สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 729 สาวใช้ตัวแสบ 633

ตอนที่ 729 สาวใช้ตัวแสบ 633
เขาไม่อยากให้มีส้งหลิงหลิงคนที่สองโผล่มา วิธีที่ดีที่สุดในการยับยั้งปัญหาในอนาคตก็คือทำให้เธอตัดใจให้หมด ให้เธอไปเจอเซี่ยชีหรั่นก็ดีเหมือนกัน ผู้หญิงของเขาเพอร์เฟคขนานนั้น แน่นอนว่าขับไล่เธอได้สำเร็จแน่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เย่เชินหลินจึงเผยยิ้มมารยาทพลางพูดอย่างถ่อมตนว่า “องค์หญิงต้องการไปพำนักที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ นั้นเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดไม่ได้ของเย่เชินหลิน”
“งั้นก็เอาตามนั้นนะ ตอนกลางวันพวกเราไปเที่ยวชมที่เมืองโบราณก่อน ส่วนอาหารเย็นคงต้องรบกวนพ่อครัวของที่คฤหาสน์คุณแล้วนะคะ”
หลังจากที่เย่เชินหลินรับปากแล้ว เขาก็ได้โทรไปหาหลินหลิงและออกคำสั่งให้เธอไปจัดเตรียมทุกอย่างที่คฤหาสน์ไว้
เขายังกำชับไว้เป็นพิเศษว่าก่อนที่องค์หญิงจะเดินทางไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ ห้ามเปิดเผยให้คนอื่นรู้ว่าองค์หญิงจะไปทานข้าวเย็นที่คฤหาสน์ตระกูลเย่เด็ดขาด
ระหว่างทางที่เซี่ยชีหรั่นเดินทางไปทำงาน เธอเห็นหลังที่คุ้นตาจากหน้าต่างรถ เธอรีบเปิดกระจกรถลงพลางตะโกนเรียก “โม่เสี่ยวจุน!”
หลายวันมานี้โม่เสี่ยวจุนเปิดบริษัทของตัวเองขึ้น ระหว่างทางที่กำลังไปทำงานได้ยินเสียงคนเรียกเขา เป็นเสียงที่คุ้นเคยอย่างมาก
ร่างกายของเขาชะงักไป เท้าก็หยุดเดินอัตโนมัติ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้หันกลับไป แต่กลับก้าวเท้าเดินให้ไวยิ่งขึ้น
เสี่ยวจุน
เขาจะต้องเป็นเสี่ยวจุนแน่ ไม่งั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่หันกลับมา
“โม่เสี่ยวจุน!” เซี่ยชีหรั่นลดเสียงให้ต่ำลงและเรียกเขาอีกครั้ง เสียงนี้ไม่ได้เรียกเพื่อให้เขาได้ยิน
โม่เสี่ยวจุนต้องการที่จะมีชีวิตใหม่แล้ว เธอไม่ควรทำให้ในชีวิตของเขามีเงาของเธออีก
เธอเลือกแบบนี้ทำให้เขายากที่จะยอมรับได้
เธอเข้าใจความคิดของเขา
ในเวลานี้เธอรู้สึกเสียใจที่ตื่นเต้นจนเธอหลุดปากเรียกเขาออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันกลับมา แต่ว่าในใจเขาจะต้องไม่สงบแน่ๆ เธอมองไปยังแผ่นหลังของโม่เสี่ยวจุนอย่างเลื่อนลอย สุดท้ายก็เอากระจกรถขึ้น
เย่เชินหลินไม่ได้อยู่ในรถด้วย เขาออกคำสั่งให้เพิ่มความปลอดภัยให้กับเซี่ยชีหรั่นเป็นพิเศษ ดังนั้นตอนนี้ในรถคันนี้จึงมีบอดี้การ์ดอยู่หลายคน
คนขับรถรู้วิธีการต่อสู้ เบาะข้างคนขับมีบอดี้การ์ดนั่งอยู่หนึ่งคน และข้างหลังยังมีเซี่ยอี้ชิงนั่งขนามข้างกับเธอ
“พี่เซี่ย พี่รู้จักผู้ชายคนนั้นหรือ?”เซี่ยอี้ชิงถาม
“อืม รู้จัก เขาคือพี่ชายฉันเอง แต่ว่าระหว่างเราสองคนเกิดเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ”เซี่ยชีหรั่นไม่มีอะไรต้องปิดบังเซี่ยอี้ชิง ไม่แน่ว่าคนๆนี้อาจจะตามเธออีกหลายปี ถือว่าเขาเป็นคนกันเอง เธอไม่มีอะไรต้องปิดบังเขา
“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด พูดคุยกันให้เข้าใจก็จบแล้วนิ พี่เซี่ยจะให้ผมไปเรียกเขาไว้ให้ไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ฉันยังต้องรีบไปทำงาน”
สีหน้าที่เศร้าโศกของเซี่ยชีหรั่นจางหายไปจนดูสงบนิ่งมากขึ้น แต่ว่าในใจของโม่เสี่ยวจุนกลับไม่สงบเอาเสียเลย หลังจากที่เขารีบเดินจากไป เขาได้แอบอยู่ในมุมแห่งหนึ่งที่เซี่ยชีหรั่นมองไม่เห็นพลางมองไปยังรถที่เธอนั่งแล่นออกไป คิ้วขมวดตลอดไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย
ความห่วงหาที่มีต่อเซี่ยชีหรั่น บางที่อาจจะเป็นความเคยชิน หลายปีผ่านมาแล้วแต่กลับลืมไม่ลง
ในตอนนั้นไห่ฉิงฉิงได้เข้าหาอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ แต่เขาทำมันไม่ได้
เขาไม่อยากจะแตะต้องเธอ ทั้งๆที่ยังลืมเซี่ยชีหรั่นไม่ได้ เขาอยากให้ทั้งกายและใจของเขาเป็นของเธอ
“เสี่ยวจุน คุณกำลังดูอะไรอยู่คะ?” ไม่รู้ว่าไห่ฉิงฉิงที่ไปซื้ออาหารเช้าให้เขา ได้มายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาสาดส่องไปยังทิศทางที่เขามองไปอย่างสงสัย
ทะเบียนรถคันนั้นเธอรู้จัก นั้นคือรถของเย่เชินหลิน เหมือนว่าคนที่นั่งอยู่ในนั้นจะเป็นเซี่ยชีหรั่น
เธอรู้ว่าต่อให้โม่เสี่ยวจุนจะพูดจาโหดร้ายแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ลืมเธอไม่ได้
นัยน์ตาของไห่ฉิงฉิงมืดลงพลางถอนหายใจ แต่ว่าไม่นานเธอก็กลับมาเป็นปกติ
“ไม่มีอะไร” โม่เสี่ยวจุนหันกลับมาและพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เขารู้ว่าในใจของไห่ฉิงฉิงมีความไม่พอใจอยู่บ้าง และเขาไม่อยากจะให้เธอเสียใจเพราะเรื่องของเซี่ยชีหรั่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าไห่ฉิงฉิงจะสายตาดีขนานนี้ เธอเห็นป้ายทะเบียนรถอย่างชัดเจน
“ลืมไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เสี่ยวจุนถ้าคุณลืมไม่ได้ แล้วทำไมต้องหลอกตัวเองว่าต้องตัดใจด้วยล่ะ ไม่สู้เราหาเวลามารวมตัวกันดู อย่าได้ทรมานตัวเองอีกเลย”
“คุณคิดมากไปแล้ว กินข้าวเช้าเถอะ หิวรึยัง?” ท่าทีของโม่เสี่ยวจุนอ่อนโยน แต่ไห่ฉิงฉิงก็ทันได้เห็นดวงตาอันเศร้าสอยของเขา 
“โอเค กินข้าวเช้ากัน”ไห่ฉิงฉิงไม่ได้พูดไปกว่านั้น โม่เสี่ยวจุนรับอาหารเช้าไป ไห่ฉิงฉิงคล้องแขนของเขาไว้พลางเดินไปอาคารสำนักงานด้วยกัน
เขาไม่อยากพูดถึงก็แล้วกัน ไห่ฉิงฉิงก็อยากจะเห็นแก่ตัวสักครั้ง คืนนี้แหละเธอต้องการที่จะกลายเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ เป็นผู้หญิงของเขาอย่างแท้จริง เธอเชื่อว่าขอแค่ร่างกายของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ความรักที่เขามีต่อเซี่ยชีหรั่นก็จะค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลาเอง ต้องมีสักวันที่ไห่ฉิงฉิงจะมีน้ำหนักในใจของโม่เสี่ยวจุนมากกว่าเซี่ยชีหรั่น จะต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้น แต่หลังจากที่แยกย้ายไปทำงานของใครของมันกับโม่เสี่ยวจุนแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะโทรหาไห่ลี่หมิน เพื่อถามถึงสถานการณ์ของเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลิน
ประมาณว่ารักใครก็เหมือนติดค้างคนนั้น เธอทนมองโม่เสี่ยวจุนมีเรื่องของหัวใจไม่ได้แม้แต่น้อย
เซี่ยชีหรั่นมาถึงบริษัท หลี่เหอไท้ยังคงทักทายเธอเหมือนเดิม จากนั้นค่อยไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
ตอนเที่ยงเซี่ยชีหรั่นได้รับข้อความจากเย่เชินหลินบอกว่าให้เซี่ยอี้ชิงทานข้าวเป็นเพื่อนเธอ เขามีเรื่องติดพันไปไหนไม่ได้
ตัวเขาไม่อยู่ แต่ความใส่ใจเขายังอยู่ เธอก็มีความสุขได้เช่นเดียวกัน
“ชีหรั่น ผมได้รับการไหว้วานมาให้พาคุณไปทำบางอย่าง”
ตอนบ่ายสามกว่าหลี่เหอไท้เคาะประตูห้องทำงานของเซี่ยชีหรั่น
“มีเรื่องอะไร ได้รับการไหว้วานจากใคร?”เซี่ยชีหรั่นถามยิ้มๆ
“เย่เชินหลิน”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเย่เชินหลินให้เขามาช่วยก็ไม่ถามอะไรอีก ลุกขึ้นเก็บเอาเก็บเอกสารบนโต๊ะ และเดินตามหลี่เหอไท้ออกจากประตูไป
สิ่งที่ทำให้เซี่ยชีหรั่นประหลาดใจก็คือหลี่เหอไท้พาเธอไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้าง
“เย่เชินหลินบอกว่าเย็นวันนี้คุณต้องพบบุคคลสำคัญมากคนหนึ่ง ต้องใส่ให้ดูสง่า และดูไม่ออกตัวแรง ทางที่ดีคือต้องกลบอำนาณความเก่งกาจของฝ่ายตรงข้ามลงมาให้ได้ แต่ต้องไม่ให้เขารู้ว่าคุณตั้งใจทำแบบนั้น
เย่เชินหลินยังพูดอีกว่าเขาเชื่อสายตาของหลี่เหอไท้ ประโยคนี้หลี่เหอไท้ถือว่าเป็นค่าตอบแทน
คิดไม่ถึงว่าทั้งคู่ที่เป็นคู่แข่งกัน ก็มีช่วงที่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ อย่างน้อยในตอนที่เย่เชินหลินโทรมาขอความช่วยเหลือ หลี่เหอไท้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด แต่กับรู้สึกเป็นธรรมชาติมาก
ต้องกลบอำนาณความเก่งกาจของฝ่ายตรงข้ามลง งั้นฝ่ายตรงข้ามก็คือผู้หญิงหรือ? เซี่ยชีหรั่นคิดอย่างเงียบๆ
เธอไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร ทำให้เย่เชินหลินต้องแข็งนอกอ่อนในขนานนี้ แต่เธอเชื่อมั่นว่าที่เย่เชินหลินให้ทำแบบนี้จะต้องเป็นเรื่องที่จำเป็นแน่
เธอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของหลี่เหอไท้
ตอนสี่โมงกว่า พวกเขาถึงเลือกเสื้อผ้าได้ จากนั้นเลือกคู่รองเท้าและกระเป๋าที่เข้ากัน ต่อมาหลี่เหอไท้ก็พาเซี่ยชีหรั่นไปร้านทำผมที่ชั้นบนสุดของตงเจียง เพื่อทำผมให้กับเซี่ยชีหรั่น
บอกว่าทำผม แต่จริงๆแล้วก็แค่ให้คนมวยผมของเธอให้ดูสง่าเท่านั้นเอง
ทุกอย่างเตรียมพร้อมดีแล้ว เย่เชินหลินก็โทรเข้ามาอีกครั้ง หลี่เหอไท้ผู้ที่ถูกไหว้วานขับรถมาส่งเซี่ยชีหรั่นที่คฤหาสน์ด้วยตัวเอง
ช่วยแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุด หลี่เหอไท้รับปากด้วยความยินดี สำหรับเขาแล้วการที่ได้เลือกเสื้อผ้าและทำผมพร้อมส่งเซี่ยชีหรั่นกลับคฤหาสน์ อันที่จริงก็เป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขมากเรื่องหนึ่ง
แต่กลับเป็นเซี่ยชีหรั่นที่เกรงใจ พูดขอบคุณอยู่หลายครั้ง
“ถ้าคุณยังขอบคุณผมอีก ผมจะโกรธแล้วนะ”หลี่เหอไท้พูดพลางทำหน้าเข้มงวด เซี่ยชีหรั่นแลบลิ้นใส่พลางพูดว่า”ไม่พูดก็ได้ ต่อไปนี้ไม่เกรงใจคุณแล้ว ใครใช้ให้คุณเป็นพี่ชายฉันล่ะ”
ผู้หญิงคนนี้ขีดเส้นแบ่งระหว่างผมอย่างชัดเจน ในใจของหลี่เหอไท้รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ได้มลายหายไป เธอเห็นเขาเป็นอะไรไม่สำคัญ เขารู้ใจตัวเองก็พอแล้ว เขาไม่ใช่หมาป่าสุภาพบุรุษผู้มีความอดทน บางครั้งสวรรค์มักจะให้โอกาสกับเขา แต่แค่ได้เห็นแค่รอยยิ้มที่สว่างสดใสของเซี่ยชีหรั่น เขาก็จะขัดแย้งกัน และหวังว่าเขาจะไม่ได้รับโอกาสนั้นอีก
เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่และได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่
หลินหลิงวางแผนทุกอย่างออกมาได้อย่างเหมาะสมมาก ตั้งแต่เรื่องความปลอดภัย พิธีการต้อนรับมาจนถึงการรับประทานอาหารขององค์หญิง เธอเก็บรายละเอียดได้อย่างดีมาก
ส้งหลิงหลิงกับคุณนายส้งอยู่บนห้องของตัวเอง หลินหลิงกำชับพ่อบ้านเป็นพิเศษว่าวันนี้มีแขกคนสำคัญมา พวกเธอสองคนรวมถึงลูกห้ามมาปรากฏตัวที่ห้องโถง
เย่เชินหลินนั่งอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยอยู่ที่ห้องโถง สาวรับใช้ยืนเป็นหนึ่งแถวรอรับใช้
เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมักจะติดตามท่านพ่อไปเยี่ยมเยือนทั่วทุกที่ การต้อนรับที่ยิ่งใหญ่กว่านี้เธอก็ผ่านมาแล้ว ดังนั้นบนใบหน้าของเธอจึงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา แลดูสง่าผ่าเผยมาก
“ขอบคุณนะคะคุณเย่ คฤหาสน์ส่วนตัวของคุณหรูหรากว่าเจ้าชายหลายๆคนซะอีก เยี่ยมจริงๆค่ะ!”เธอกล่าวชม
“องค์หญิงชมเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยกับเจ้าชายหย่าหลุนแล้ว คฤหาสน์ของผมนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน”เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจในการตอบกลับ
การมาครั้งนี้ของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไม่ใช่การมาเที่ยวชมคฤหาสน์ ประโยคสุดท้ายที่ดูเกรงใจนั้นทำเอาประเด็นที่พูดเปลี่ยนไปเลย
“ภรรยาสุดที่รักของคุณเย่อยู่ไหนแล้วล่ะคะ? ใช่สาวสวยในห้องทองคำไหม? สำนวนสาวสวยในห้องทองคำที่เธอใช้ไม่ใช่ภาษาฝานหลาย แต่เป็นภาษาจีน และแฝงความเยาะเย้ยอยู่ในที
“เธอ…”เย่เชินหลินยังไม่ทันได้ตอบคำถาม พ่อบ้านก็เดินเข้ามาข้างหน้าพลางพูดอย่างเคารพว่า
“องค์หญิงครับ เมื่อครู่ที่ป้อมยามรายงานมาว่า คุณนายเย่ของพวกเรามาถึงแล้วครับ”
คุณนายเย่ท่าใหญ่เสียจริง มาช้ากว่าองค์หญิงอีก หมายความว่ายังไงกัน?
เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง สีหน้าไม่ได้แสดงออกอะไร เพียงแค่ยิ้มอย่างไม่แยแสพลางกล่าว
”ดูเหมือนว่าฉันจะได้เจอสาวงามล่มบ้านล้มเมืองแล้วสินะ”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นเข้ามาในคฤหาสน์จึงพบว่าในคฤหาสน์มีบางอย่างแปลกไปจากเดิม ที่หน้าประตูมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มเยอะขึ้น เห็นได้ชัดว่าบางคนก็ไม่ใช่คนจีน
พวกเขาต้องการเข้าประตูมาต้องโดยตรวจสอบก่อนถึงจะเข้ามาได้ หลินหลิงรออยู่ข้างนอก ในเวลานี้ถึงได้บอกให้เซี่ยชีหรั่นกับหลี่เหอไท้รู้ว่าแขกที่อยู่ข้างในคือองค์หญิงแห่งประเทศฝานหลาย
“ต้องขออภัยองค์หญิง ทรงอนุญาตให้ผมไปรับภรรยาสักครู่นะครับ”เย่เชินหลินบอกเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยพยักหน้าให้อย่างสง่างาม
เย่เชินหลินพูดขอบคุณหลี่เหอไท้ก่อน หลังจากที่เชิญเขาให้เข้าไปทานข้าวด้วยกันแล้ว จึงได้โอบเอวของเซี่ยชีหรั่นไว้พลางพูดกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า”ไม่ต้องตื่นเต้น คุณสวยกว่าองค์หญิงอีก”
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้นค่ะ”เซี่ยชีหรั่นตอบกลับเสียงเบา

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset