สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 795 สาวใช้ตัวแสบ 699

ตอนที่ 795 สาวใช้ตัวแสบ 699
ยังไม่ทันรอให้โม่เสี่ยวหนงตอบรับ เซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มอย่างมีมารยาท และพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า:“คุณเลี่ยว คุณก็รีบร้อนเกินไป ความรักและการแต่งงานนั้นไม่ใช้การเล่นขายของ รักแรกพบนั้นเป็นไปได้แต่ก็เชื่อไม่ค่อยได้ ฉันมีน้องสาวแค่คนเดียว ฉันหวังว่าน้องสาวของฉันจะคิดทบทวนเรื่องความรักและการแต่งงานอย่างละเอียดถี่ถ้วน หวังว่าคุณจะเข้าใจหัวอกคนเป็นพี่สาวเช่นฉัน หากคุณมีใจให้กับเสี่ยวหนง ก็ควรที่จะไปมาหาสู่กันมากกว่านี้ อย่ารีบด่วนตัดสินใจเกินไป”
เลี่ยวเหวยตงก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมคนหนึ่ง การที่เซี่ยชีหรั่นพูดเช่นนี้ เขาจะไม่เข้าใจเหรอ?
เขารีบลุกขึ้นและตอบอย่างกล้าหาญว่า :“ขอโทษจริงๆครับ คุณนายเย่ ผมใจร้อนเกินไปจริงๆ หวังว่าท่านจะให้อภัยนะครับ ผมรู้ว่าการที่ผมรีบบอกรักเธอและรู้สึกว่าเธอนั้นเป็นรักแรกพบของผม มันทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคำพูดของผมนั้นไม่น่าเชื่อถือ ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เช่นนั้น ประการแรกคือผมไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ผมนั้นก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แน่นอนว่าเมื่อพบเจอกับสาวงามก็ต้องหวั่นไหว ประการที่สองผมก็อายุไม่น้อยแล้วถูกพ่อกับแม่เร่งให้แต่งงานทุกวัน วันนี้โชคดีได้มีโอกาสพบกับน้องสาวของคุณ แล้วเธอก็ดีเสียขนาดนี้ ผมเกรงว่าหากผมไม่รีบบอกความในใจออกไป พวกคุณก็จะไปแนะนำเธอให้กับคนอื่น ท่านวางใจเถอะ หากเสี่ยวหนงรับปากและคบหากับผม ผมจะรักเธออย่างสุดหัวใจ และในชาตินี้จะดีต่อเธอเพียงคนเดียว แน่นอนว่าท่านไม่วางใจ ผมพอจะเข้าใจได้ พวกคุณสามารถตรวจสอบผมได้ ดูสิว่าผมนั้นเหมาะสมหรือไม่ หากคิดว่าผมนั้นไม่จริงใจ ก็ตัดสิทธิ์ผมได้ตลอดเวลา”
โม่เสี่ยวหนงครุ่นคิดอยู่ในใจว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เธอนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพึงพอใจกับผู้ชายคนนี้ แต่ทำไมยังแกล้งทำเป็นขัดขวางด้วย ไม่ใช่ว่าจะกลัวตนแย่งเย่เชินหลินไปหรอกเหรอ ถึงได้จัดงานดูตัวในวันนี้ขึ้นมา?
หรือว่าอิจฉาที่เธอดีกว่า ก็เลยอยากให้เธอเจอกับผู้ชายที่ไม่เหมาะสมแทบใจจะขาด ก็เลยหาผู้ชายที่ไม่เหมาะสมให้กับเธองั้นเหรอ?
คนเขาตกหลุมรักในครั้งแรกที่เห็นแล้วยังไงเหรอ การตกหลุมรักในครั้งแรกที่เห็นมันก็หมายความว่าเธอนั้นสวยมากและมีเสน่ห์ด้วย
เย่เชินหลินก็ตกหลุมรักเซี่ยชีหรั่นในครั้งแรกที่เห็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?หรือว่าอนุญาตให้ผู้ชายตกหลุมรักเธอในครั้งแรกได้เพียงคนเดียวเท่านั้นงั้นเหรอ แล้วก็ไม่อนุญาตให้ใครตกหลุมรักฉันโม่เสี่ยวหนงในครั้งแรกที่เธองั้นเหรอ?
เธอนั้นคิดว่าตนเองนั้นสวยและน่ารักเช่นนี้ ไม่ว่าชายใดเห็นก็ต้องตกหลุมรักเธอในครั้งแรกที่เจอทั้งนั้น
เย่เชินหลินมองดูด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เลี่ยวเหวยตงเริ่มรู้สึกกังวลใจว่าเขานั้นจะสามารถคบหากับโม่เสี่ยวหนงได้หรือไม่ จะสามารถผูกสัมพันธ์กับเย่เชินหลินได้หรือไม่ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องดูว่าเย่เชินหลินนั้นคิดอย่างไร
เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป ภายในใจนั้นตรวจสอบคำพูดและพฤติกรรมของตนเองที่ได้กระทำลงไป ว่ามีคำพูดใดบ้างที่ตนพูดไปโดยไม่สมควร หรือการกระทำใดบ้างที่ตนทำไม่ถูกต้อง
เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นนั้นคิดเช่นเดียวกัน คนอย่างเลี่ยวเหวยตงนี้ ปกติแล้วก็ดูสุขุม หากเขารู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนที่ไม่สุขุมเช่นนี้ เขาก็คงจะไม่แนะนำโม่เสี่ยวหนงให้เขาได้รู้จัก
คิดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้ในใจของเขาจะยึดถือผลประโยชน์เป็นสำคัญขนาดนี้ นี้เป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้าก็รีบแสดงความคิดที่อยู่ในใจตนออกมา คนเช่นนี้ต่อไปจะหวังพึ่งพาให้ทำเรื่องใหญ่ได้อย่างไรกัน?
โม่เสี่ยวหนงก็ดูออกว่าตอนนี้เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นนั้นไม่ค่อยพอใจในตัวของเลี่ยวเหวยตงนัก หล่อนนั้นคิดว่าเลี่ยวเหวยตงเป็นคนควบคุมง่าย ก็เลยไม่อยากที่จะสูญเสียเขาไป
เธอยิ้ม และพูดกับเลี่ยวเหวยตงที่กำลังรู้สึกทำตัวไม่ถูกว่า:“เหวยตง พี่สาวของฉันทำให้คุณตกใจเช่นนี้เลยเหรอ?หล่อนก็แค่หวังดีกับฉัน กลัวว่าฉันจะถูกหลอก ฉันคิดว่าหล่อนนั้นคงกังวลเกินเหตุ ใครบอกว่ารักแรกพบนั้นหมายความว่าการไม่มีความรับผิดชอบกันหล่ะ คนที่ตกหลุมรักในครั้งแรกที่เจอนั้นมีเยอะแยะไป พี่เขยกับพี่สาวของฉันก็เป็นรักแรกพบ คุณรีบนั่งลงเถอะ ดูสิทำคุณเครียดเลย ”
ประโยคสุดท้ายนั้นน้ำเสียงของโม่เสี่ยวหนงนั้นออดอ้อน ไม่ทันไรก็สามารถดึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเลี่ยวเหวยตงให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นได้ สายตาเช่นนี้ น้ำเสียงเช่นนี้ ไม่ว่าใครได้ฟังก็ดูออกว่าหล่อนนั้นถูกใจเป็นอย่างมาก
ในเมื่อตัวหล่อนนั้นถูกอกถูกใจเช่นนี้ หากเซี่ยชีหรั่นยังห้ามอีก หล่อนจะต้องโกรธเป็นแน่ จุดนี้เซี่ยชีหรั่นรู้เป็นอย่างดี
ในเมื่อทั้งสองคนต่างเต็มใจ เธอก็คงจะไม่สามารถคิดไปในทางที่ไม่ดีได้แล้ว เซี่ยชีหรั่นยิ้มครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า:“คุณนั่งลงเถอะ ไม่ต้องเครียด ฉันก็แค่พูดเฉยๆว่าไม่อยากให้หล่อนนั้นตัดสินใจเรื่องใหญ่ของชีวิตเร็วเกินไป”
“พี่คะ ฉันคิดว่าเหวยตงนั้นไม่เลวเลย จริงๆนะคะ พี่ดูสิเขาเป็นถึงรุ่นที่สองของข้าราชการ แต่กลับไม่ถือตัวเลย ฉันเต็มใจที่จะลองคบหากับเขาดู เชื่อว่าพี่กับพี่เขยคงไม่คัดค้านหรอกนะใช่ไหม?ในเมื่อพี่เขยได้แนะนำให้ฉันรู้จักแล้ว ก็คงจะศึกษานิสัยใจคอของเหวยตงมาแล้ว ถ้าหากว่าเขานั้นนิสัยไม่ดี พี่เขยดีกับฉันขนาดนี้ จะแนะนำให้ฉันได้รู้จักกับเขาทำไม ใช่ไหมคะพี่?”
เมื่อโม่เสี่ยวหนงพูดเช่นนี้ แน่นอนว่าเลี่ยวเหวยตงนั้นดีใจมาก เขามองโม่เสี่ยวหนงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง จากนั้นทั้งสองก็ประสานสายตากันราวกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
เย่เชินหลินมองเซี่ยชีหรั่นอีกครั้ง ใช้สายตาถามเธอ
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจในความรีบเร่งของเลี่ยวเหวยตง แต่ว่าเขากลับไม่พอใจในตัวของโม่เสี่ยวหนงเสียมากกว่า จะว่าไปคนทั้งสองคนนี้ก็เหมาะสมกันดี หากเซี่ยชีหรั่นเห็นด้วย เขาก็คงจะไม่คัดค้าน
“ในเมื่อทั้งสองคนเต็มใจ พวกเราที่เป็นสะพานเชื่อมให้ก็รู้สึกดีใจ ฉันหวังแต่เพียงว่าพวกคุณจะคิดอย่างรอบคอบ อย่าใจร้อนจนเกินไปก็เท่านั้น” เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นเบาๆ
“พี่คะ พี่อนุญาตแล้วใช่ไหมคะ?”โม่เสี่ยวหนงยิ้มอย่างอ่อนหวาน และออดอ้อน
เซี่ยชีหรั่นทำได้เพียงพยักหน้า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หากโม่เสี่ยวหนงนั้นถูกใจแล้ว เธอก็หวังว่าหล่อนนั้นจะมีความสุข
“พี่เขย แล้วพี่หล่ะคะ ?พี่เห็นด้วยไหม?”โม่เสี่ยวหนงถามเย่เชินหลิน
“ก็แล้วแต่พวกคุณเถอะ พี่สาวของคุณก็อนุญาตแล้วไม่ใช่เหรอ?ผมเป็นเพียงคนที่ทำให้พวกคุณได้รู้จักกัน แล้วเรื่องอื่นนั้นก็เป็นเรื่องของพวกคุณแล้วหล่ะ ”เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
เลี่ยวเหวยตงและโม่เสี่ยวหนงมองตากันและยิ้มอย่างมีความสุข อีกทั้งยังรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
วัตถุประสงค์ของพวกเขาทั้งสองต่างบรรลุแล้ว เพียงแต่ว่าต่างฝ่ายต่างเก็บไว้ในใจ ไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามดูออกก็เท่านั้น
“พี่เขย นั้นก็หมายความว่าคุณอนุญาตแล้วนะคะ ขอบคุณพี่เขย ต่อไป เหวยตงก็เป็นคนในครอบครัวของพวกเราแล้ว หากต้องการขอความช่วยเหลือให้พี่เขยช่วย ก็หวังว่าพี่เขยจะสามารถช่วยได้นะคะ ฉันรู้ว่าพี่เขยนั้นมีความสามารถเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถจัดการได้” คำพูดของโม่เสี่ยวหนงทำให้ภายในใจของเลี่ยวเหวยตงรู้สึกพึงพอใจอย่างถึงที่สุด
ความล้มเหลวของคนรุ่นเก่า ย่อมเป็นกระจกเงาของคนรุ่นหลัง เขานั้นไม่อยากที่จะให้เย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นดูออกว่าเขานั้นนั่งดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า:“เสี่ยวหนง อย่าพูดเช่นนี้สิ ชายอกสามศอกจะพึ่งพาคนอื่นได้อย่างไรกัน ผมจะพยายามด้วยตนเอง และก็จะสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของคุณให้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้การที่ผมมาที่นี่ก็เพราะว่าคุณเป็นน้องภรรยาของเย่เชินหลิน แต่ว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้วขอเพียงแค่คุณเต็มใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผม แม้ว่าคุณจะไม่ใช่น้องสาวของภรรยาเย่เชินหลิน ผมก็ยังจะตามจีบคุณอย่างสุดความสามารถ ผมถูกใจในความเป็นคุณ ไม่ใช่สถานะภายนอก”
เลี่ยวเหวยตงนั้นถูกอกถูกใจในหน้าตาและคำพูดของโม่เสี่ยวหนง คำพูดที่เขาพูดออกมานั้นแม้ว่าเหมือนจะสวยดีน่าฟัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกว่าโกหก
โม่เสี่ยวหนงมองเขาอย่างหยาดเยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า:“ยังจริงจังอยู่อีก ”
“พวกเราก็รับประทานอาหารกันมาพอสมควรแล้ว และดูเหมือนว่าพวกคุณน่าจะอยากอยู่กันสองต่อสอง ผมกับเซี่ยชีหรั่นไปเดินเล่นก่อนก็แล้วกัน”เย่เชินหลินลุกขึ้น เซี่ยชีหรั่นก็ให้ความร่วมมือโดยการพยักหน้าให้กับเลี่ยวเหวยตง และเดินตามเย่เชินหลินออกจากห้องอาหาร
เซี่ยชีหรั่นเดินตรงไปทางห้องนอน เย่เชินหลินรู้ว่าเธอนั้นกำลังโกรธอยู่ เขาเดินไปข้างหน้า โน้มตัวลงแล้วอุ้มเธอ
“ไป ไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กับผม”เย่เชินหลินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่ไป ไม่มีอารมณ์ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้!”ใบหน้าจิ้มลิ้มของเซี่ยชีหรั่นนั้นเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
เมื่อคิดถึงเมื่อสักครู่ที่เย่เชินหลินนั้นปกป้องส้งหลิงหลิง ใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ
“คุณบอกไม่ไปก็ไม่ไปงั้นเหรอ?ผู้หญิงต้องฟังผู้ชายสิ!”เย่เชินหลินจงใจแกล้งเธอ อุ้มเธอแล้วเดินไปที่ประตูคฤหาสน์
“คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” เซี่ยชีหรั่นพูดขึ้นด้วยความโกรธ เย่เชินหลินกลับยิ้มแล้วพูดว่า:“เบาๆหน่อย มีแขกอยู่นะ ไม่เขาคนเขาจะนินทาเหรอ”
คำว่าแขก ทำให้เซี่ยชีหรั่นนั้นเงียบลง แต่เธอก็ยังคงขมวดคิ้ว เพียงแต่ไม่มีการถีบการเตะแล้ว
เย่เชินหลินอุ้มเธอออกจากห้อง เมื่อเดินมาถึงศาลาในสวนดอกไม้จึงได้ปล่อยเธอลง
“เย่เชินหลิน ฉันไม่อยากจะพูดอะไรกับคุณแล้ว ฉันรู้ว่าฉันพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณคงไม่ฟังฉันหรอก”หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นนั่งลงก็พูดเช่นนี้ประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา จากนั้นลุกขึ้นแล้วก็เดินจากไป
เย่เชินหลินดึงเธอไว้ จากนั้นขังเธอไว้ในอ้อมกอด พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า:“เป็นอะไรเหรอ โกรธอะไร?คุณไม่พอใจผู้ชายที่ผมแนะนำให้กับน้องสาวคุณเหรอ?”
“เย่เชินหลิน!”เซี่ยชีหรั่นขมวดคิ้ว เพิ่มน้ำหนักเสียงขึ้นและพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:“คุณจงใจ!คุณรู้แล้วยังจะแกล้งถาม!คุณรู้ว่าทำไมฉันถึงโกรธ!”
“เพราะอะไรคุณบอกผมสิ”เย่เชินหลินถามขึ้นอย่างราบเรียบ
“ได้ หากคุณถามเช่นนั้นฉันก็จะบอกคุณ ฉันโกรธเพราะส้งหลิงหลิง ตอนที่ฉันเข้าไปนั้น หล่อนไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย หล่อนอุ้มลูกอยู่ก็จริงแต่ก็ไม่รีบร้อนที่จะป้อนนม ฉันโกรธมาก ก็เลยว่ากล่าวหล่อนไป สุดท้ายหล่อนบอกว่าหล่อนนั้นโกรธ ให้ฉันนั้นขอโทษหล่อน หากฉันไม่ขอโทษหล่อน หล่อนก็จะไม่ยอมให้นมเด็กน้อย นั้นลูกของหล่อนนะ หล่อนใช้ลูกของหล่อนมาข่มขู่ฉัน มันน่าตลกไหม หล่ะ ? หากคุณรักลูกของคุณจริงๆ ทำไมคุณถึงยอมให้ผู้หญิงคนนี้ทำเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้น?ทำไมพอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับส้งหลิงหลิง คุณก็กลับกลายเป็นคนโง่ พ่อบ้านกำลังจะพูดความจริงอยู่แล้ว คุณก็ได้ยิน แต่ทำไมถึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน?จงใจขัดจังหวะการพูดของเขา ตั้งใจปกป้องส้งหลิงหลิง?”
แน่นอนว่าเย่เชินหลินนั้นรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นกำลังโกรธเรื่องอะไรอยู่ การที่เธอมีอารมณ์เช่นนี้นั้น เขาเข้าใจดี จึงตั้งใจพาเธอมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ มายังที่ๆไม่มีคน เธอจะได้ระบายสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจออกมา
เขาฟังอย่างเงียบๆ ไม่แสดงความคิดเห็นใดใดทั้งสิ้น หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นพูดจบ ความโกรธที่อยู่ในใจก็ค่อยๆคลายลง
เมื่อถึงตอนนี้ เธอนั้นถึงได้รู้ว่า เธอเองก็มีช่วงเวลาที่โมโหร้ายเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อก่อนนั้นเธอพยายามอดทนไม่แสดงมันออกมา
“ตอบฉันมา เย่เชินหลิน ตอบฉันสิ!” เขานั้นไม่พูดไม่จา ทำให้ความโกรธของเธอที่เพิ่งจะลดลงไปกลับขึ้นมาใหม่
และนี่ก็ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เธอใช้น้ำเสียงถามด้วยความสงสัยกับเย่เชินหลิน ดูเหมือนว่าเย่เชินหลินนั้นเงียบเฉย
“คุณจะให้ผมตอบอะไรคุณ ที่รัก?ผมเคยบอกแล้วไงว่า ส้งหลิงหลิงนั้นคิดมากเกินไป คุณก็เช่นเดียวกัน หล่อนนั้นเป็นแม่ของเด็ก หล่อนคงไม่กล้าจงใจไม่ป้อนนมเด็กหรอก”
“แต่ว่าเธอนั้นจงใจอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าคุณไม่เชื่อฉัน คุณเชื่อหล่อน?”ภายในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นเย็นยะเยือกและรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset