส้งหลิงหลิงอย่างราบคาบ เขาได้รับปากเธอไว้แล้วและก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

สำหรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น หลังจากที่ลูกของเขาเกิดขึ้นมา หากเธอยังคงใช้ความตายมาข่มขู่อีก เขาจะไม่ยอมใจอ่อนอย่างเด็ดขาด

เย่เชินหลินตอบคำถามไห่ลี่หมินอย่างเรียบเฉย เขานั้นรู้เป็นอย่างดีว่าเย่เชินหลินนั้นเป็นคนอย่างไร และเขาจะตัดสินใจเช่นไรต่อไป

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณก็อย่ามาโทษผมนะว่า ผมนั้นไม่มีมนุษยธรรม เพราะหากผมไม่จีบเธอ คนอื่นก็ต้องจีบเธอ ผมไม่อยากเห็นผู้หญิงดีๆแบบเธอ ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงของลูกคนอื่น ”

เย่เชินหลินครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกขวดเหล้าดื่มอีกครั้ง

หากว่าเขาไม่สามารถให้ความสุขกับเธอได้ด้วยตนเอง ท้ายที่สุดก็คงจะต้องมีชายอื่นมามอบความสุขให้กับเธอ ไม่ว่าจะเป็นไห่ลี่หมินหรือหลี่เหอไท้ สำหรับเขาแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก ?

แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันก็คือ เขานั้นรู้จักไห่ลี่หมินเป็นอย่างดี ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายที่ไม่ซับซ้อน ไม่น่ากลัว และไม่เคยมีความรู้สึกดีๆเช่นนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย

ส่วนหลี่เหอไท้นั้นเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก แต่สุดท้ายแล้วจะเลือกใครนั้น เย่เชินหลินยังไม่ได้สรุป

เขาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ทำได้เพียงยกขวดเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างเงียบๆ

เลือกใครนั้น? ก็คงต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นที่ต้องตัดสินใจ?

เขายกขวดเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง คราวนี้ดื่มเกือบจนหมดขวด ไห่ลี่หมินทนดูไม่ไหว รีบเข้าไปแย่งขวดเหล้านั้นและถามขึ้นอย่างดุดันว่า :“ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ ถึงได้ดื่มหนักขนาดนี้?”

“หากคุณตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกับผม คุณก็จะเข้าใจเอง”

เมื่อเย่เชินหลินพูดจบ เขาก็แย่ขวดเหล้าของเขาคืน และดื่มต่อจนเกลี้ยงขวด

แม้จะดื่มเหล้ามากมายขนาดนี้ แต่ในสายตาของเขาก็เห็นเพียงใบหน้าของเธอผู้นั้น เขาต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถลืมเธอได้?

“ผมไม่ให้คุณดื่มแล้วนะ!รีบไปตามเธอกลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ไปตามเธอกลับมาก็ลืมเธอซะ!” ไห่ลี่หมินพูดขึ้น

“ให้ผมดื่มต่อเถอะ วันพรุ่งนี้คุณก็จะตามจีบเธอแล้วมิใช่เหรอ?ผมจะลืมเธอให้หมดสิ้น!”เมื่อเย่เชินหลินพูดจบ เขาก็ดื่มเหล้าหมดไปอีกหนึ่งขวด

เมื่อเห็นว่าไห่ลี่หมินยังไม่วางใจ เขาก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า

“ผมไม่ตายง่ายๆหรอก ผมยังมีพ่อ แม่ และลูกที่จะต้องดูแล ผมจะตายได้ยังไง คุณไม่ต้องมาสนใจผมหรอก คิดแค่ว่าจะไปตามจีบผู้หญิงคนนั้นยังไงก็พอ!”

ขณะที่เย่เชินหลินกำลังดื่มเหล้าอยู่นั้น คิ้วของไห่ลี่หมินก็ขมวดแน่นขึ้น ในที่สุดเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ส่งงข้อความให้กับเซี่ยชีหรั่น:เย่เชินหลินดื่มหนักมาก คุณรีบมาที่นี่เดี๋ยวนี้

ท้ายข้อความได้เขียนที่อยู่ของผับที่พวกเขากำลังดื่มกันอยู่

เย่เชินหลิน ไม่ไหวแล้ว ……

ขณะที่จิ่วจิ่วกำลังดูละครอยู่เป็นเพื่อนจ้าวเหวินอิงนั้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากชั้นบนดังขึ้น ทั้งสองคนเหลือบสายตาขึ้นมามอง เห็นเซี่ยชีหรั่นรีบวิ่งลงมาอย่างร้อนใจ พร้อมกับกำโทรศัพท์ไว้แน่น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset