สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 560 สาวใช้ตัวแสบ 464

ตอนที่ 560 สาวใช้ตัวแสบ 464
เซี่ยชีหรั่นเห็นท่าทางที่ดีใจอย่างนั้นของจิ่วจิ่ว อยากจะพูดจริงๆ ว่างั้นก็ให้เธอไปเถอะ อย่างน้อยก็ทำให้เธอดีใจ
แต่เธอ มองไม่เห็นแสงพระอาทิตย์กับทรายนั้น คิดไม่ถึงอาหารที่สวยหรู เธอแค่คิดถึงใบหน้าผู้ชายที่มีเคราเล็กๆคนนั้น และก็สายตาที่โศกเศร้าเหงาหงอยของเขา
“จิ่วจิ่ว ฉันไม่อยากได้ของของเขา คุณสามารถคิดหาวิธีที่จะเอาไปคืนเขาได้ไหม? ” เซี่ยชีหรั่นถามอย่างจริงจัง จิ่วจิ่วก็เก็บใบหน้าที่ดีใจนั้น
เธอมองดูใบรายงานทรัพย์สินนั้นอีกครั้ง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ฉันว่าคุณอ่ะ สมองพังไปแล้วจริงๆ เงินเยอะมากมายขนาดนี้ไม่เอาก็เสียดายแย่ คุณเลิกกับเขาแล้ว ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะหาคนแบบไหน ถ้าส้งหลิงหลิงเอาเด็กมาเป็นข้ออ้างในการอยู่กับเขา หลังจากนี้เงินก็เป็นของเธอหมดเลยซิ โง่จริงๆ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะรับไว้ เอาไปบริจาคให้โครงการความหวัง ดีกว่าเอาไปให้นางสุนัขจิ้งจอกคนนั้นอีก ”
เซี่ยชีหรั่นนั่งฟังคำพูดของจิ่วจิ่วเงียบๆ ถึงแม้จะพูดติดตลกบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลไปทั้งหมด
ส้งหลิงหลิงคนนั้น ไม่ว่าเธอจะรวยมากเพียงใดก็ไม่เคยทำเรื่องดีๆให้ใครจริงๆ สำหรับเธอนั้น ยิ่งเธอมีเงินในมือมากเท่าไร เธอก็จะทำเรื่องไม่ดีมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
ตอนที่เซี่ยชีหรั่นกำลังพิจารณาคำพูดของจิ่วจิ่วอยู่นั้น จิ่วจิ่วก็ส่ายหัวพูดว่า : “พวกคุณนี้รักศักดิ์ศรีมากเกินไปจริงๆ เฮ้อ! ทำไมฉันถึงไม่ได้เจอผู้ชายที่หล่อรวยเอาเงินให้ฉันบ้างนะ! โอ้ย ถ้ามีคนให้เงินฉันสักหนึ่งส่วนสิบของอันนี้นะ ไม่ซิ หนึ่งส่วนร้อน ไม่ไม่ หนึ่งส่วนพัน ฉันสัญญาว่าจะไม่ยึดศักดิ์ศรี และจะพูดกับเขาอีกว่าขอให้อายุยืนยาวหมื่นๆปี”
“จะบ้าเหรอ ไม่มีความซื่อสัตย์เลยสักนิด ฉันจริงใจที่จะปรึกษาคุณจริงๆนะ ”
คำพูดของเซี่ยชีหรั่น ทำให้จิ่วจิ่ววางมาดเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันที เธอเก็บรอยยิ้มของเธอ คิดไปคิดมา แล้วสุดท้ายก็ส่ายหัวพูดว่า : “เรื่องนี้ฉันไม่มีวิธีการจริงๆ เขาพยายามให้คุณ ทำไมคุณถึงอยากเอากลับให้เขาล่ะ ”
ถามก็เหมือนกับไม่ได้ถาม เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจเบาๆ
“ก็ได้ เรื่องนี้ไม่ได้รีบอะไร ก็รอฉันคิดดีดีก่อน ว่าจะทำวิธีไหนเอาคืนกลับไปให้เขาให้ได้ ”
ถึงยังไงเธอก็ไม่เอา เธอจะลืมเขาอย่างเด็ดขาด ไม่มีสิ่งของอะไรติดค้างเขาทั้งนั้น นอกจากโทรศัพท์มือถือของเธอ
จิ่วจิ่วยกไหล่ ความหมายก็คือเธอก็ไม่รู้จะทำยังไง
ตอนเที่ยงหลี่เหอไท้กลับกลับมากินข้าวที่บ้านหลังจากกินข้าวเสร็จเขาก็พาเซี่ยชีหรั่นไปบริษัทสาขาใหม่ที่เปิดที่ตงเจียง ขนาดของบริษัทใหม่นั้นใหญ่มาก แน่นอนว่าไม่ใหญ่เท่าบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ป บริษัทหลักของฝู้ซื่อกรุ๊ปก็อยู่ที่ตงเจียง
เซี่ยชีหรั่นก็ทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดเหมือนเดิม หัวหน้าของเธอเป็นผู้หญิงประมาณอายุสามสิบปี แซ่หลิว ท้องนูนๆออกมาเล็กน้อย
เพื่อรักษามารยาท เซี่ยชีหรั่นกลับไม่ได้จ้องมองที่ท้องของเธอ แต่ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างดีใจ : “ฉันตั้งครรภ์อยู่ ช่วงนี้อารมณ์ก็จะฉุนเฉียวหน่อย ถ้าพูดอะไรไม่ค่อยดี ทำให้คุณโกรธคุณสามารถบอกฉันได้ตรงๆเลยนะ ”

ตั้งครรภ์อยู่……เซี่ยชีหรั่นเห็นคนท้องก็นึกถึงส้งหลิงหลิงขึ้นมาเลย แต่ว่าเธอเพิ่งจะรู้จักหัวหน้า ไม่สามารถแสดงอารมณ์ที่ไม่ดีออกมาได้

“ผู้จัดการหลิว!”

“เรียกอะไรผู้จัดการหลิวอ่ะ! เรียกพี่ซิ ” ผู้จัดการหลิวพูดหัวเราะ ลูบมือดูเหมือนเอ็นดูเซี่ยชีหรั่น

ความสนิทสนมของเธอทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกไม่ธรรมชาติ เธอไม่ได้เป็นคนที่สนิทสนมคนอื่นได้ง่ายขนาดนั้น เธอเป็นประเภทค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ผู้จัดการหลิวมองเห็นท่าทางที่ไม่ธรรมชาติของเธอ ก็หัวเราะขึ้น “ความรักการเป็นแม่คนนั้นล้นทะลักออกมา คุณอย่าถือสาเลยนะ ”

เซี่ยชีหรั่นยิ้มยิ้ม

“ไม่ถือสา คุณน่ารักมาก! ”

“ฮ่าๆ จริงเหรอ? ฉันก็รู้สึกว่าน่ารักมากเหมือนกัน โอเค พวกเราคุยเรื่องการทำงานดีกว่า ”

ผู้จัดการหลิวปกติเป็นคนเฮฮา พอพูดถึงเรื่องการทำงานกลับวางมาดจริงจังขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นก็เข้าใจโดยทันทีว่าทำไมถึงแม้เธอจะท้องใหญ่แล้ว แต่หลี่เหอไท้ก็ยังรับเธอเข้าบริษัท

เพิ่งมาบริษัท ก็ไม่มีงานอะไรทำเป็นจริงเป็นจังสักอัน ยังต้องรอสักสองวันถึงจะคุ้นชินกับการทำงาน

แต่ว่าสำหรับเซี่ยชีหรั่นแล้วนั้น การได้นั่งในห้องทำงานก็ดีกว่าการเดินเตร่ๆไปเรื่อย

ตอนบ่ายเซี่ยชีหรั่นพยายามเอาใจไปจดจ่อกับการทำงาน ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีการคิดถึงคนคนนั้นบาง ทุกครั้งเธอพยายามเก็บซ่อนอารมณ์ไว้

ถึงแม้เธอจะหวังให้โม่เสี่ยวจุนกับไห่ฉิงฉิงไม่ต้องได้รับผลกระทบนี้ แต่หลังจากวางโทรศัพท์ โม่เสี่ยวจุนและไห่ฉิงฉิงยังคงพูดเรื่องของเธออยู่

“คุณว่า นิสัยของเซี่ยชีหรั่น ครั้งนี้ที่เธอจากไปเป็นเพราะรับไม่ได้ แล้วในอนาคตจะยังคงย้อนกลับมาไหม? ” ไห่ฉิงฉิงถามโม่เสี่ยวจุนอย่างไม่แน่ใจ

ปกติเรื่องของเซี่ยชีหรั่นนั้น โม่เสี่ยวจุนก็จะทายได้ใกล้เคียงกันตลอด ความคิดของเธอ เขาเข้าใจมากที่สุด

แต่ว่าทุกครั้งที่ไห่ฉิงฉิงถามคำถามนี้ออกมานั้น เขามักจะพูดออกมาไม่ได้ และเขาก็ไม่รู้ว่าเธอมีความรู้สึกต่อความรักแบบไหนกันแน่

สำหรับเธอแล้ว โม่เสี่ยวจุนเป็นได้แค่พี่ชายของเธอเท่านั้น ไม่ใช่คนรัก

“ผมพูดได้แค่ว่า เธอเป็นคนที่ถือทิฐิมากๆ ถึงแม้ว่าจะแยกกันแล้วจริงๆ แต่ใจของเธอก็ลืมเย่เชินหลินไม่ได้แน่นอน”

“งั้นจะทำยังไง? ” ไห่ฉิงฉิงยังคงถาม เธอเป็นคนรักใครเกลียดใครอย่างชัดเจน ที่จริงเธอเกลียดเย่เชินหลินมากๆที่เก็บเด็กคนนั้นไว้

ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ เธอจะฆ่าเด็กคนนั้นซะ ก็จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ตามมาอีก

“เวลาผ่านไปแล้ว ก็คงจะดีขึ้นมาอยู่มั้ง ” โม่เสี่ยวจุนพูดอย่างจนปัญญา เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง

ถ้าตอนนี้เขายังโสด ก็จะง่ายหน่อย ในเมื่อเขากับเซี่ยชีหรั่นก็มีความผูกพันกันมาหลายปี เขาจีบเธออีก เธออาจจะเห็นด้วยขึ้นมาก็ได้

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เห็นด้วย มีคนค่อยรักษาเธอไว้ ก็เป็นการปลอบใจเขาอย่างดีที่สุดแล้ว

“เสี่ยวจุน คุณเคยได้ยินประโยคหนึ่งไหม วิธีที่รักษาการอกหักที่ดีที่สุดก็คือการมีความรักใหม่อีกครั้ง? หรือว่า ฉันควรจะบอกพี่ชายฉัน ว่าเซี่ยชีหรั่นเลิกกับเย่เชินหลินแล้ว? ยังไงซะเขาก็ยังคงคิดถึงอยู่ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้หาแฟน ”

โม่เสี่ยวจุนหวังอยากให้เซี่ยชีหรั่นมีความสุขตลอด ไม่ว่าความสุขนั้นใครจะให้เธอก็ตาม มันก็ไม่สำคัญเลยสักนิด

แต่ว่าตอนนี้จับคู่เธอกับคนอื่น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะสมกันสักเท่าไร เขารู้นิสัยเธอดี ตอนนี้เกรงว่าจะหลบไปรักษาแผลใจคนเดียว ใครก็ไม่เห็น

เขารู้ วางเจอใคร เธอก็จะทำท่าทางดีใจ เพื่อที่จะให้คนอื่นสบายใจ

ถึงแม้ในใจจะเจ็บปวด แต่ก็จะยิ้มให้คนอื่นเสมอ แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะยอมรับเลย เพราะฉะนั้นเขาเลยยอมแพ้ที่จะไปหาเธอ

“เสี่ยวจุน คุณว่าดีไหม? ถึงยังไงพี่ชายฉันก็หน้าด้านหนังหนาอยู่แล้ว ถึงแม้จะจีบไม่ติด เขาก็ไม่เป็นไร ”

“เรื่องนี้ไม่ว่าใครพูดก็ไม่ดีทั้งนั้น งั้นคุณก็เอาเรื่องที่พวกเขาเลิกกันไปบอกไห่ลี่หมินเถอะ พวกเขาจะทำไงต่อ ก็เป็นเรื่องของพวกเขา พวกเราก็ไม่ควรไปพูดหรือทำอะไรมาก ” โม่เสี่ยวจุนพูดเสียงเบา ไห่ฉิงฉิงเป็นคนนิสัยรีบร้อน ตอบรับเสร็จก็รีบโทรหาไห่ลี่หมินทันที

ช่วงนี้ไห่ลี่หมินก็คิดถึงเรื่องของเซี่ยชีหรั่นอยู่ แค่ไม่มีข่าวที่แน่นอนก็เท่านั้น เขาเป็นคนเคารพในตัวเธอมาก แถมยังเป็นเพื่อนสนิทของแฟนเธอด้วย ไม่สะดวกที่จะถามมากนัก

นับตั้งแต่เขาเปิดโปงหลิวเสี่ยวเจียวแล้วนั้น ก็ไม่เคยพูดคุยติดต่อกับหลิวเสี่ยวเจียวแบบตัวต่อตัวเลย เขาตั้งใจที่จะไม่ติดต่อ อยากจะค่อยๆหลบหนีการควบคุมของประธานจง เพราะฉะนั้นเรื่องที่เซี่ยชีหรั่นออกจากคฤหาสน์นั้น เขาก็ไม่รู้

เมื่อโทรศัพท์ติดแล้วนั้น ไห่ฉิงฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า : “พี่ พี่ยังลืมเซี่ยชีหรั่นไม่ลงใช่ไหม? เธอเลิกกับเย่เชินหลินแล้ว ถ้าพี่ยังชอบเธออยู่ ฉันคิดว่าพี่ควรจะลงมือจีบซะ ”

ไห่ลี่หมินนิ่งเงียบไป เขาคิด เขาก็กลัวชีวิตนี้จะลืมเซี่ยชีหรั่นไม่ลง ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มีความสนิทสนมกันเกินไปกว่านั้นก็ตาม

เขาฝันก็ฝันถึงเธอ อยากจีบเธอ ปรารถนาที่จะให้เธอเป็นผู้หญิงของเขา จับมือเขาไปตลอดชีวิต

แต่ว่า ตอนนี้เธอเพิ่งจะเลิกกับเย่เชินหลิน เขาไปจีบเธอตอนนี้ จะโจ่งแจ้งเกินไปไหม นี้เป็นการใช้จุดอ่อนหรือเปล่า? นี้เป็นการทำความชั่วร้ายเกินไปหรือเปล่า

ไห่ฉิงฉิงเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายไปโดยปริยาย เธอรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า : “การจีบผู้หญิงไม่ใช่จะโจ่งแจ้งหรือไม่โจ่งแจ้งอะไร พวกเขาเลิกกันหนึ่งนาทีพี่ลงมือไปจีบก็เรียกว่าเป็นการจีบตอนเลิกกันแล้ว คิดเยอะไปทำไมกัน? ถึงยังไงเธอก็โสดแล้ว โอกาสนี้หายาก พี่รู้ว่าไอ้เย่เชินหลินคนนั้น ยอมว่างมือแล้วจริงๆ? ถ้าวันไหนเขาเสียใจภายหลังขึ้นมา ตัดใจทิ้งเธอไม่ลง เขามีข้อได้เปรียบมากกว่าพี่นะ ฉันจะบอกกับพี่ว่า พี่ดีทุกอย่าง แต่ในเรื่องความรักนั้นด้อยเหลือเกิน พี่ไม่รู้เหรอว่าถ้าผู้ชายไม่เลว ผู้หญิงก็ไม่รักอ่ะ? อีกอย่างถ้าตอนนี้พี่จีบเธอ ดีกับเธอ พี่คิดดู ถ้าเธอใจอ่อนขึ้นมา เห็นเย่เชินหลินโศกเศร้าเหงาขึ้นมา เธอก็จะกลับไปอยู่ข้างเขาอีก ก็จะไปทนทุกข์อยู่กับเย่เชินหลินและลูกของส้งหลิงหลิงทั้งชีวิต พี่ รีบลงมือจีบเถอะ คุณปู่คุณย่าและคุณพ่อคุณแม่ร้อนใจเรื่องของพี่จะตายอยู่แล้ว ”

คำพูดของไห่ฉิงฉิงทำให้ไห่ลี่หมินกระตือรือร้นขึ้นมานิดหนึ่ง เขามองไปที่นอกหน้าต่างของห้องทำงาน เขาเงียบไปนานแล้วพูดกับไห่ฉิงฉิงที่ร้อนรนว่า : “พี่กลับไปคืนนี้ ”

“ดีมากเลย คุณชานไห่ ในที่สุดพี่ก็พูดออกมา รอพี่กลับมานะ ”

เมื่อเทียบความกระตือรือร้นของไห่ฉิงฉิงนั้น ในใจไห่ลี่หมินกลับนิ่งเงียบขึ้นมา

เขาอยากจะลงมือ แต่ทำอย่างไงถึงจะไม่คิดถึงใจเพื่อนสนิทของเขาล่ะ ถึงแม้พวกเขาจะเลิกกันแล้ว การกระทำของเขาแบบนี้ก็เหมือนกับทำร้ายเย่เชินหลิน

ไห่ลี่หมินอย่างเขาไม่ใช่คนที่แอบๆทำอะไร ถ้าจะไปจีบเซี่ยชีหรั่นจริงๆ เขาก็ต้องโจ่งแจ้งจีบเธออย่างแน่นอน

ตอนที่เซี่ยชีหรั่นเลิกงาน คนและรถที่ตามเธอก็ยังคงตามเธออยู่อย่างนั้น หลี่เหอไท้ขับรถออกมา เซี่ยชีหรั่นก็ขึ้นรถของเขา กลับบ้านไปพร้อมเขา

เรื่องนี้ก็ไปถึงหูเย่เชินหลินอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นออกไป เย่เชินหลินเรียกให้หลินหลิงเอาของไปส่งให้เซี่ยชีหรั่นแล้วนั้น เขาก็เอาใจไปจดจ่อกับการทำงาน

เขารู้ถ้าเขาซึมเซาไม่มีชีวิตชีวา เซี่ยชีหรั่นก็จะไม่วางใจ ถ้าเขายังเป็นแบบนี้ต่อไป ทำเหมือนคนที่ถูกทำร้ายอยู่นั้น ก็จะทำให้เธอคิดเยอะไม่สบายใจ ถ้าทำแบบนั้นมันน่าไร้ยางอายที่สุด

ได้รับสายรายงานจากโทรศัพท์แล้วนั้น สายตาของเขาก็นิ่งเงียบ มองไปที่นอกหน้าต่างอย่างไม่รู้ตัว มองดูท้องฟ้าสีคราม สายตาก็แสดงถึงความเจ็บปวดออกมา

“คุณเย่ คุณดู พวกเราควรจะทำอย่างไร? เธอไม่นั่งรถของพวกเราจริงๆ และก็ไม่ยอมรับการรักษาความปลอดภัยของพวกเรา ”

“ตามไปเฉยๆก็พอ ตามอยู่ห่างๆก็ได้ อย่าทำให้เธอมองแล้วรู้สึกลำบากใจ ” เย่เชินหลินอธิบายอย่างช้าๆ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset