สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 806 สาวใช้ตัวแสบ 710

ตอนที่ 806 สาวใช้ตัวแสบ 710
เขาต้องการให้พ่อบ้านเก็บเป็นความลับ แม้พ่อบ้านอยากถามเขาว่าเกิดปัญหากับคุณชายน้อยใช่ไหม แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเย่เชินหลินเขาก็ได้แต่เงียบไป
เด็กตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากหลับไปนานพอสมควร โชคดีที่เขารู้สึกหิวมาก เมื่อทันทีที่ส้งหลิงหลิงป้อนนมให้ลูก เด็กจึงรีบกินและไม่ได้งอแงอีก
ช่วงพักเที่ยงของเซี่ยชีหรั่นมีเพียงเซี่ยอี้ชิงที่เข้ามาหาเธอ เมื่อไม่เห็นเย่เชินหลินเธอก็รู้สึกน้อยใจเล็กน้อย แต่เธอรู้ว่าเด็กคงต้องงอแงมาก เขาคงอาจจะยุ่งอยู่ ซึ่งเธอเข้าใจดี
เซี่ยอี้ชิงพาเธอไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารตงเจียง หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จเธอก็กลับไปพักที่ออฟฟิศ
จนถึงช่วงเวลาเลิกงาน เซี่ยชีหรั่นก็เห็นเย่เชินหลินยืนรออยู่หน้าประตูบริษัทแล้ว เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์และดีใจมาก
เธอเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเย่เชินหลิน เขายิ้มตอบเธออย่างอ่อนโยนแล้วกอดเธอไว้เหมือนไม่มีใครคนอื่นเห็น
“ได้ข่าวว่าไปทานอาหารเที่ยงที่ตงเจียงเหรอ? เป็นไงบ้างอร่อยไหม?” เย่เชินหลินถาม
แม้เขาจะยุ่งอยู่แต่ก็ไม่เคยลืมใส่ใจเธอ เซี่ยชีหรั่นพยักหน้าแล้วยิ้มตอบอย่างมีความสุข “ก็โอเค อร่อยดี”
“จริงเหรอ? อร่อยกว่าตอนที่เราไปด้วยกันไหม?” เย่เชินหลินแกล้งถามอย่างขมขื่น
“ไม่หรอก ก็พอ ๆ กัน” เซี่ยชีหรั่นยิ้ม
“เด็กน้อย!” เย่เชินหลินลูบผมเธอเบา ๆ
“หิวแล้วยัง? ถ้ายังไม่หิวไปเดินเล่นกับผมหน่อย” เย่เชินหลินพูด เซี่ยชีหรั่นจับมือเขาแล้วพูดตอบ “ยังไม่หิวหรอก เราไปเดินเล่นกันก่อนก็ได้”
ทั้งสองเดินจุงมือกันไปเรื่อย ๆ รถของเขาก็ค่อย ๆ ขับตามจากที่ไม่ไกลมากนัก
“หลิน คุณมีเรื่องจะบอกฉันใช่ไหม?” เซี่ยชีหรั่นถามเบา ๆ
แม้เขาจะดูมีความสุขเมื่อได้เห็นเธอ แต่เธอก็มองเห็นความรู้สึกบางอย่างจากนัยน์ตาของเขา
เด็กน้อยของเขาฉลาดขึ้นทุกวัน เย่เชินหลินได้แต่พยักหน้ายอมรับ
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ผมให้ส้งหลิงหลิงกลับมาให้นมลูกอีกครั้งแล้วนะ” เย่เชินหลินหยุดก้าวเดินแล้วมองหน้าเซี่ยชีหรั่นไว้ คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่คาดคิด
เมื่อคืนตอนที่เด็กร้องไห้งอแง เธอพยายามบอกเขาหลายครั้งว่าให้ส้งหลิงหลิงกลับมา แต่เขาไม่ยอมสักที เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นเขาใจแข็งมาก
“ลูกร้องไห้ไม่หยุดแล้วทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้ใช่ไหม? ฉันบอกแล้ว ถ้าลูกหย่านมไม่ได้จริง ๆ ก็อย่าทรมานเขาเลย พวกเราไม่มีอะไรอยู่แล้ว สุขภาพของลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะ”
“ขอบคุณที่เข้าใจกันนะ” เย่เชินหลินพูดกับเซี่ยชีหรั่นด้วยท่าทีที่จริงใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาพูดกับเธออย่างระมัดระวังแบบนี้ก็เพราะกลัวเธอจะไม่สบายใจ เขาใส่ใจความรู้สึกของเธอมาก
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกทราบซึ้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “คนบ้า ฉันเองแหละที่เป็นคนผิด ฉันไม่ควรคิดให้ส้งหลิงหลิงออกไปเลย ดูสิ ฉันทำให้ลูกต้องทรมานทั้งคืนแบบนี้”
“โทษคุณไม่ได้หรอก ผมเองก็ตั้งใจจะให้ลูกหย่านมแม่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าร่างกายของเย่เจิ้งเหิงไม่ค่อยแข็งแรง เช้านี้เขาเป็นลมแล้วต้องส่งโรงพยาบาล คุณหมอแนะนำว่าอย่าเพิ่งให้เด็กหย่านมแม่ แล้วต้องให้แม่ของเด็กคอยดูแลลูกด้วย”
“ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมคุณไม่บอกฉันสักคำเลยอ่ะ?” เซี่ยชีหรั่นถามอย่างเคร่งเครียด
“มันเกิดขึ้นกะทันหันไปหน่อย เลยไม่ได้ติดต่อคุณ”
“แล้วเป็นปัญหาอะไรเหรอ? อาการร้ายแรงไหม?” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าตัวเองนั้นซื่อจริง ๆ เธอควรรู้แต่แรกว่าเด็กต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างสิ ไม่งั้นทำไมเย่เชินหลินถึงไม่ยอมปล่อยส้งหลิงหลิงไปสักที?
เขารู้ว่าเซี่ยชีหรั่นต้องเป็นห่วงเด็กมากขึ้น เพราะฉะนั้นทำได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ แล้วปฏิเสธเธอ “ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก ลูกแค่ร้องไห้นานไปหน่อย อารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน หมอบอกว่าลูกมีนิสัยค่อนข้างใจร้อนรุนแรงกว่าเด็กทั่วไป แต่เรื่องนี้ค่อย ๆ ปรับปรุงได้”
“เฮ่อ! ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ไม่งั้นฉันคงต้องโทษตัวเองตายแน่ ต่อไปไม่ต้องให้ลูกหย่านมแล้วนะ เราทั้งสองไม่ควรทำแบบนั้นเลยจริง ๆ” เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิดและตกใจมากเมื่อนึกถึงเด็กถึงขั้นต้องสลบไป
“คุณคงตกใจแย่เลยสิ?” เธอพูดกับเย่เชินหลินด้วยความใส่ใจ
“คุณคิดว่าผู้ชายของคุณจะมีสภาพจิตใจที่แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมไม่ได้ตกใจอะไรขนาดนั้นหรอก”
“โกหก! มันไม่เกี่ยวอะไรกับสภาพจิตใจเลย มันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่างหาก ฉันเข้าใจการตัดสินใจของคุณนะ ฉันก็เห็นด้วยเหมือนกันว่าให้ส้งหลิงหลิงกลับมาให้นมลูก คุณอย่ากังวลว่าฉันจะคิดมากนะ ฉันไม่ได้คิดมากจริง ๆ วันหลังต่อให้ส้งหลิงหลิงจะสร้างปัญหาหรือจะหาเรื่องอีก ขอแค่คุณรักฉัน ฉันก็จะยอมทุกอย่างนะ”
ผมทำให้คุณต้องลำบากใจแล้วจริง ๆ เย่เชินหลินจับแก้มของเธอเบา ๆ แล้วมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกผิดอย่างเงียบ ๆ
เธอเข้าใจความรู้สึกของเขา น้ำตาของเธอก็ค่อย ๆ ไหลรินออกมาอีกครั้ง แล้วพูดต่อว่า “คนซื่อ คุณทำเพื่อฉันมามากมายขนาดนี้แล้ว แต่ฉันกลับไม่เคยทำอะไรเพื่อคุณเลย ฉันไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้หรอกนะ จริง ๆ”
“คงหิวแล้วสินะ เรากลับบ้านกันเถอะ” เย่เชินหลินจุงมือเธอแล้วค่อย ๆ เดินกลับไปที่รถ เขาเปิดประตูให้เธอแล้วให้เธอขึ้นไปบนรถ
หลังจากกลับไปถึงวิลล่า อาหารเย็นก็ได้เตรียมเสร็จเรียบร้อย เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินเข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วเตรียมทานอาหารเย็นด้วยกัน
แม่บ้านก็ไปเรียกโม่เสี่ยวหนงแล้วเหมือนกัน เมื่อโม่เสี่ยวหนงมาถึงโต๊ะอาหารก็รีบพูดขึ้นมาทันที “พี่สาว หนูได้ยินว่าตัวเล็กเหิงเหิงร้องไห้จนสลบไปเลย แล้วต้องส่งโรงพยาบาลด้วยนะ เฮ่อ! หนูใจหายใจคว่ำไปหมด พี่เขยตัดสินใจให้ส้งหลิงหลิงกลับมาให้นมลูกตามปกติแล้ว พี่ก็อย่าไปขัดขวางเธอเลยนะ พี่ หนูก็เกลียดส้งหลิงหลิงเหมือนกัน แต่หนูคิดว่าเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ควรกระทบต่อเด็กนะ พี่เห็นด้วยใช่ไหม?”
เย่เชินหลินขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งขรึม เขาอยากบอกให้โม่เสี่ยวหนงได้รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นนั้นคิดถึงลูกของเขาอยู่เสมอ
เขายังไม่ทันพูดเซี่ยชีหรั่นก็สะกิดขาเขาเบาๆ แล้วยิ้มพูดกับโม่เสี่ยวหนง “ใช่ พี่ก็คิดว่าสมควรให้ส้งหลิงหลิงกลับมาให้นมลูกเหมือนกัน เสี่ยวหนง เธอโตขึ้นเยอะเลยนะ ยังเป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นด้วย เยี่ยมมาก”
“แน่นอนสิ หนูอยู่กับพี่ทุกวันแบบนี้ก็ต้องเรียนรู้อะไรบ้างสิ ก็มีพี่คนเดียวที่หาว่าหนูไม่ยอมโตสักที ที่จริงหนูเปลี่ยนไปนานแล้วแต่พี่ไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง”
“พี่เชื่อว่าเธอเปลี่ยนได้ ตอนนี้เห็นเธอเป็นแบบนี้พี่ก็ไว้ใจแล้วล่ะ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างจริงจัง
สายตาของเย่เชินหลินกวาดมองไปที่โม่เสี่ยวหนงอย่างเฉยเมย ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเลย
หรือว่าเขารู้ทันความคิดเธอ?
ในใจลึก ๆ โม่เสี่ยวหนงรู้สึกกลัวเย่เชินหลิน แต่ก็ชื่นชมในตัวเขาเหมือนกัน เธอแกล้งมองกลับไปที่เขาอย่างสัตย์ซื่อแล้วพูดว่า “พี่เขยคะ คนที่พี่แนะนำให้หนูรู้จักนิสัยดีมากเลยนะ สองวันนี้เราออกไปด้วยกันมีคนชมเขาตั้งหลายคนเลย บอกว่าเขานิสัยดีและมีความรับผิดชอบสูงมาก ขอบคุณพี่เขยนะคะ”
“พวกเธอชอบกันก็ดีแล้ว ถ้าถูกใจจริง ๆ ก็รีบหาเวลาหมั้นกันนะ พี่สาวเธอจะได้วางใจเธอได้” เย่เชินหลินพูด
“หนูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พี่สาวหนูสิ หัวโบราณมาก เธอไม่ยอมให้หนูแต่งเร็วขนาดนี้หรอก พี่ หรือว่าให้หนูหมั้นกับเหวยตงเลย ถือโอกาสจดทะเบียนสมรสไว้ก่อนตอนคบกันใหม่ ๆ ไฟแรงแบบนี้ หนูกลัวคบกันไปนาน ๆ แล้วจะรู้สึกไม่ตื่นเต้นกับการแต่งงานแล้ว” โม่เสี่ยวหนงพูดขำ ๆ แต่สีหน้าเซี่ยชีหรั่นเคร่งเครียดมาก
“เป็นไปได้ไง นี่เพิ่งคบกันแค่ไม่กี่วันนะ เธอต้องทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้สิ ถ้าเขามีใจจริง ๆ เขาก็จะพาเธอไปที่บ้านเขา การแต่งงานเป็นเรื่องของครอบครัวทั้งสองฝ่ายนะ เธอต้องดูก่อนว่าครอบครัวเขาเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือเขาจะชอบเธอหรือไม่ และเธอเองก็ต้องดูด้วยเหมือนกันว่าเธอจะเข้ากับครอบครัวเขาได้ไหม การแต่งงานมันเป็นเรื่องของทั้งชีวิตเลยนะ ดังนั้นเธอต้องตัดสินใจให้รอบคอบที่สุด”
ท่าทีของเซี่ยชีหรั่นจริงจังมาก โม่เสี่ยวหนงจึงมองไปที่เย่เชินหลินแล้วกระพริบตา “เห็นมั้ย ถึงหนูจะกระตือรือร้นแค่ไหนแต่พี่สาวหนูก็ไม่ยอมหรอก พี่สาวหนูก็แบบนี้แหละ มักจะคิดเป็นห่วงหนูเสมอ ยังไงหนูก็ต้องเคารพความคิดเห็นของพี่สาวอยู่แล้วล่ะ”
พูดมีเหตุผลเหมือนกันนะ เย่เชินหลินคิดในใจแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขายื่นมือไปลูบผมเซี่ยชีหรั่นเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณน่ะ ควรเชื่อใจเสี่ยวหนงได้แล้ว เธอโตกว่าที่คุณคิดนะ เธอมีความสามารถและรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เอางี้นะ พวกเรามาช่วยเธอสังเกตเลี่ยวเหวยตง ถ้าทุกคนคิดว่าเขาไม่เลวจริง ๆ เราก็ควรน้ำขึ้นให้รีบตักนะ”
“อื้ม หลิน ฉันเชื่อใจคนที่คุณแนะนำให้เธอ”
โม่เสี่ยวหนงไม่อยากเห็นสายตาอันใกล้ชิดที่เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลิน เพราะเธอรู้สึกอิจฉามาก
เธอถอนหายใจแล้วพูดกับเซี่ยชีหรั่นด้วยความเศร้าเล็กน้อย “พี่ ถ้าหนูแต่งงานไปแล้ววันหลังก็คงไม่ค่อยได้อยู่กับพี่บ่อย ๆ แบบนี้ พี่จะคิดถึงหนูมั้ย?”
“ยัยบื้อเอ๋ย ยังไม่ทันแต่งเลยจะพูดให้ไม่สบายใจทำไม ต่อให้เธอแต่งงานไปแล้ว พี่ยังไงก็เป็นพี่ของเธอ บ้านของพี่ยังไงก็คือบ้านของเธอ แน่นอนว่าเธอจะกลับมาหาพี่ได้ทุกเมื่อสิ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างใส่ใจ
โม่เสี่ยวหนงต้องการคำนี้ของเธอมาก ถ้าพี่สาวพูดแบบนี้แล้วเธอก็ไม่ต้องกลัวการแต่งงานอีก
ถ้ามีสามีเป็นทางการเอาไว้บังหน้า เธอก็จะทำอะไรได้ง่ายกว่านี้ เย่เชินหลินก็จะไม่อะไรกับเธออีก ดังนั้นเธอจึงคิดว่าต้องแต่งงานให้เร็วที่สุด
“แน่นอนอยู่แล้วว่าพี่จะต้อนรับหนูกลับบ้านเสมอ หนูก็แค่กลัวว่าพี่เขยจะไม่ต้อนรับหนูเหมือนพี่ล่ะสิ น้ำที่เทออกไปแล้วจะไหลกลับมาได้ไงล่ะ” โม่เสี่ยวหนงแกล้งพูดแทงใจแล้วมองหน้าเย่เชินหลินไว้
“เธออย่าพูดไปเรื่อยสิ เธออยู่ที่นี่นานขนาดนี้แล้วพี่เขยเธอเคยว่าอะไรเธอสักคำไหม? อีกอย่างพี่ไม่เห็นด้วยกับการที่พี่เขยเธอซื้อรถหรูให้เธอ แต่เขาก็ยืนยันจะซื้อให้ เขาโปรดปรานเธอมากกว่าพี่ด้วยซ้ำ เธอพูดแบบนี้ไม่กลัวเขาจะโกรธเหรอ?” เซี่ยชีหรั่นตำหนิเธอเล็กน้อย
โม่เสี่ยวหนงแลบลิ้นแล้วพูดอย่างซุกซน “แหม หนูก็แค่ล้อเล่นเอง หนูรู้ว่าพี่สาวพี่เขยรักหนูและดีต่อหนูแค่ไหน ไม่สนหรอก ถ้าหนูถูกเลี่ยวเหวยตงรังแกเมื่อไหร่ล่ะก็ หนูจะกลับมาที่นี่เหมือนเป็นบ้านแม่หนูเลยล่ะ”
“ก็มาสิ ขอเพียงพี่อยู่ที่นี่ เธอก็กลับมาได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”
เย่เชินหลินขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างไม่พอใจ เธอจึงยิ้มตอบอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดต่อ “ก็จริงนี่ เรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ตอนนี้ก็แค่คู่หมั้นกัน ถ้าวันไหนฉันอยู่แล้วไม่สบายตาก็ควรต้องเก็บกระเป๋าออกจากที่นี่ไม่ใช่รึ”
“คุณคิดว่าจะมีวันนั้นเหรอ?” จู่ ๆ สีหน้าของเย่เชินหลินก็เริ่มแย่ ดูเหมือนว่าเขาเริ่มไม่สบายใจแล้วสินะ
“อะไรเนี่ย ฉันก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย” เซี่ยชีหรั่นรีบยิ้มและพยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าชายเย่คนนี้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ช่วงนี้หลินหลิงก็ซ่อนตัวจากไห่ลี่หมิน รวมถึงเรื่องของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยด้วย ดังนั้นการเตรียมการสำหรับการแต่งงานของเขาก็ต้องหยุดลงอย่างชั่วคราว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset