สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 821 สาวใช้ตัวแสบ 725

ตอนที่ 821 สาวใช้ตัวแสบ 725
สายตาที่โม่เสี่ยวหนงมองนั้น เซี่ยชีหรั่นเองก็สังเกตเห็น
คำพูดของโม่เสี่ยวจุนทำให้เธอตกตะลึงเล็กน้อยในตอนแรก จากนั้นเธอจึงหัวเราะและพูดออกมาเบาๆ ว่า “เสี่ยวจุนคิดมากไปแล้ว ดูสิเสี่ยวหนงกับเลี่ยวเหวยตงพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก หวานมาก”
“คุณดูไม่ออกรึไงว่าเขากำลังแสดงละครอยู่? ผู้ดื่มสุราที่เสพความสวยงามไม่ใช่ความมึนเมา เกี่ยวกับตัวเย่เชินหลินทั้งหมด” โม่เสี่ยวจุนเสียงดังขึ้นอีกหน่อย เซี่ยชีหรั่นรีบทำท่าทางเตือนเขาไม่ให้ส่งเสียงดัง
“คุณกลัวเธอได้ยิน ฉันไม่กลัว ฉันอยากจะถามเธอตรงๆ มองเย่เชินหลินแบบนี้หมายความว่าอะไร” โม่เสี่ยวจุนขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
“อย่าถาม เสี่ยวจุน อย่าถามน่ะ พวกเราเชื่อเสี่ยวหนงดีไหม เธอกำลังจะแต่งงานแล้ว พวกเราอวยพรให้เธอ เชื่อเธอเถอะ”
“เชื่อ…” เสี่ยวจุนน้ำเสียงเยือกเย็น
“คุณเชื่อเธอก็ดี เธอก็เชื่อว่าคุณหลอกง่าย แต่เล็กจนโต ของที่เธอแย่งคุณไปยังน้อยไปใช่ไหม? ถ้าคุณไม่สนใจคุณเย่ฉันก็ไม่สนใจ ชอบจะแย่งก็แย่งไป แต่คุณสนใจไม่ใช่รึไง? ไม่เขาจะเป็นยังไงคุณก็เชื่อ ลูกยังเอากลับมาเลี้ยงที่บ้าน ช่วยเขาเลี้ยง เขาขึ้นเตียงกับผู้หญิงคนอื่น คุณยังเชื่อว่าเขากำลังลำบาก”
ยิ่งพูดโม่เสี่ยวจุนยิ่งโกรธ เซี่ยชีหรั่นเงียบลง เธอรู้ว่าในใจโม่เสี่ยวจุนกำลังโกรธเธออยู่ ที่เป็นแบบนี้เพราะเขามีความรักให้เธอ
รักที่เขามีให้เธอตลอดไปมีความลึกซึ้ง ไม่เห็นแก่ตัว เขายอมทำทุกอย่างให้เธอ น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาทำได้แค่มองเธอ เข้าใจว่าที่เธอเข้าใกล้เย่เชินหลินสาเหตุเป็นเพราะเขา จึงถูกเย่เชินหลินรังแก
ความรู้สึกใจในของโม่เสี่ยวจุน ทำไมเซี่ยชีหรั่นถึงจะไม่เข้าใจล่ะ
“ก็ได้  เรื่องอื่นของเขาฉันไม่พูด แต่อยากจะป้องกันโม่เสี่ยวหนง อย่ารอให้เธอลงมือทำอะไร ถึงตอนนั้นมาเสียใจทีหลังคงไม่ทันแล้ว พี่เหอไท้ไปฝานหลายแล้ว”
พูดจบ โม่เสี่ยวจุนเดินไปข้างหน้าอย่างเร็ว เซี่ยชีหรั่นรีบวิ่งตามไปขวางหน้าเขาไว้ และพูดอย่างเบาว่า :“ เสี่ยวจุน มีบางเรื่องที่คุณไม่อยากรู้ แต่ฉันกลับต้องบอกให้รู้ รายงานการใกล้ชิดกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย คิดว่าคุณเองก็คงพอจะรู้อยู่แล้ว เขาบอกว่า ระหว่างเย่เชินหลินและเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งที่เย่เชินหลินค้างคืนกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยที่นั่นเพราะเธอเอาความปลอดภัยของฉันมาบังคับเย่เชินหลิน เขารักฉัน ฉันก็รักเขา ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะเลิกเข้าใจผิดเขาสักที”
“เด็กที่อยู่ด้านบนนั้นฉันเข้าใจผิดรึไง? เขาเคยมีประวัติ ฉันไม่เห็นความตั้งใจจริงจังของเขาที่จะอยู่กับเธอจนแก่ ฉันไม่เชื่อเขา”
เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ลักษณะนิสัยของโม่เสี่ยวจุนก็ดื้อแบบนี้ เธอหวังว่าวันหนึ่งไห่ฉิงฉิงจะช่วยเปลี่ยนเขาได้เล็กน้อย อย่าให้เขาดื้อมาก
“คุณชอบโจมตีคนอื่นลับหลังแบบนี้รึไง?” เสียงเย็นยะเยือกของเย่เชินหลินดังอยู่ไม่ไกลด้านหน้าพวกเขา เซี่ยชีหรั่นและโม่เสี่ยวจุนมองไปด้านหน้า ก็เห็นเย่เชินหลินยืนมือล้วงกระเป๋าสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ตรงนั้น
“คุณคิดว่าฉันไม่กล้าพูดเรื่องพวกนี้ตรงหน้าคุณรึไง?” โม่เสี่ยวจุนแย้มริมฝีปากเยาะเย้ย เซี่ยชีหรั่นรีบเดินเข้าไปยืนข้างเย่เชินหลินและพูดว่า : “คุณออกมาได้ไง ฉิงฉิงพักผ่อนอยู่ด้านใน ฉันกับเสี่ยวจุนกำลังจะกลับเข้าไปในห้องอาหาร…”
“ต้องอธิบายอะไรกับเขามากขนาดนั้นรึไง? ถ้าเขาเชื่อคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรเขาจะไม่ถามสักคำ เหมือนที่เธอทำกับเขาไง แต่ถ้าเขาไม่เชื่อคุณ คุณอธิบายไปเขาจะฟังไหม?” โม่เสี่ยวจุนขมวดคิ้วตัดบทของเซี่ยชีหรั่น
เย่เชินหลินหัวเราะและยิ้มเยาะเย้ย
“คุณโม่ ฉันเชื่อไม่เชื่อเธอ ก็ไม่เกี่ยวกับคนนอกอย่างคุณ”
สถานการณ์เริ่มไม่ดี เซี่ยชีหรั่นอดขมวดคิ้วมองเย่เชินหลินไม่ได้ และพูดอย่างไม่สบายใจว่า : “พอแล้ว พวกคุณสองคนทำไมแค่เห็นหน้ากันก็เป็นแบบนี้ เมื่อก่อนฉันคิดว่าพวกคุณเป็นพี่น้องกัน คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันแล้วยังจะทำเหมือนเป็นศัตรูกันอีก”
“ฉันไม่มีทางที่จะเป็นพี่น้องกับคนที่ชอบทำกรุ้มกริ่มกับความสัมพันธ์ของคนอื่น” เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นชา
“เย่เชินหลิน ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ฉันจะโกรธแล้วน่ะ” เซี่ยชีหรั่นสีหน้าจริงจัง แน่นอนว่าคำขู่ของเธอยังมีประโยชน์
สีหน้าของเย่เชินหลินยังคงดูไม่ดี ผู้หญิงของเขาปกป้องผู้ชายคนอื่นอย่างออกหน้า เขาจะมีสีหน้าดีได้ยังไง
เขามีสีหน้าจริงจังและพูดกับโม่เสี่ยวจุนอย่างเย็นชาว่า : “วันนี้คุณเป็นแขกของคนในครอบครัวฉัน ฉันให้เกียรติคุณเพราะเห็นแก่หน้าผู้หญิงของฉัน เชิญเถอะ”
ในเมื่อมาแล้ว โม่เสี่ยวจุนก็ไม่เห็นเซี่ยชีหรั่นลำบาก เขาเห็นใจเธอ ถึงแม้อารมณ์จะยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่พูดอะไร
กลับถึงห้องอาหาร สีหน้าทั้งสามคนก็กลับมาปกติแล้ว
“ชีหรั่น ฉิงฉิงเป็นยังไงบ้าง เธอดูสิเด็กคนนี้ดื่มไม่เป็นยังดื่มไปตั้งเยอะ ดูแล้วน่าเห็นใจ” ไป๋จงเจี๋ยกล่าว
โม่เสี่ยวหนงเห็นไป๋จงเจี๋ยแสดงความห่วงใยไห่ฉิงฉิงต่อหน้าคนมากมาย กลับไม่ไว้หน้าเธอ และไม่ไว้หน้าเลี่ยวเหวยตง  จึงเริ่มโกรธขึ้นมาทันที พร้อมพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า : “แหม๊ ดูเหมือนว่าตอนนี้ไห่ฉิงฉิงเป็นลูกสะใภ้ของแม่ฉัน ลูกอย่างฉันกลายเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงเสียแล้ว”
“พูดอะไรเสี่ยวหนง เก็บอะไรมาเลี้ยง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอจะให้พี่เสี่ยวจุนกับพี่ชีหรั่นคิดยังไง” ไป๋จงเจี๋ยสีหน้าลำบากใจและตอบกลับโม่เสี่ยวหนงด้วยความโกรธ
อยู่ที่บ้านท่าทีของโม่เสี่ยวหนงที่มีต่อพ่อแม่ก็ไม่ดีนัก ครั้งนี้โกรธหนักยิ่งขึ้น โดยไม่สนใจสถานที่อะไรเลย และตอบกลับแม่อีกครั้ง : “ฉันพูดเรื่องจริงน่ะแม่ ตั้งแต่เล็กจนโต แม่พูดกับฉันมาตลอดว่าฉันเป็นลูกแท้ๆ ของแม่ แม่รักฉันที่สุด พวกเขาแค่เอามาเลี้ยง ของของพวกเขาทั้งหมดให้ฉันไม่ใช่รึไง? ทำไมอายุมากขึ้น ยิ่งใกล้วัยยิ่งลืมง่าย?”
“เสี่ยวหนง!” ครั้งนี้เป็นเสียงทุ้มต่ำของเซี่ยชีหรั่น
“เหวยตงยังอยู่ที่นี่ เธอจะเอาแต่ใจขึ้นมาได้ยังไง ไม่กลัวคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเธอรึไง?”
สำหรับท่าทีของโม่เสี่ยวหนงที่มีต่อแม่แบบนี้ เลี่ยวเหวยตงเองก็ตกใจเล็กน้อย
เขายังเข้าใจว่าเธอเป็นคนที่เชื่อฟัง คิดไม่ถึงว่าเธอปฏิบัติกับแม่ตัวเองแบบนี้ นี้แม่แท้ๆ ของเธอน่ะ ต่อไปเธอจะปฏิบัติยังไงกับแม่ของเขา?
มองคนต้องมองให้ละเอียด รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ทำให้เขารู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจกะทันหัน
ตัวเย่เชินหลินเองมีความเคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่ ครั้งนี้เห็นโม่เสี่ยวหนงทำให้แม่เสียหน้าต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ สีหน้าของเย่เชินหลินเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ในทันที
โม่เสี่ยวหนงเองก็สังเกตเห็นท่าทีที่ไม่ดีมากๆ ของเลี่ยวเหวยตงและเย่เชินหลิน สีหน้าเธอแข็งทื่อไปแว็บหนึ่ง จากนั้นหันมายิ้มให้แม่อย่างรู้ผิดและพูดว่า : “ขอโทษค่ะแม่ อาจจะเป็นเพราะวันนี้ฉันรู้สึกอ่อนไหวเกินไป คุณดูสิตอนนี้เราอยู่ในบ้านตระกูลเย่ สวยงามอลังการอย่างกับวัง ฉันเกิดคิดถึงการเกิดของฉัน คุณยิ่งห่วงใยพี่สะใภ้ฉิงฉิงแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วแม่ดีกับพวกเราทุกคน ฉันรู้แล้ว ไม่งั้นพี่สาวพี่เขยฉันจะกตัญญูได้ไง ซื้อบ้านดีๆขนาดนั้นให้คุณอยู่ตอนแก่”
ในเมื่อนี้เป็นที่สาธารณะผู้คนมากมาย ถึงแม้เซี่ยชีหรั่นไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของโม่เสี่ยวหนง เธอก็ยังยิ้มช่วยกู้หน้าเธอ
“แม่รู้ว่านิสัยเธอเป็นแบบนี้ ถ้าโกรธเธอจริงๆ ก็ไม่โกรธจนตายแม่ กินข้าว ไม่ต้องสนใจเธอ”
มีเซี่ยชีหรั่นกู้หน้า ไป๋จงเจี๋ยก็หาทางลงได้ ผู้คนเริ่มกลับกินพลางพูดพลางตามปกติเหมือนตอนเริ่ม
ไห่ฉิงฉิงไม่ได้เป็นอะไร พักสักครู่ก็กลับเข้ามาในห้องอาหารได้แล้ว
หลังจากทานอาหารเซี่ยชีหรั่นปล่อยให้พ่อแม่ตระกูลโม่พักผ่อนในบ้าน โม่เสี่ยวหนงพูดว่าหรือจะพาพ่อแม่ไปพักที่ตึกส่วยเทียนยีบิ่น
โม่เสี่ยวหนงเป็นลูกสาวแท้ๆ เป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกเขาต้องฟังโม่เสี่ยวหนง ดังนั้นเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่นก็ไปส่งเขาที่ตึกส่วยเทียนยีบิ่น
ระหว่างทางกลับเย่เชินหลินให้เซี่ยชีหรั่นนอนพักบนตักเขา และถามอย่าห่วงใยว่า : “เหนื่อยไหม? ต้องปรับสีหน้าไปมาอยู่คนเดียว”
“ไม่เหนื่อย ตลอดชีวิตของโม่เสี่ยวหนงเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้เหนื่อยสักหน่อยก็ไม่เป็นไร”
“คุณต้องเตือนเขาหน่อยน่ะ ตระกูลเลี่ยวถึงไม่ได้หรูหราอะไร จะพูดยังไงก็ไม่ใช่ตระกูลชาวบ้านทั่วไป ทำตามนิสัยของตัวเองได้ ถ้าตัวเธอเองทำไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งในบ้านคนอื่น”
จุดนี้เซี่ยชีหรั่นเองก็คิดอยู่ เพียงแต่เธอรู้ว่าที่โม่เสี่ยวหนงมีลักษณะนิสัยมั่นใจแบบนี้เพราะการเลี้ยงดูของพ่อแม่ เกรงว่าคงแก้ไขไม่ได้ในทันที
“หลิน วันนี้ตอนที่โม่เสี่ยวหนงทำนิสัย เลี่ยวเหวยตงเองก็ดูเหมือนจะคิดแล้ว ฉันก็เป็นห่วงเธอ” เซี่ยชีหรั่นถอนหายใจ มือของเย่เชินหลินช่วยนวดศีรษะให้เธอเบาๆ
เขาหยุดเคลื่อนไหวมือชั่วขณะและพูดอย่างใจเย็น : “เธอเลือกทางเดินเอง เธอรังแกคุณตั้งแต่เด็ก ผลลัพธ์ไม่ดีก็โทษใครไม่ได้”
“คุณอย่าพูดแบบนี้ ความจริงแล้วเธอไม่ได้เลวร้าย เพียงแค่ได้รับการดูแลจนคนเสียคน นิสัยเสียไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“หวังว่าอย่างนั้น” เย่เชินหลินคิดถึงตอนที่พูดถึงเรื่องไวน์แดง สายตาของโม่เสี่ยวหนงนั้น เขาไม่ได้มองโม่เสี่ยวหนงในแง่ดีเหมือนเซี่ยชีหรั่น
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะถึงคฤหาสน์ เซี่ยชีหรั่นได้รับโทรศัพท์จากโม่เสี่ยวหนง ตอนที่แยกจากกันเธอยังดูมีความสุข แต่ตอนนี้น้ำเสียงกลับเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่
“พี่”
“เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวหนง?”
“เมื่อกี้เลี่ยวเหวยตงได้รับโทรศัพท์ ให้ไปทำงานนอกสถานที่ประมาณ 1 เดือนถึงจะได้กลับมา พี่ว่าเป็นเพราะที่ฉันทำนิสัยไม่ดีที่โต๊ะอาหารไหม พ่อแม่ก็มาแล้ว เขาไม่อยากให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองตระกูลพบกันเร็วขนาดนี้ เขาจงใจรึเปล่า? ”
เซี่ยชีหรั่นสีหน้าเปลี่ยนไปและพูดออกมาเบาๆ : “เสี่ยวหนงไม่ต้องคิดมาก เขาอาจจะมีธุระสำคัญของบริษัทจริง”
“พี่ ฉันคิดว่าไม่ บริษัทเขาจะมีธุระด่วนขนาดนั้นได้ยังไง อีกทั้งยังไปเป็นเดือน ถ้าเขาต้องการหลบฉัน งั้นฉันจะเลิกกับเขาก่อนดีกว่า มีอะไรน่าเสียดาย ก็แค่ลูกของรองผู้จัดการคนหนึ่งไม่ใช่รึไง? ฉันไม่จำเป็นต้องสนใจเขา”
โม่เสี่ยวหนงพูดแบบนี้ ต่างกับความหัวร้อนของเธอเมื่อหลายวันก่อนเหมือนคนล่ะคน
เซี่ยชีหรั่นไม่อยากคิดในทางไม่ดีกับเธอ เพียงแค่คิดว่าพวกเขากระทบกระทั่งกันนิดหน่อย จากนั้นเธอจึงเลือกที่จะพูดอะไรไม่น่าฟังออกมา
เลี่ยวเหวยตงตัดสินใจกะทันหันแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นเองก็แปลกใจ ถ้าคิดตามที่เขาพูด เขาอยากจะแต่งงานกับโม่เสี่ยวหนงจนแทบจะทนไม่ไหว มีธุระอะไรไม่รอกำหนดวันก่อนแล้วค่อยคุยล่ะ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset