สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 832 สาวใช้ตัวแสบ 736

ตอนที่ 832 สาวใช้ตัวแสบ 736
เย่เชินหลินก้าวเข้ามาใกล้ ดึงตัวเซี่ยชีหรั่นมาสำรวจอย่างละเอียด
“บาดเจ็บหรือเปล่า” เขาถาม เซี่ยชีหรั่นส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เสี่ยวจุน! ดูสินายคุณเลือดไหลนี่ ตั้งหลายที่เลย เร็วเข้า รีบโทรเรียก120!”
“คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ผมไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ ไม่ต้องโทร 120 หรอก แค่กลับไปจัดการก็เรียบร้อยแล้ว” โม่เสี่ยวจุนเอ่ยเรียบๆโดยไม่ขมวดคิ้วเลยสักนิด
เย่เชินหลินแน่ใจแล้วว่าเซี่ยชีหรั่นไม่เป็นไรถึงมองไปที่โม่เสี่ยวจุน ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้แข็งแรงมากทีเดียว และไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาดีต่อเซี่ยชีหรั่น
ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น ต่อให้เขาอยากมาช่วยเซี่ยชีหรั่นก็มาไม่ทัน
หากไม่มีโม่เสี่ยวจุน คนที่มีเลือดออกทุกที่ตอนนี้ก็คงเป็นคนที่เขารักที่สุด
ใบหน้าของเย่เชินหลินยังคงเคร่งขรึม แต่น้ำเสียงของเขายังคงร้อนรนมาก
“ไปโรงพยาบาล! เธอจะโล่งใจได้ไงถ้านายไม่ไปโรงพยาบาล”
“ใช่ เสี่ยวจุน อย่าเสียเวลาเลย ไปกันเถอะ” เซี่ยชีหรั่นพูดสั้นๆ แต่จริงๆแล้วกลับโทษตัวเองในใจมากมาย
ทั้งหมดเป็นเพราะเธอไม่ดีเอง เธอลากโม่เสี่ยวจุนมา แถมเธอยังถ่ายภาพมากมาย
เย่เชินหลินจับมือของเซี่ยชีหรั่นและพูดเบาๆว่า “คุณไม่ต้องตำหนิตัวเองหรอก เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะโคมไฟวางไว้ไม่ดี”
เกิดอุบัติเหตุตรงนี้ ผู้จัดการของร้านโคมไฟรวมถึงพนักงานร้านด้านล่างก็พากันมาด้านบนขอโทษด้วยความจริงใจระคนหวาดเกรง
ใบหน้าของเย่เชินหลินเย็นชามาก เขามองไปที่พนักงานอย่างไม่พอใจและจากไปโดยไม่พูดอะไร
ด้วยท่าทีของเขา พวกเขาก็ยิ่งกลัว เมื่อเห็นว่าคนที่มาด้วยบาดเจ็บ พวกเขาจึงไม่พูดรั้งไว้อีก
คุณพานคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามคำถามด้วยความกังวล แต่กลับถูกเย่เชินหลินเชิญกลับ
หลังจากขึ้นรถแล้ว เย่เชินหลินก็โทรหาหลินหลิงและบอกให้เธอมาที่ร้านโคมไฟทันที
“มาตรวจสอบสถานการณ์ที่นี่หน่อย อย่าตามแค่ใครเป็นคนรับผิดชอบวางโคมไฟไว้ แต่ฝ่ายบริหารก็เกี่ยวข้องเช่นกัน สำหรับคนงานปกขาวที่ไม่ได้ทำอะไรควรเปลี่ยนก็เปลี่ยนซะ ถ้าจำเป็นก็เปลี่ยนให้หมดเลย!”
เป็นคำสั่งที่จริงจังมากจากเย่เชินหลิน หลินหลิงตอบอย่างมืออาชีพว่ารับทราบคุณเย่ ก็ออกไปที่ร้านโคมไฟและไม่ได้ถามอะไรมาก
เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถทนเฉยๆได้ นึกถึงความกระตือรือร้นของพนักงานเหล่านั้นเมื่อพวกเขามาที่ร้านและตอนนี้เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะมีคนต้องตกงานกี่คน
ขณะที่เธอกำลังจะเกลี้ยกล่อม เย่เชินหลินก็พูดเบาๆ “ไม่ใช่เพื่อคุณหรอก ลองคิดดูสิ ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นแขกจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของร้านโคมไฟแค่ไหน โคมไฟเองเป็นของที่แตกง่ายอยู่แล้ว แต่พื้นกลับไม่ได้ปูด้วยวัสดุกันกระแทกแบบหนา อีกอย่างคุณแค่พิงขาตู้โคมไฟด้านหลังเบาๆแล้วไฟก็ตกลงมา อุบัติเหตุเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”
ตอนที่เขาพูดแบบนั้นเซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่ก็เข้าใจอยู่ในใจว่าเขาบอกว่าไม่ได้ทำเพื่อเธอ แต่ถ้าคนที่เกิดเรื่องขึ้นไม่ใช่เธอเขาก็คงไม่โกรธหรอก
บาดแผลของโม่เสี่ยวจุนยังคงมีเลือดออกอยู่ เซี่ยชีหรั่นมองแล้วอดรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยเรื่องพนักงานกับเย่เชินหลินอีกต่อไป เธอเชื่อว่าเย่เชินหลินจะไม่ทำอะไรให้ซับซ้อนวุ่นวาย
“เสี่ยวจุน คุณทนหน่อยนะ เรากำลังหาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างเป็นห่วง แต่โม่เสี่ยวจุนเหยียดริมฝีปากของเขาอย่างไม่แยแสและพูดว่า “ไม่เจ็บสักหน่อย ทนอะไรกัน”
“ขนาดนี้แล้วยังจะพูดว่าไม่เจ็บอีก ยังจะเก๊กอะไรอีก ถ้านายเจ็บ อาจจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากร้องออกมานะ”
“ผู้ชายตัวโตขนาดนี้จะมาร้องไห้อะไรกัน ใช่เรื่องเหรอ” คำพูดของโม่เสี่ยวจุนทำให้เย่เชินหลินเม้มริมฝีปาก ท่าทางเขาแบบนี้ เหมือนเขาไม่มีผิด
“ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลยนี่ นายที่แผลนะ” เย่เชินหลินพูดอย่างไม่แยแส สายตาของชายทั้งสองปะทะกันในอากาศอีกครั้ง โม่เสี่ยวจุนสามารถเห็นได้ว่าเย่เชินหลินรู้สึกขอบคุณที่เขาผลักเซี่ยชีหรั่นออกไปทันเวลา แต่เขาแค่ไม่อยากพูดออกมา
แปลกมาก ความไม่เป็นมิตรต่อกันระหว่างคนทั้งสองได้ผ่อนคลายลงเนื่องจากเหตุการณ์นี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าโม่เสี่ยวจุนได้รับบาดเจ็บ เซี่ยชีหรั่นรู้สึกดีใจมากที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อกันได้
เมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นขอให้โม่เสี่ยวจุนทำการตรวจร่างกายมากมาย นอกจากแผลที่ผิวแล้วไม่มีอย่างอื่นร้ายแรงเธอถึงจะวางใจ
เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่ไหล่อย่างรุนแรง แพทย์จึงแนะนำให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
โม่เสี่ยวจุนปฏิเสธ แต่เซี่ยชีหรั่นยืนยัน เขาจึงต้องเห็นด้วย
ไห่ฉิงฉิงได้ยินว่าโม่เสี่ยวจุนได้รับบาดเจ็บก็รีบมาทันที แน่นอนว่าเธอเป็นห่วงเกินบรรยาย
ไม่กี่วันหลังจากที่โม่เสี่ยวจุนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นก็มาเยี่ยมเขาทุกวันและทุกครั้งเย่เชินหลินก็พยายามเจียดเวลามากับเซี่ยชีหรั่น
“เด็กคนนั้นโชคดีจริงๆ” เย่เชินหลินพูดอย่างเย็นชา
“บาดเจ็บนี่เป็นความโชคดีเหรอคะ?” เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“แน่นอนว่าโชคดี นี่ไม่ใช่การให้โอกาสเขาพิสูจน์ว่าเขาดีกับคุณหรือ ถ้าผมอยู่ข้างคุณ เขาจะได้เป็นคนนั้นเหรอ?” เย่เชินหลินรู้สึกเสียใจมากที่นายพานคนนั้นมาหาเขา ไม่อย่างนั้นผู้หญิงของเขาคงไม่ถูกทำให้ตกใจอย่างนี้หรอก และคงไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณตาเด็กโม่นั้นด้วย
ไม่กี่วันต่อมาโม่เสี่ยวจุนก็ออกจากโรงพยาบาล เซี่ยชีหรั่นก็ยุ่งกับการแต่งงานของโม่เสี่ยวหนงอีกครั้ง
โม่เสี่ยวจุนรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นต้องการให้เขามีส่วนร่วม ดังนั้นหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วเขามักจะไม่สนใจการต่อต้านเซี่ยชีหรั่น และช่วยเหลือเธอในหลายๆเรื่อง
เมื่อเทียบกับตารางงานที่ยุ่งของเซี่ยชีหรั่นและโม่เสี่ยวจุนแล้ว โม่เสี่ยวหนงมีอิสระมากขึ้น เธอเพิ่งไปถ่ายภาพแต่งงานเลี่ยวเหวยตงและทิ้งสิ่งอื่นๆที่ต้องทำให้คนอื่นแทน
ในพริบตาวันที่แปดของเดือนถัดไปซึ่งเป็นวันที่โม่เสี่ยวหนงจัดงานแต่งงานก็มาถึง
เพื่อไว้หน้าเซี่ยชีหรั่น ประธานเย่และฝู้เฟิ่งหยีก็มาร่วมงานด้วย
น้องภรรยาของเย่เชินหลินแต่งงานทั้งที คนชั้นสูงบนของตงเจียงต่างก็มาที่นี่หลังจากได้ยินข่าว ดังนั้นฉากแต่งงานจึงมีชีวิตชีวามาก
ผู้คนในแวดวงราชการ วงการธุรกิจและผู้ที่มีความสัมพันธ์กันแทบจะไม่ได้รับเชิญแต่มากันเอง
เย่เชินหลินไม่ชอบคบหากับคนเท่าไหร่ แต่เพราะวันนี้เป็นวันแห่งมงคลและแขกที่มาเยี่ยมเยียนล้วนเป็นแขก ดังนั้นเขาจึงไม่ต่อต้านนัก
โม่เสี่ยวหนงยืนอยู่ข้างๆเลี่ยวเหวยตงในชุดแต่งงานสีขาวพร้อมรอยยิ้มที่พอดี พ่อแม่ฝ่ายตระกูลเลี่ยว ก็ยืนอยู่ไม่ไกลจากคู่บ่าวสาวทั้งสองเพื่อต้อนรับแขก
เสื้อผ้าของพ่อแม่ของตระกูลโม่ได้รับการคัดเลือกจากเซี่ยชีหรั่นเป็นการส่วนตัว แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ห่างชั้นจากพวกนักธุรกิจเหล่านี้ที่เดินสวนกันไปเดินสวนกันมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขาว่าพวกเขาเป็นแค่พ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมที่เลี้ยงผู้หญิงของเย่เชินหลินมา
แม้ว่าพวกเขาไม่คิดอะไรในใจ แต่สีหน้าดูจะให้ความเคารพผิดปกติ
การได้รับการยกย่องจากผู้คนในตงเจียงมากมาย แน่นอนว่าหัวใจของไป๋จงเจี๋ยและโม่เสี่ยวหนงเต็มไปด้วยความสุข
ภาพงานพรีเวดดิ้งของโม่เสี่ยวหนงและ เลี่ยวเหวยตงรวมถึงวิดีโอหวานๆบางส่วนถูกเล่นบนจอขนาดใหญ่ในห้องจัดเลี้ยง
โม่เสี่ยวหนงพอใจกับทั้งหมดนี้ แต่หลังจากยืนอยู่เป็นเวลานานข้อเท้าของเธอก็เจ็บเล็กน้อย เลี่ยวเหวยตงสังเกตเห็นจึงกระซิบที่หูของเธอ “ที่รัก เสี่ยวหนง ถ้าคุณเหนื่อยก็เข้าไปข้างใน พักผ่อนก่อนนะ”
“โอเค งั้นฉันจะเข้าไปนะคะ”
โม่เสี่ยวหนงยิ้มให้ เลี่ยวเหวยตงจากนั้นก็ก้าวผ่านประตูไป แล้วเพื่อนเจ้าสาวก็รีบตามเธอไป
เลี่ยวเหวยตงในวันนี้ดูเหมือนจะหล่อเหลาและดูดี ไม่มีสาวๆคนไหนที่ไม่คิดจะเป็นเจ้าสาว ดังนั้นในบรรยากาศของวันนี้โม่เสี่ยวหนงจึงรู้สึกว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อ เลี่ยวเหวยตงดูจะลึกซึ้งขึ้นเล็กน้อย
เพื่อนเจ้าสาวกลัวว่าโม่เสี่ยวหนงจะล้ม พวกเธอจึงช่วยประคองเธอแล้วเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าพวกเธอจะไปที่ไหนก็มีเสี่ยงขอแสดงความยินดีตลอด
โม่เสี่ยวหนงได้ยินเรื่องดีๆมากมายก็รู้สึกเหนื่อย จึงบอกเพื่อนเจ้าสาวว่า “ไปที่ที่มีคนไม่เยอะกันเถอะ”
เพื่อนเจ้าสาวรับคำแล้วช่วยเธอไปยังสถานที่ที่ห่างไกลขึ้น หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าวเสียงฝีเท้าของเพื่อนเจ้าสาวก็หยุดลงและเกือบจะสะดุดโม่เสี่ยวหนง
“เธอกำลังจะทำอะไรน่ะ” โม่เสี่ยวหนงขมวดคิ้ว เพื่อนเจ้าสาวก็รีบขอโทษ “พี่เสี่ยวหนง ฉันขอโทษค่ะ ฉันเห็นคนที่นั่งตรงนั้นมองคุณตลอดเวลา สายตาของเขาแปลกๆ เขาไม่ได้มาจากวงดนตรีเหรอ? ทำไมไม่ไปรีบเตรียมการแสดงเอาแต่จ้องมองคุณตลอดเวลา หรือเป็นเพราะคุณสวยมาก จนเขาเหม่อไปเลย”
“อยู่ที่ไหน” โม่เสี่ยวหนงถาม เพื่อนเจ้าสาวก็ยื่นมือออกไป โม่เสี่ยวหนงมองไปตามทิศทางของนิ้วของเธอ
ทีมพิธีกรทั้งหมดดูเหมือนจะกระวนกระวายในการเตรียมการขั้นสุดท้าย แต่หนึ่งในนั้นยังคงมองมาในทิศทางของเธอ
เธอคิดว่าเธอสวยมาจนทำให้คนอื่นมองเธอไม่หยุด แต่เมื่อเธอเห็นหนวดที่คางของชายคนนั้น เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
คนนั้นไม่ใช่ตาหนวดที่เธอใช้เวลาด้วยคืนนึงหรือ?
เลือดในกายโม่เสี่ยวหนงดูเหมือนจะแข็งตัวไปชั่วขณะ
โม่เสี่ยวหนงและตาหนวดมองหน้ากันเป็นครั้งที่สอง จากนั้นก็รีบหันหน้าหนีและกระซิบบอกเพื่อนเจ้าสาวที่กำลังตามเธอไป “ฉันอยากไปห้องน้ำ”
“ฉันไปเป็นเพื่อนนะ!”
“ไม่! ฉันจะไปเอง!” โม่เสี่ยวหนงขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเกือบตำหนิ จากนั้นเมื่อเห็นเพื่อนเจ้าสาวกระดากไปเล็กน้อย เธอจึงกล่าวเสริมว่า “เธอช่วยไปเช็คชุดยกน้ำชาและเครื่องหัวให้หน่อย ห้ามให้พลาดนะ”
เมื่อเพื่อนเจ้าสาวตกลง โม่เสี่ยวหนงก็เหลือบมองไปที่ตาหนวดนั่นอีกครั้ง และพบว่าเขายังคงมองตรงมาที่เธอ ดวงตาของเขาดูขี้เล่น
โม่เสี่ยวหนงแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา เมื่ออารมณ์สงบลงก็ลุกขึ้นยืนและไปที่ห้องน้ำทันที
เธอเข้าไปในประตู ตอนที่กำลังจะล็อคประตูก็เปิดออก จากนั้นตาหนวดก็ตามเข้ามาจับเอวของเธอและจูบเธอที่สองแก้ม
“ชื่อของคุณคือโม่เสี่ยวหนงนี่เอง ที่รัก เรื่องคืนนั้นผมลืมไม่ได้จริงๆ คุณยังจำผมได้ไหม” ตาหนวดถามด้วยเสียงต่ำข้างหูของโม่เสี่ยวหนง
โม่เสี่ยวหนงตกใจกลัวแต่ไม่กล้าตะโกนเสียงดัง วันนี้เป็นงานแต่งงานของเธอ ถ้าคนรู้ว่าเธอเคยทำอะไรไปบ้าง เธอจะเสียชื่อเสียงทันที
“คุณจำผิดคนแล้ว ปล่อยฉันนะ!” เธอว่าเสียงต่ำ
“จำผิดเหรอ ดูเหมือนว่าผมควรช่วยให้คุณจำให้ได้ว่าผมเป็นใคร” หลังจากที่ตาหนวดพูดแล้ว เขาก็ยื่นมือลงไปดึงชุดแต่งงานของเธอ โม่เสี่ยวหนงก็ยิ่งกลัวมากขึ้น
โม่เสี่ยวหนงหวาดกลัวและร่างกายของเธอก็อ่อนแอลงโดยธรรมชาติ การปล่อยตัวเองในคืนนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจแต่น่าเสียดายที่ความเสียใจไม่มีผลอีกต่อไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset