สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 794 สาวใช้ตัวแสบ 698

ตอนที่ 794 สาวใช้ตัวแสบ 698
“ใครกล้าชง?ถึงจะชงมาแล้วฉันก็จะไม่ยอมให้เด็กดื่ม ฉันจะดูสิว่าจะมีใครหน้าไหนกล้าแย่งลูกไปจากฉันได้?ใครกล้าแย่ง ต่อไปฉันจะไม่ยอมให้เด็กน้อยนี่ดูดนมอีกเลย!” ส้งหลิงหลิงพูดขึ้นเสียงแข็ง แม่นมและสาวใช้ต่างเข้ามายืนรออยู่บริเวณหน้าประตู ต่างคนต่างมองหน้ากัน อยากจะชงนมแต่ก็ไม่กล้า
เซี่ยชีหรั่นนั้นกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรกับส้งหลิงหลิงดี
ด้านล่างของตึกยังมีแขกอยู่ เธอรู้ดีว่าเย่เชินหลินนั้นกลัวเสียหน้า จึงไม่อยากที่จะให้มันกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
แม้ว่าจะโกรธขนาดไหน เธอก็จะต้องคำนึงถึงเด็กน้อยให้มากที่สุด และต้องคำนึงถึงเย่เชินหลินด้วย เธอถอนหายใจลึกอีกครั้งเพื่อกดอารมณ์ความโกรธลง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาว่า:“มีคนมากมายยืนดูอยู่ตรงนี้ ฉันก็ขอโทษคุณไปแล้ว คุณจะเอายังไงกันแน่?”
ส้งหลิงหลิงก็แอบเหลือบดูลูกของเธอ แม้ว่าเธอนั้นจะก่อเรื่อง แต่แน่นอนว่าเธอนั้นก็ไม่กล้าที่จะไม่สนใจสุขภาพของเด็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยนั้น ร้องไห้หนักมาก ก็เกรงว่าหากปล่อยให้ร้องไห้ต่อไปจะเกิดเรื่องขึ้น หล่อนนั้นไม่เย่อหยิ่งอีกต่อไป และพูดขึ้นอย่างเมินเฉยประโยคหนึ่งว่า:“ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่ต่อไปคุณจะพูดอะไรก็ให้ระวังคำพูดหน่อย ครั้งนี้ฉันจะคิดว่าคุณไม่ได้ตั้งใจก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ เธอก็ขยับตัวนิดหน่อย เตรียมที่จะป้อนนมเด็กน้อย
เย่เจิ้งเหิงน้อยร้องไห้นานเกินไป เมื่อได้ดูดนมก็ยังไม่หยุดร้อง แต่ว่าอารมณ์นั้นก็ดีขึ้นไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้น?”เสียงที่เย็นยะเยือกของเย่เชินหลินดังขึ้นบริเวณหน้าประตูห้อง ส้งหลิงหลิงรู้สึกโล่งใจ เพราะขณะที่เย่เชินหลินเดินเข้ามานั้นหล่อนกำลังป้อนนมอยู่
ในที่สุดเขาก็มา!
ภายในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมเป็นอย่างมาก เธอนั้นอยากที่จะระบายความทรมานใจกับเย่เชินหลิน อยากจะบอกเขาว่า ส้งหลิงหลิงนั้นไม่มีคุณสมบัติของความเป็นแม่
เพียงแต่ว่าเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยนั้นดังไม่หยุด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาของการฟ้อง
“คุณเย่!ครับ……”พ่อบ้านยังไม่ทันพูดจบ ส้งหลิงหลิงก็ รีบพูดขึ้นว่า:“เชินหลิน คุณมาแล้วเหรอ?เมื่อสักครู่เด็กร้องจนเอาไม่อยู่ ฉันร้อนใจแทบแย่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าพอเด็กน้อยได้ยินเสียงของคุณเขาก็เงียบลง คุณดูสิ ดังนั้นก็คงจะพูดได้ว่าพ่อนั้นสำคัญมากนะ!”
หล่อนกำลังพูดโกหกหน้าตาเฉยอยู่ไม่ใช่เหรอ?พี่เลี้ยงและพวกสาวใช้ต่างแอบคิดอยู่ในใจ น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า แม้กระทั่งคุณนายเย่ก็มิอาจต่อกรกับผู้หญิงคนนี้ได้ หล่อนคือแม่ของเด็กน้อย ใครจะกล้าพูดว่าร้ายส้งหลิงหลิงในตอนนี้หล่ะ นอกเสียจากว่า ไม่อยากจะทำงานที่นี่แล้ว
เซี่ยชีหรั่นเหลือบมองส้งหลิงหลิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่เย่เชินหลิน เธอนั้นโกรธมาก แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป
เย่เชินหลินไม่ได้มองเซี่ยชีหรั่น สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าของเด็กน้อยตลอดเวลา
เย่เจิ้งเหิงน้อยหิวนี่เอง เวลานี้ดูดนมเยอะขึ้นเรื่อยๆ แผลที่ตอนแรกถูกส้งหลิงหลิงตีก็หายเจ็บแล้ว ดังนั้นอารมณ์ของเขาก็ค่อยๆสงบลง
“ป้อนนมดีๆ อย่าให้เขาร้องอีกหล่ะ!แล้วก็พวกคุณอีก ใช้ใจกันหน่อย ช่วยคุณส้งดูแลเด็ก มิฉะนั้นแล้วผมจะไล่ออกให้หมดเลย!” เมื่อน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของเย่เชินหลินจบลง เขาถึงหันไปหาเซี่ยชีหรั่นและพูดว่า:“ไปกันเถอะ แขกยังนั่งรออยู่ พวกเรากลับไปกินข้าวกันเถอะ”
วุ่นวายขนาดนี้ การดูตัวยังสามารถดำเนินต่อไปได้อีกเหรอ?
ภายในใจของส้งหลิงหลิงนั้นรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะจากไป หล่อนจึงรีบพูดขึ้นว่า:“รอก่อนค่ะ เชินหลิน ฉันมีเรื่องด่วนจะคุยกับคุณ”
เซี่ยชีหรั่นตระหนักได้ว่าคนชั่วนั้นกำลังจะฟ้อง เธอสามารถห้ามหล่อนได้ แต่เธอไม่คิดจะห้าม เพราะเธอนั้นอยากจะรู้เย่เชินหลินจะเชื่อเธอหรือว่าเชื่อส้งหลิงหลิงกันแน่
“มีเรื่องอะไร?” เย่เชินหลินขมวดคิ้ว และถามขึ้นอย่างรำคาญใจ
“เชินหลิน เมื่อสักครู่นี้ที่คุณถามว่าลูกเป็นอะไรนั้น เดิมทีฉันนั้นไม่อยากจะพูด แต่ว่าหากฉันไม่พูด ฉันก็เกรงว่าต่อไปจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ลูกร้องไห้ คุณร้อนใจ ฉันก็ทรมานใจเช่นกัน เฮ้อ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ฉันคิดว่า ฉันควรที่จะบอกเรื่องจริงกับคุณ”
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆเลย ไม่ต้องอ้อมค้อม!”เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างเมินเฉย
“เรื่องเป็นแบบนี้ ตอนที่ลูกเริ่มร้อง ฉันก็ตรวจสอบดูก่อนว่าลูกฉี่หรือป่าว หรือลูกว่าอึ ฉันค่อยๆจัดการทีละเรื่อง ถึงจะสามารถป้อนนมลูกได้ เมื่อตรวจสอบดูแล้วพบว่าทุกอย่างนั้นปกติ ก็เลยคิดว่าลูกคงหิว ในขณะที่ฉันกำลังจะป้อนนมลูก เซี่ยชีหรั่นก็โผล่มา เธอกล่าวโทษฉันต่อหน้าคนจำนวนมาก หาว่าฉันนั้นไม่เป็นห่วงลูก ไม่ให้นมลูก ฉันรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม ฉันยอมรับว่าฉันไม่ดี แต่ฉันยอมไม่ได้ ฉันก็เลยต่อปากต่อคำกับเธอพักหนึ่ง จึงปล่อยให้เด็กน้อยจึงร้องไห้ต่อไม่หยุด เชินหลิน เรื่องเรื่องนี้ฉันอยากให้คุณลองคิดทบทวนดู ลองคิดดูดีๆสิว่าทำไมเซี่ยชีหรั่นถึงได้ทำกับฉัน ฉันก็อยากจะยกลูกให้กับเธอนะ และฉันก็รู้ว่าพวกคุณไม่ต้องการให้ฉันอยู่ที่นี่ แต่ว่าการที่เขาทำเช่นนี้ ฉันจะกล้ามอบลูกของฉันให้กับเธอได้อย่างไรกัน?”
เซี่ยชีหรั่นมองส้งหลิงหลิงด้วยสายตาที่เย็นชา เป็นเหมือนที่เธอคาดคิดไว้จริงๆ เจ้าคนเลวนี้ฟ้องก่อนจริงๆ
เป็นไปไม่ได้ที่ส้งหลิงหลิงจะเชื่อเย่เชินหลิน เขานั้นเป็นคนเฉลียวฉลาด เขาจะต้องรู้เป็นแน่ว่าส้งหลิงหลิงนั้นจงใจพูดโกหก แม้ว่าเซี่ยชีหรั่นจะโกรธมาก แต่เธอก็เชื่อมั่นในตัวของเย่เชินหลิน รู้ว่าเขานั้นจะไม่มีทางว่าร้ายเธอ เธอจึงรอให้ส้งหลิงหลิงนั้นยกก้อนหินมาทับเท้าของเธอ
หล่อนนั้นทำเกินไป หากทำเกินขอบเขตของเย่เชินหลิน เขาจะต้องให้หล่อนจากไปเป็นแน่ เขาจะต้องคิดหาวิธีให้เด็กน้อยนั้นเลิกดูดนมแม่ เธอเชื่อว่าเย่เชินหลินจะต้องจัดการเช่นนี้อย่างแน่นอน
เธอไม่รีบที่จะเผชิญหน้ากับส้งหลิงหลิง แต่กลับนั่งนิ่งๆดูปฏิกิริยาของเย่เชินหลิน
เย่เชินหลินขมวดคิ้วแน่น สายตาอันแหลมคมนั้นมองไปที่ส้งหลิงหลิง ส้งหลิงหลิงกลับทำเหมือนว่าตนนั้นไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด และมองไปที่เขาอย่างมั่นใจ
“คุณเย่ จริงๆแล้วเรื่องมันเป็นเช่นนี้ ……”พ่อบ้านอดทนดูต่อไม่ไหว เขาต้องการที่จะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เย่เชินหลินทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด พูดกับส้งหลิงหลิงอย่างเรียบเฉยว่า:“คุณคิดมากเกินไปแล้ว ชีหรั่นเห็นเด็กน้อยร้องไห้ก็เลยร้อนใจเป็นแน่ อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ผมยังมีแขกรออยู่ด้านล่าง เรื่องไร้สาระเช่นนี้คงไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้ว ชีหรั่นพวกเราไปกันเถอะ”เย่เชินหลินยื่นมือออกไป และรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นจะหลบหลีก จึงออกแรงมากกว่าเดิม โอบไปที่เอวของเธอ ไม่ยอมให้เธอหลบหลีกไปไหนได้
หากดูภายนอกนั้นเหมือนว่าเขาจะตำหนิส้งหลิงหลิง แต่เขาก็ไม่ได้ถามรายละเอียดเลยแม้แต่น้อย แม้แต่พ่อบ้านต้องการที่จะอธิบายแทนเธอ ซึ่งเขาก็รู้ แต่กลับไม่ยอมให้พ่อบ้านพูด
เย่เชินหลินเลอะเลือนไปแล้ว!เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจราวกับจะหมดแรง ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหน้าเย่เชินหลิน
สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนกับว่าเขานั้นจะดูไม่ออกว่าส้งหลิงหลิงกำลังยุแยงเขาทั้งสองคนอยู่ เย่เชินหลินเขาเป็นคนเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?
ความผิดหวังภายในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นไม่บอกก็รู้ หากไม่ได้เป็นเพราะชั้นล่างมีแขกรออยู่ซึ่งเป็นการพบหน้าครั้งแรกของโม่เสี่ยวหนงกับเลี่ยวเหวยตงแล้วหล่ะก็ เธอก็คงจะขอปรึกษาเรื่องนี้กับเย่เชินหลินสักตั้ง
เธอไม่ได้พูดอะไรออกไป และเดินออกไปจากห้องของส้งหลิงหลิงพร้อมกับจิตใจที่โศกเศร้าอย่างถึงที่สุด
เธอไม่รู้เลยว่านับแต่นี้ต่อไปเธอจะสามารถมาที่นี่อีกได้ไหม และยังสามารถเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของเย่เจิ้งเหิงได้อีกหรือไม่ เธอนั้นสงสัยว่าต่อไปที่นี่จะมีพื้นที่ให้เธอได้ออกความคิดเห็นอีกหรือไม่?
เย่เชินหลินก็แอบมองเซี่ยชีหรั่นครู่หนึ่ง เขารู้ว่าเธอนั้นรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรมเสียแล้ว
ชีหรั่นสุดที่รัก ขอโทษที่ต้องทำให้เธอรู้สึกน้อยใจอีกครั้งหนึ่ง เธอวางใจเถอะ สักวันหนึ่งส้งหลิงหลิงจะต้องได้รับกรรมในสิ่งที่เธอก่อ เมื่อถึงเวลานั้นความโกรธของเธอก็คงจะคลายลง
เซี่ยชีหรั่นเดินกลับมายังห้องอาหารด้วยใบหน้าที่เย็นชาและไม่พูดไม่จา เย่เชินหลินก็เช่นเดียวกัน
หลังจากที่มาถึงห้องอาหาร สีหน้าของทั้งสองคนก็กลับมาสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าแขก ใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เลี่ยวเหวยตงกับโม่เสี่ยวหนงนั้นคุยกันอย่างถูกคอ กระทั่งดูเหมือนว่ารู้สึกเกลียดที่พบกันช้าไป
“พี่คะ ในครัวยังมีอาหารที่ยังไม่ได้ยกมาเสิร์ฟไหมคะ?ดูเหมือนว่าคุณเลี่ยวเหวยตงนั้นจะชอบทานปลามากๆ ไม่รู้ว่าจะให้ห้องครัวเพิ่มอาหารที่ทำจากปลาอีกสองอย่างได้ไหม”โม่เสี่ยวหนงพูดขึ้นอย่างดีใจ
“ได้ เดี๋ยวอีกสักพักพ่อบ้านก็ลงมา ฉันจะให้พ่อบ้านช่วยไปบอกในครัวให้นะ”เซี่ยชีหรั่นตอบกลับ
โม่เสี่ยวหนงสีหน้าเบิกบาน ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะมีความสุข และสิ่งนี้เองที่สามารถทำให้ความโกรธในใจของเซี่ยชีหรั่นนั้นคลายลง
“ไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ก็ได้ ผมได้พบกับคุณ ทานอาหารอะไรก็ถูกปากไปหมด ไม่จำเป็นว่าจะต้องทานปลาเท่านั้น” เลี่ยวเหวยตงพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
ภายในใจของโม่เสี่ยวหนงนั้นรู้สึกอยากจะอาเจียน แต่ว่าเพื่อที่จะแสดงละครให้สมจริง เพื่อที่จะหาข้ออ้าง หล่อนจึงยิ้มและพูดว่า:“พี่สาว พี่เขย พวกคุณดูสิคุณเลี่ยวเหวยตงช่างรู้จักพูดเสียจริง”
“ทำไมยังเรียกคุณเลี่ยวอยู่หล่ะ เรียกผมว่าเหวยตงเถอะ”เลี่ยวเหวยตงพูด
“ถ้าเช่นนั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้วนะคะเหวยตง”ขณะที่โม่เสี่ยวหนงเรียกเขาว่าเหวยตง นั้น คำสองคำนี้มันชั่งหวานเหลือเกิน หล่อนนั้นเกิดมาเพื่อเรียนการแสดง ขณะที่เรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่หวานหยาดเยิ้มนั้น สายตาของหล่อนนั้นเหลือบมองเลี่ยวเหวยตงด้วยแววตาที่ขวยเขิน มองตรงไปที่ก้นบึ้งหัวใจของเขา เขาอดใจไม่ได้จนแทบอยากจะคบกับเธออีกขั้นหนึ่งแล้ว
เย่เชินหลินมองไปที่เซี่ยชีหรั่น ความหมายก็คือต้องการที่ถามว่าเธอนั้นพึงพอใจในตัวของเลี่ยวเหวยตงไหม?เซี่ยชีหรั่นไม่มีปฏิกริยาตอบกลับสายตาคู่นั้น เธอมองเพียง เลี่ยวเหวยตงกับ โม่เสี่ยวหนงเท่านั้น
“ไม่รู้ว่าผมจะได้รับเกียรติ ให้จีบคุณได้หรือไม่คุณคุณโม่” เลี่ยวเหวยตงจงใจเน้นเสียงพูดให้ขรึมขึ้น
“ดูคุณสิ ไม่ยอมให้ฉันเรียกว่าคุณเลี่ยว แต่คุณกลับเรียกฉันว่าคุณโม่ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวหนงเหมือนพี่เขยฉันก็แล้วกัน”
“ได้สิ การเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง!ผมจะเรียกคุณว่าเสี่ยวหนงก็แล้วกัน เสี่ยวหนงคุณคือรักแรกพบของผม คุณเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด น้ำเสียงอ่อนหวานที่สุด มีราศีที่สุด น่ารักที่สุด ตั้งแต่ที่ผมได้เคยพบเจอมา หากคุณนั้นเต็มใจ ผมอยากที่จะดูแลคุณตลอดชีวิต”เลี่ยวเหวยตงพูดขึ้นด้วยความรัก คำพูดของเขาพูดได้อย่างไม่สะดุด โม่เสี่ยวหนงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกรักผู้หญิง
แน่นอนว่าหล่อนนั้นไม่ได้แยแส หากเขาเคยคบหากับผู้หญิงมาเป็นจำนวนมากแล้วจริงๆ เรื่องบนเตียงของเขาก็คงไม่ได้ด้อยนัก หล่อนนั้นไม่ชอบ ผู้ชายที่เรียบร้อยและไม่ค่อยพูดค่อยจาเสียเท่าไหร่
เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกก็อยากที่จะดูแลกันตลอดชีวิตแล้ว ไม่รู้ว่าใจร้อนไปหน่อยหรือเปล่า?แม้ว่าโม่เสี่ยวหนงจะหน้าตาน่ารักในสายตาของหลายๆคน แต่เซี่ยชีหรั่นกลับรู้สึกว่าแม้ว่าโม่เสี่ยวหนงจะดีแค่ไหน แต่เลี่ยวเหวยตงก็ไม่ควรที่จะใจร้อนเช่นนี้ ?
ดูเหมือนว่าเขานั้นไม่เพียงต้องคำนึงถึงโม่เสี่ยวหนงเพียงคนเดียว เพราะโม่เสี่ยวหนงนั้นเป็นน้องสาวภรรยาของเย่เชินหลิน ซึ่งเกรงว่าสถานะนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เขาควรคำนึงถึงมากที่สุด
ไม่ได้ เธอไม่สามารถที่จะยอมให้โม่เสี่ยวหนงคบหากับคนที่มีเจตนาร้ายแฝงอยู่
หากว่าเธอนั้นสามารถครองคู่กับเย่เชินหลินตลอดไปได้ก็คงจะดี แต่โลกใบนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน หากวันหนึ่งพวกเขาต้องแยกทางกัน ก็เกรงว่าเขานั้นจะแยกตัวออกห่างจากโม่เสี่ยวหนงเช่นกันเนื่องจากสถานภาพของเธอนั้นเปลี่ยนไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset