สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 890 สาวใช้ตัวแสบ 794

ตอนที่ 890 สาวใช้ตัวแสบ 794
เย่เชินหลินนึกขำ
“คุณยังจะขำอีก ฉันอุตส่าห์เอ่ยปากขอแล้ว แต่คุณกลับไม่ตอบตกลง มันทำร้ายจิตใจมากรู้ไหม”
“เด็กโง่”เย่เชินหลินหยุดขำ พร้อมกับยื่นมือไปกุมมือน้อยๆของเซี่ยชีหรั่น พูดอย่างจริงจัง “ที่ฉันไม่ให้เธอสวมแหวนวงนั้นให้ฉัน ก็เพราะว่าเรื่องขอแต่งงานต้องเป็นฉันที่เป็นฝ่ายขอ จะให้เธอเป็นฝ่ายขอได้อย่างไรกัน”
ผู้ชายเผด็จการ
แอบเคืองเขานิดๆ แต่ทว่าในใจกลับรู้สึกหวานชื่นเหลือเกิน
เธอจะสงสัยในความรักของเขาอีกได้อย่างไร เขาเกือบจะไม่ได้ลืมตาขึ้นมาตลอดชีวิต เพื่อเธอนะ
“หลิน คุณต้องรีบหายนะคะ พอคุณหายดีแล้ว ฉันจะกลับบ้านกับคุณ และเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่แยกจากกันอีก”เซี่ยชีหรั่นกุมมือเย่เชินหลินกลับ พร้อมพูดอย่างจริงจัง
“ต่อให้เธอคิดจะหนี ก็หนีไม่พ้นหรอก ฉันจะไม่ให้เธอหนีไปไหนอีก”
เย่เชินหลินนึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้น ที่เขาแอบตามอยู่หลังเธอและหลี่เหอไท้ เห็นเธอพึ่งพาผู้ชายคนอื่น เห็นเธอจูงมือหลี่เหอไท้ บางครั้งที่เกิดเสียใจขึ้นมาก็ซบอกหลี่เหอไท้ร้องไห้
“ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะหนีไปหรอก แต่เพราะคุณมันน่าโมโห มีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอกฉัน ฉันคิดว่าคุณปล่อยวางส้งหลิงหลิงไม่ลง ฉันคิดว่าในหัวใจของคุณส้งหลิงหลิงและลูกสำคัญกว่าฉัน ฉันก็เลยไม่พอใจ จึงได้เดินจากมา”
เย่เชินหลินขมวดคิ้วขึ้น ฟังจากคำพูดเหล่านี้ของเซี่ยชีหรั่นแล้ว ทำไมเขารู้สึกว่าเธอรู้เรื่องของเย่เจิ้งเหิงแล้ว
“หลิน รับปากฉัน ต่อไปไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็ต้องบอกความจริงฉัน ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นอย่างที่คุณคิด ฉันอยากจะแบ่งเบาภาระไปพร้อมกับคุณ ฉันจะดูแลเย่เจิ้งเหิงพร้อมกับคุณ ถึงแม้ว่าการเป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดจะรักษายากมาก แต่ฉันเชื่อ ว่าขอเพียงเรามีความเชื่อ สักวันเราต้องรักษาลูกให้หายได้แน่”
อันที่จริง ช่วงนี้ทุกครั้งที่เซี่ยชีหรั่นเห็นเด็กตัวเล็กๆ เธอก็จะนึกถึงเย่เจิ้งเหิงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอมักจะรู้สึกว่าตนผิดคำสัญญาต่อเด็ก
“สุดท้ายเธอก็รู้จนได้”เย่เชินหลินเอ่ยเสียงเบา
แต่ก็ช่างมันเถอะ เมื่อรู้แล้ว ต่อไปพวกเขาก็จะไม่ขัดแย้งกันในเรื่องนี้อีก
“ยังถือสาที่ส้งหลิงหลิงอยู่ที่นี่ต่อไหม ถ้าเธอยังถือสา ฉันจะจัดการส่งเขาออกไป แต่อาการของเย่เจิ้งเหิง อาจจะมีความจำเป็นที่ฉันต้องไปหาอยู่ตลอดเวลา แต่ต่อให้ฉันไปแล้ว ฉันก็ไม่มีทางมีความคิดอะไรต่อส้งหลิงหลิงแน่”
“ไม่เอา”เซี่ยชีหรั่นส่ายหน้า ในขณะที่ส่ายหน้านั้นเธอรู้สึกมึนเล็กน้อย เธออ่อนเพลียมากจริงๆ
“ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันกับพวกเราเถอะ ไม่ว่าส้งหลิงหลิงจะทำเรื่องอะไร ฉันก็ไม่มีความคิดที่จะให้เธอออกไปอีกแล้ว ลูกอ่อนแอขนาดนั้น เขาต้องการแม่ หลิน ส้งหลิงหลิงรู้สถานการณ์ที่แท้จริงของลูกไหม”
“ไม่แน่ใจว่ารู้ไหม แต่เธอก็คงพอจะเดาได้บ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่มั่นใจและไร้ความเกรงกลัวขนาดนั้น”เย่เชินหลินกล่าวเสียงเคร่งเครียด นึกถึงพฤติกรรมเกินเหตุที่ส้งหลิงหลิงทำครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนี้ ท่าทางและน้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความรังเกลียด
เซี่ยชีหรั่นก็ถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง เอ่ยอย่างถอดถอนใจ“อยากให้เธอจดจำไว้ตลอดเวลาเหลือเกิน ว่าเธอคือแม่คนหนึ่ง นั่นถือเป็นพรอย่างมหันต์เลยล่ะ”
อยู่ๆบรรยากาศภายในห้องก็เคร่งเครียดขึ้นมา เย่เชินหลินฉีกยิ้มขึ้นมา เอ่ย“ไม่พูดถึงคนที่ทำให้หมดอารมณ์คนนี้แล้ว เธอขยับมาทางนี้หน่อย ให้ฉันได้มองหน้าเธอดีๆ”
เซี่ยชีหรั่นใจเต้น และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ได้ขยับไปทางเตียงของเขาอย่างว่าง่าย แบบนี้ระยะห่างของทั้งคู่ก็จะใกล้กันมากยิ่งขึ้น
มือขวาของเย่เชินหลินวางลงบนดวงหน้าเล็กๆที่เนียนนุ่มของเธอ ค่อยๆลูบไล้
ยังสามารถมีชีวิตอยู่และจับใบหน้าที่สดใสของเธอ นี่คือพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขาแล้ว
เขาไม่อยากจะพูดเลยว่าตอนที่อยู่บนเครื่องบินเขาบ้าบิ่นขนาดไหน แทบจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
ยังดีที่ความกังวลทั้งหมดเป็นเพียงความกังวลที่ไม่จำเป็น เขาสัมผัสได้ถึงน้ำตาอุ่นๆ
ความรู้สึกของเซี่ยชีหรั่นก็ไม่ต่างกัน พวกเธอต่างรอดมาจากความตาย แต่สิ่งที่น่ายินดีที่สุดไม่ใช่การที่ตนยังมีชีวิตอยู่ หากคือการที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่
มือน้อยๆของเธอวางลงบนมือใหญ่ของเขา มือของทั้งคู่วางประสานกันไว้
ในเวลานี้ทั้งคู่อยากจะโผล่เข้ากอดและจูบอีกฝ่ายเหลือเกิน เพียงแต่เซี่ยชีหรั่นไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะลุกขึ้นมาจริงๆ บาดแผลของเย่เชินหลินก็ยังต้องรักษาอยู่ ยิ่งลุกขึ้นไม่ได้
ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ความสุขทั้งหมดได้หลอมรวมกันไว้ในแววตาของทั้งคู่
ผ่านไปสักพักใหญ่ เซี่ยชีหรั่นจึงเอ่ยถามเย่เชินหลินขึ้นเสียงเบา“เรื่องของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไม่ต้องเป็นห่วงจริงๆหรือ ถ้ามีปัญหาอะไร คุณต้องบอกฉันนะ ห้ามเผชิญกับมันเพียงลำพัง”
ยัยเด็กโง่เอ้ย บอกเธอไปแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไร แถมยังเป็นการทำให้เธอกังวลอีก
อีกอย่าง หลังจากที่ไห่ลี่หมินเอ่ยถึงปัญหานี้ เย่เชินหลินก็ได้คิดดีแล้ว หลักฐานที่อยู่ในมือเขาก็พอสมควรแล้ว ต่อให้เขาไม่ไปประเทศฝานหลายด้วยตัวเอง ให้หลินต้าฮุยไปก็ได้
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก่อนที่ฉันจะไปหาเธอก็ได้บอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าต่อไปเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”เย่เชินหลินเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“หลิน ทำไมจุๆเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยถึงมาทำร้ายฉันล่ะ คุณกลัวว่าเธอจะทำร้ายฉัน ก็เลยร่วมแสดงละครกับเธอไม่ใช่หรือ”
เย่เชินหลินก็ไม่ปิดบังเธออีกต่อไป เพราะรู้ว่าหากเขาไม่บอก ในใจเธอก็ต้องเดาไม่จบไม่สิ้น และเธอก็จะเป็นห่วงไม่จบไม่สิ้นด้วย
“เธอเดาออกได้อย่างไร ว่าเด็กในท้องเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไม่ใช่ลูกของฉัน”เย่เชินหลินถามกลับไปประโยคหนึ่ง
“งั้นก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริงหรือ”เซี่ยชีหรั่นรู้สึกดีใจไม่น้อย ตั้งแต่มีเรื่องส้งหลิงหลิงกับเย่เจิ้งเหิงน้อย เธอก็กลัวที่จะเป็นแม่เลี้ยงแล้วจริงๆ ไม่อยากจะได้ลูกแบบนั้นเพิ่มมาอีกคนแล้ว
และที่สำคัญเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยน่ากลัวกว่าส้งหลิงหลิงเสียอีก ถึงแม้ว่าส้งหลิงหลิงจะมีความคิดร้ายๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับจะเอาชีวิตเธอไป
ถ้าหากเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยตั้งท้องลูกของเย่เชินหลินจริงๆ เธอต้องไม่ยอมรามือง่ายๆแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ความขัดแย้งแบบนี้ก็อาจจะมีตลอดชีวิตก็เป็นได้
“จริง”
“ก็แสดงว่า คุณไม่เคยขึ้นเตียงกับเธอใช่ไหม”คำถามนี้หลุดออกมาจากปากของเซี่ยชีหรั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ พอถามเสร็จ หน้าของเธอก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นไปอีก อีกทั้งยังร้อนวูบไปหมด
ความจริงแล้วเธอยังแคร์เรื่องนี้จริงๆ บางทีผู้หญิงทุกคนอาจมีนิสัยรักความสะอาดมากในด้านนี้มั้ง
เย่เชินหลินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมเอ่ยถาม“เธอว่าล่ะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง แต่ยังไงฉันก็เห็นคุณจูบกับเธอต่อหน้าต่อตาฉันแล้ว ตอนนั้นฉันแทบจะบ้าตายเลย”
การที่ผู้หญิงของเขาหึงเขา เขารู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อนึกถึงตอนนั้นที่เขาจูบเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยเพราะความจำเป็น แววตาของเขาก็เริ่มเยือกเย็นลง
ทุกคนต่างได้จ่ายค่าตอบแทนจากทุกการกระทำของเขา หากเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยไม่ทำอะไรเกินไปขนาดนี้ หากไม่สั่งเก็บเซี่ยชีหรั่น เขาอาจจะนำหลักฐานในมือออกมา และแค่ทำการเจรจากับเธอ ให้เธอรามือก็เท่านั้น
แต่ตอนนี้ เขาแทบอยากจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ ซึ่งไม่มีทางปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน
แต่แน่นอน ทั้งหมดนี้เธอเป็นคนรนหาที่เอง เดิมทีเธอก็ได้ทำความผิดร้ายแรงที่ไม่อาจอภัยให้ได้อยู่แล้ว
“เธอรู้ได้อย่างไร ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของคุณ คุณบอกเธอหรือ”เซี่ยชีหรั่นถามต่อ
ตั้งแต่ที่เซี่ยชีหรั่นประสบกับความอันตราย เย่เชินหลินก็ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขานึกถึงเพียงความปลอดภัยของเธอ สำหรับเรื่องอื่นเขาไม่มีเวลาไปสนใจด้วยซ้ำ
ตอนนี้เมื่อเธอเอ่ยเตือนขึ้นมา เย่เชินหลินก็ได้ครุ่นคิดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ต้าหลัวไม่กล้าบอกแน่ เขารู้นิสัยต้าหลัวดี โดยพื้นฐานแล้ว เขาเป็นคนขี้ขลาด
แต่การที่เขาไม่ได้บอก ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้รั่วไหลออกไปจากเขานิ เขาอาจจะถูกจับได้ตอนที่เขานอนกับเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยในคืนนั้นก็เป็นได้
เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยยังจงใจข่วนแขนเขาอีก นี่ก็คือหลักฐาน
เย่เชินหลินในขณะนี้ รู้สึกผิดต่อเซี่ยชีหรั่นเหลือเกิน ที่เขาไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยให้เร็วกว่านี้
เขาคิดว่า ท้ายที่สุดที่เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยมั่นใจ น่าจะเกี่ยวข้องกับแพทย์ในพระองค์คนนั้น เพราะจะตรวจครรภ์ให้เธอ เขาไม่สะดวกที่จะอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูง ที่พวกเธอจะเจาะน้ำคร่ำและไปตรวจ DNA กับเขา
“ฉันไม่ได้บอกเธอ ส่วนเรื่องที่ว่าเธอรู้ได้อย่างไร ฉันยังต้องขอตรวจสอบก่อน”
ถ้าหากว่าเป็นต้าหลัวจริงๆ เขาก็จะไม่โทษเขามากจนเกินไป เพราะมันอาจจะเป็นเพียงปัญหาด้านความสามารถ
แต่ถ้าเป็นคนอื่น…..เขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆเด็ดขาด
หลังจากที่เย่เชินหลินเอ่ยตอบเสร็จ ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง พร้อมกับนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาในใจพร้อมกัน
ส้งหลิงหลิง
เย่เชินหลินไม่ได้ลืมเรื่องที่ส้งหลิงหลิงจงใจยุยงสร้างเรื่องต่อหน้าเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย ส่วนเซี่ยชีหรั่นนั้น เนื่องจากส้งหลิงหลิงมักจะทำเรื่องร้ายๆลับหลังมาโดยตลอด เธอจึงติดนิสัยสงสัยในตัวเขาไปแล้ว
ถ้าหากเป็นส้งหลิงหลิงจริงๆ เย่เชินหลินก็จะตกที่นั่งลำบากอีกครั้ง หากทำอะไรเธอ ก็จะทำให้เย่เจิ้งเหิงน้อยลำบากใจ แต่หากไม่ทำอะไรเธอ เขาอาจจะไม่ยอม
กว่าจะเห็นเขาปลอดภัยไม่ใช่ง่ายเลย เซี่ยชีหรั่นไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียแม้แต่นิดเดียว
เธอฉีกยิ้มก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น“ช่างมันเถอะ มันไม่ได้สำคัญอะไร ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ฉันยังรู้สึกขอบคุณคนที่ทำให้เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยรู้ความจริงด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะคนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะได้พบคุณอีกเมื่อไหร่”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจอีกครั้ง นึกถึงช่วงเวลาที่สามารถเห็นเขาผ่านข่าวที่รายงานเท่านั้น
“หลิน คุณรู้ไหม ช่วงนั้นที่คุณไม่สนใจฉัน สิ่งแรกที่ฉันทำหลังเลิกงานก็คือเปิดข่าว และดูว่ามีการรายงานข่าวของพวกคุณไหม ฉันกลัวที่จะเห็นว่ามี แต่ก็กลัวที่จะไม่มีด้วย ถ้ามีฉันจะผิดหวัง ไม่มีฉันก็ผิดหวังเช่นกัน ฉันไม่อยากจะใช้ชีวิตแบบนั้นอีกแล้วจริงๆ”
เย่เชินหลินลูบหน้าเธอเบาๆอย่างปวดใจ ตั้งแต่วินาทีที่ได้รู้ว่าเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยจะทำร้ายเธอ เขาก็รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในตอนแรกนั้นแล้ว
เขาเอง ที่ทำให้ยัยตัวเล็กของเขาต้องเสียใจแบบนี้มานานขนาดนี้
“อื้ม ต่อไปเราจะไม่ใช้ชีวิตแบบนั้นอีกแล้ว”เย่เชินหลินพูดพร้อมกับลูบดวงหน้าน้อยๆของเธออย่างอ่อนโยน
“คุณนอนดีๆเถอะ ยังเจ็บอยู่เลย อย่ายกมือนานขนาดนี้”เซี่ยชีหรั่นรักใคร่เย่เชินหลินมาก เขาเอ่ยยิ้มๆ“แผลแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก”
ประโยคนี้ช่างคุ้นหูจริงๆ โม่เสี่ยวจุนก็พูดแบบนี้เป็นประจำไม่ใช่หรือไง
“ไม่เป็นไรก็เอากลับไปได้ เอากลับไปเร็วเข้า”
เย่เชินหลินจับดวงหน้าน้อยๆของเธออย่างรักใคร่สุดๆอีกครั้ง จึงค่อยรามือ
ผ่านไปสักพัก ก็มีคนมาเคาะประตู เซี่ยชีหรั่นร้องขึ้นว่าคำหนึ่งว่า เชิญเข้า
หลินต้าฮุยมาแล้ว เดิมเย่เชินหลินไม่อยากพูดเรื่องเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยต่อหน้าเซี่ยชีหรั่น แต่ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นกำลังให้น้ำเกลืออยู่ และเวลาก็ค่อนข้างรีบ เขาจึงจำต้องพูดไป

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset