สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 889 สาวใช้ตัวแสบ 793

ตอนที่ 889 สาวใช้ตัวแสบ 793
เมื่อเซี่ยชีหรั่นฟื้นขึ้นมา ก็โวยวายจะไปหาเย่เชินหลินให้ได้ หมอบอกว่าร่างกายของเธออ่อนเพลียเกินไป จำเป็นต้องให้น้ำเกลือ
“ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันจะไปหาเขา ไปอยู่เป็นเพื่อนเขา เขาเพิ่งผ่าตัดเสร็จ อยู่ในโลกแห่งความมืดนานขนาดนั้น เขาต้องการให้ฉันอยู่เป็นเพื่อน”เซี่ยชีหรั่นร้อนใจมาก ทว่าหมอกลับส่ายหน้า และเตือนเธอ “คุณต้องสงบสติอารมณ์ลง อย่าร้อนใจแบบนี้”
“ฉันไม่อาจใจเย็นได้ ฉันจะไปหาเขา”
“ไม่เป็นไร ไปหาเขาได้”หลี่เหอไท้เอ่ยอย่างอ่อนโยน “เธอต้องให้น้ำเกลือ ฉันให้คนเตรียมเตียงไว้ในห้องของเขาเตียงหนึ่ง เธอไปนอนให้น้ำเกลือข้างกายเขา ได้ไหม”
“ได้”
เย่เชินหลินถูกย้ายมาอยู่ในห้องคนไข้ทั่วไป แต่แน่นอนว่าห้องของเขาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน มันคือห้องวีไอพีที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล
หลี่เหอไท้ให้คนนำเตียงมาไว้ที่ห้องเย่เชินหลินอีกเตียงหนึ่ง ซึ่งก็วางเคียงคู่กับเตียงของเย่เชินหลิน หลังจากที่เซี่ยชีหรั่นได้เห็นเย่เชินหลินแล้ว เธอก็นอนลงและรับน้ำเกลืออย่างว่าง่าย
“พี่เหอไท้ พี่กลับไปเถอะ จากมาตั้งหลายวันแล้ว คุณพ่อคุณแม่คงกลับมาจากบ้านคุณยายกันแล้ว ไม่เจอพวกเรา เกรงว่าพวกท่านจะไม่วางใจ พี่บอกกับพวกท่านนะคะ ว่าฉันไปบ้านเย่เชินหลิน อย่าบอกเรื่องที่เขาได้รับบาดเจ็บนะคะ ฉันกลัวคุณแม่จะเป็นห่วง”
“อื้ม มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดเวลานะ”หลี่เหอไท้จะกลับไปแล้ว เขาเองก็กลัวว่าจ้าวเหวินอิงจะวางใจ และอีกอย่าง นี่ก็จากมาตั้งหลายวันแล้ว เรื่องในบริษัทก็รอให้เขาไปจัดการด้วย
“เธอต้องพักผ่อนให้มากๆนะ”หลี่เหอไท้กำชับเซี่ยชีหรั่นไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาเย่เชินหลิน เอ่ยเสียงราบเรียบ “นายก็เหมือนกัน”
“ขอบคุณ”เย่เชินหลินเอ่ยตอบไปสั้นๆเพียงสองคำ หลี่เหอไท้พยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก เขาหมุนตัวเดินจากไปทันที
หากจะพูดเรื่องขอบคุณ หลี่เหอไท้ก็ต้องขอบคุณเขา ที่เขาสามารถรอดมาได้ ไม่ทำให้เซี่ยชีหรั่นผิดหวัง เขาก็ต้องขอบคุณเขาอยู่แล้ว
ไห่ลี่หมินได้มอบหมายงานต่างๆให้คนอื่นไปแล้ว เพราะฉะนั้นสองสามวันเขาจึงเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวันทั้งคืน ต่อให้จงหวีฉวนโทรมาตามด้วยตัวเองว่าเขารีบกลับไปทำงาน เขาก็ไม่ยอมกลับไป ซึ่งได้สร้างความโมโหให้แก่จงหวีฉวนเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนสมัย จงหวีฉวนจะเปลี่ยนหัวหน้าก็ไม่ได้ และที่สำคัญไห่ลี่หมินได้กุมหลักฐานของเขาไว้จำนวนมาก เขาเองก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ได้แต่อดทนไห่ลี่หมินไปก่อนชั่วคราว พลางคิดในใจว่ารอให้เขาก้าวไปอีกนิด จะให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้ได้เห็นดีกัน
“ฉันไม่ได้ตาย นายกลับไปทำงานเถอะ”เย่เชินหลินเอ่ยกับไห่ลี่หมินที่นั่งอยู่บนโซฟา
ไห่ลี่หมินเอ่ย“ฉันแอบผิดหวังไม่น้อยเลย ที่นายไม่ตาย”
หลินหลิงที่ทำเรื่องต่างๆเรียบร้อยแล้วก็ยืนอยู่ในห้องคนไข้เช่นกัน เมื่อได้ฟังคำหยอกล้อประโยคนี้ของไห่ลี่หมิน เธอก็แอบถอดถอนใจ
รู้ว่าเขาแค่ล้อเล่น แต่ทำไมมันจะไม่ใช่การแสดงความคิดที่แท้จริงของเขาล่ะ เขาเห็นว่าเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นจะคืนดีกันแล้ว คาดว่าต่อไปเขาคงจะยิ่งไม่มีโอกาสเข้าใกล้เซี่ยชีหรั่นแล้วล่ะมั้ง
เย่เชินหลินเพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร
ไห่ลี่หมินก็ไม่พูดล้อเล่นอีก หากแต่เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง“นายคิดจะจัดการเจ้าหญิงหย่าฮุ่ยยังไง สองสามวันมานี้ เรื่องนี้ได้เดือดพล่านไปทั่วแล้ว เรื่องที่นายจี้บนเครื่องบินไม่ได้รู้กันแค่คนสองคนนะ ทางประเทศฝานหลายก็น่าจะส่งคนมาเจรจากับทางการทูตแล้ว หากไม่ใช่เพราะนายยังอยู่ในห้องไอซียู คาดว่าป่านนี้คงเจอตัวนายไปนานแล้ว”
เชิญมานั้นง่าย แต่ส่งไปนั้นยาก สิ่งที่ไห่ลี่หมินกังวลมากที่สุดก็คือเมื่อเย่เชินหลินหายดีแล้ว ทางประเทศฝานหลายจะไม่ยอมรามือง่ายๆ
แม้ว่าประเทศฝานหลายจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็ได้เกี่ยวข้องมาถึงทางการทูตแล้ว เย่เชินหลินอาจไม่ได้รับการปกป้องจากรัฐบาล
ตอนนั้นเป็นสถานการณ์คับขัน ทั้งๆที่รู้ดีว่าจะเกิดปัญหาที่ยุ่งยากยิ่งกว่าตามมาข้างหลัง แต่เย่เชินหลินก็ไม่มีเวลามานั่งสนใจแล้ว
ขณะนี้เขานึกเงียบไปชั่วครู่ เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นมองเขาอย่างเป็นกังวล เขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“มันไม่มีอะไรยากหรอก ฉันได้เตรียมแผนรับมือไว้เรียบร้อยแล้ว ”
“คุณโกหก เย่เชินหลิน นายนอนหมดสติอยู่ตลอดเวลา ไปคิดวางแผนมาเมื่อไหร่กัน”เซี่ยชีหรั่นลุกพรวดขึ้นจากเตียง เย่เชินหลินขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงทุ้ม “นอนลงไป”
เซี่ยชีหรั่นไม่อยากทำให้เย่เชินหลินโมโห จึงนอนลงไปบนเตียงอย่างว่าง่ายอีกครั้ง
“หลินต้าฮุยล่ะ”เย่เชินหลินถามหลินหลิง หลินหลิงบอกว่าหลินต้าฮุยกลับไปจัดการธุระที่บริษัทแล้ว
“เธอบอกเขาว่าจัดการเสร็จแล้วให้รีบกลับมา เรื่องของเจ้าหญิงหย่าฮุ่ย ต้องให้เขาไปจัดการ”
“ค่ะคุณเย่”หลินหลิงตอบ
“ไห่ นายกลับไปเถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ก็จะจบลง ต่อไปสองพี่น้องนั่นก็จะไม่มีเวลาและกำลังที่จะมาตงเจียงได้อีกแล้ว”เย่เชินหลินพูดแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งไห่ลี่หมิน เซี่ยชีหรั่นและหลินหลิงต่างก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอย่างไรกันแน่
แต่ดูจากท่าทางของเขามีแผนการในใจแล้ว ไห่ลี่หมินก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก
“หลินหลิง เธอก็กลับไปเถอะ ให้เสี่ยวเหอมาแทน ไห่ ช่วยไปส่งหลินหลิงหน่อยนะ”
ทั้งหลินหลิงและไห่ลี่หมินต่างฟังจุดประสงค์ที่ต้องการจับคู่ของเย่เชินหลินออกอยู่แล้ว ถ้าหากตอนที่ไห่ลี่หมินมา ไม่ได้เห็นภาพที่หลินหลิงสร้างความลำบากใจให้เซี่ยชีหรั่นขนาดนั้นเพื่อเย่เชินหลิน เขาอาจอยากจะมีโอกาสอีกสักครั้ง หากหลินหลิงไม่ได้เห็นไห่ลี่หมินออกหน้าแทนเซี่ยชีหรั่น เธอก็คงหวังที่จะได้สร้างความสัมพันธ์กับไห่ลี่หมิน
ทว่าเขาทั้งคู่ในขณะนี้ ต่างคิดว่าคนที่อีกฝ่ายชอบคือคนอื่น จึงได้ก่อกำแพงป้องกันขึ้นมาในใจทั้งคู่
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเย่ ฉันอยู่ที่นี่ดีกว่า คุณเพิ่งฟื้นขึ้นมา และเสี่ยวเหอก็ไม่รู้เรื่องความเคยชินต่างๆในการใช้ชีวิตของคุณด้วย ฉันไม่กลับค่ะ กลับไปแล้วฉันไม่วางใจ”แม้ว่าน้ำเสียงของเธอยังคงเยือกเย็นอยู่บ้าง แต่ความห่วงใยนั้นกลับมากมายเกินบรรยาย
ไห่ลี่หมินกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มเล็กน้อย พร้อมเอ่ยอย่างประชดประชัน“นายไม่ควรจะให้คุณผู้ช่วยหลินกลับไป คุณผู้ช่วยหลินเกือบจะถวายตัวตายตามเจ้านายไปเลยนะ ตอนนี้จะให้เธอกลับไป มันก็เท่ากับเอาชีวิตเธอไปน่ะสิ”
เย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นมองตาและส่งยิ้มให้กัน ใครจะฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของไห่ลี่หมินนั้นหึงมากขนาดไหน
หลินหลิงหันมามองไห่ลี่หมินอย่างเยือกเย็น เอ่ยเสียงแข็ง“คุณไห่คะ โปรดอย่ารบกวนการพักผ่อนของคุณเย่อีกเลยค่ะ เชิญกลับเถอะ”
“ฉันจะอยู่กับชีหรั่นตามลำพัง ถ้ามีเรื่องอะไรฉันจะโทรหาเธอเอง เธอก็ไปหาที่พักผ่อนเถอะ”เย่เชินหลินบอกกับหลินหลิง
“ค่ะคุณเย่”หลินหลิงเอ่ยตอบ ก่อนจะหมุนตัวและสาวเท้ายาวเดินออกไป
“ยังไม่รีบไปอีก”เย่เชินหลินชักสีหน้าใส่ไห่ลี่หมิน
“ไปทำไม ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย”
หลังจากที่ไห่ลี่หมินพูดประโยคนี้จบ ก็ออกไปเช่นกัน
ปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่เย่เชินหลินคิดว่า หลินหลิงแสดงออกว่าห่วงใยเขาขนาดนั้น ไห่ลี่หมินก็ต้องหึงเป็นแน่ แต่ต้องตามเธอไปอย่างแน่นอน
และเป็นไปตามที่เย่เชินหลินคิดไว้ไม่มีผิด ไห่ลี่หมินและหลินหลิงต่างทยอยเดินมาจนถึงหน้าลิฟต์ ลิฟต์ยังไม่ขึ้นมา ไห่ลี่หมินชำเลืองมองหลินหลิงเล็กน้อยด้วยสีหน้าบึ้งตึง หลินหลิงทำราวกับมองไม่เห็น
“คราวก่อนมันหมายความว่ายังไง”สุดท้ายไห่ลี่หมินก็อดใจไม่ไหว เป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นก่อน
“ดิฉันไม่รู้ว่าคุณไห่พูดเรื่องอะไร ขอโทษนะคะ ตอนนี้ดิฉันไม่อยากพูดค่ะ”หลินหลิงเย็นชามาก
คราวก่อน หากเขาไม่พูดเรื่องคราวก่อน เธออาจจะไม่เสียใจมากขนาดนั้น
ในงานวันเกิดของเย่เชินหลิน เขาพูดไว้อย่างดิบดี ว่าจะจัดงานฉลองวันเกิดให้เย่เชินหลิน แต่เขากลับยืนกอดเซี่ยชีหรั่นอยู่ข้างนอก
หากไม่ใช่เพราะเธอเห็นภาพนั้นกับตาตัวเอง เธอก็ไม่มีทางเชื่อว่าเขาเป็นคนต่อหน้าอีกอย่างลับหลังอีกอย่างแบบนี้
เธอได้รับปากไห่ลี่หมินไว้ว่า หลังจากช่วยจัดงานวันเกิดให้เย่เชินหลินเสร็จแล้ว เขาจะเลี้ยงข้าวเธอเป็นการตอบแทน เธอรับปากไว้ว่าจะไป แต่เนื่องจากเห็นภาพบาดตาบาดใจพวกนั้น เมื่อไห่ลี่หมินมาหาเธอ เธอกลับปฏิเสธเขาไปอย่างเยือกเย็น
ไห่ลี่หมินก็เป็นคนรักในศักดิ์ศรีมาก ไม่ได้บังคับเธอ บวกกับงานที่หลินเจียงก็ยุ่งมาก เขาจึงได้เดินทางกลับหลินเจียงไปอย่างรวดเร็ว
ประตูลิฟต์เปิดออก ข้างในนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน หลินหลิงแอบลังเลในใจ เมื่อเห็นลิฟต์ที่ว่างเปล่านั้น
ถ้าเข้าไป พื้นที่คับแคบขนาดนั้น พวกเธออาจจะทำตัวไม่ค่อยถูก
แต่ถ้าไม่เข้าไป เธอก็จะดูใจแคบ และจะทำให้เธอดูแคร์มัน
หลินหลิงได้ทำสงครามความคิดด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอยู่หนึ่งวินาที จนท้ายที่สุดก็ได้ก้าวเข้าไป
ร่างสูงใหญ่ของไห่ลี่หมินก็เดินตามหลังเธอเข้าไปในลิฟต์เช่นกัน ทั้งคู่ต่างยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูพร้อมกัน หลินหลิงกดก่อนและไห่ลี่หมินตามหลังเล็กน้อย
มือของทั้งคู่ได้สัมผัสกันเล็กน้อย ก่อนที่หลินหลิงจะรีบชักมือกลับราวกับโดนไฟช็อต
ไห่ลี่หมินก็นำมือออกเช่นกัน และแล้วประตูลิฟท์ก็ได้ปิดลงอย่างอัตโนมัติ ทว่ากลับไม่ได้กดเลขชั้น ลิฟต์จึงได้ค้างอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน
บรรยากาศภายในลิฟต์ดูจะอึดอัดผิดปกติ ไห่ลี่หมินเอ่ยถามหลินหลิงขึ้น ด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย“ไม่อยากพูดหรือว่าเป็นห่วงเย่เชินหลินกันแน่”
“แล้วไงคะ เหมือนว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณไห่นะคะ”หลินหลิงก็ตอบกลับไปอย่างประชดประชันเช่นกัน เมื่อเห็นเขายื่นนิ่งอยู่กับที่ เธอจึงยื่นมือไปกดเลขชั้นหนึ่ง
ลิฟต์ค่อยๆลงไป ไห่ลี่หมินพูดขึ้นอีก“เกี่ยวสิ เย่เชินหลินเป็นเพื่อนของฉัน เซี่ยชีหรั่นคือผู้หญิงที่ฉันชอบ ฉันแค่อยากจะเตือนเธอ ว่าให้จัดการความรู้สึกของเธออย่างเหมาะสม อย่าไปส่งผลกระทบต่อพวกเขา”
ลิฟต์ได้หยุดลง ท่ามกลางความเงียบของหลินหลิง ทันทีที่ลิฟต์หยุด หลินหลิงก็รีบสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็วทันที
ฝีเท้าของไห่ลี่หมินกลับชะลอลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังที่ซื่อและตรงของหลินหลิง รู้สึกผู้หญิงคนนี้ช่างหัวแข็งจนน่าโมโหเหลือเกิน
เย่เชินหลิน ถ้านายยังพูดถึงเธอและจับคู่เธอต่อหน้าฉันอีก ฉันจะต่อยให้ปากแตกไปเลยคอยดู
ในที่สุดภายในห้องคนไข้ก็เหลือเพียงเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นกันสองคน ทั้งคู่ต่างจ้องมองกันอยู่นานสองนาน ภายในใจมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด ทว่าจุๆกลับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากที่ไหนดี
“คนใจร้าย ทำไมคุณต้องให้เขาเอาผ้าขาวมาคลุมหน้าคุณ ไม่รู้หรือไงว่าเขาถือกัน”เซี่ยชีหรั่นเห็นผ้าปูเตียงที่ขาวสะอาดนั้น ก็นึกถึงเรื่องที่เย่เชินหลินถูกคลุมหน้า จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงมีความกลัวเล็กๆในใจอยู่
“มันมีอะไรน่าถือกัน พวกนักแสดงก็ทำแบบนี้เป็นประจำไม่ใช่หรือไง”เย่เชินหลินกลับพูดอย่างสบายๆไม่คิดมาก
“แล้วคุณเป็นนักแสดงหรือไง”เซี่ยชีหรั่นชักสีหน้าถามกลับไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะพูดต่ออย่างจริงจัง “ขืนคุณยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีก ฉันจะไม่สนใจคุณ ฉันจะไม่สนใจคุณตลอดไปเลย”
“เธอขอฉันแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่สนใจฉันล่ะ ฉันคือสามีของเธอนะ”
คำพูดของเย่เชินหลินทำให้เซี่ยชีหรั่นนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เธอจะขอเขาแต่งงาน หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
เขายังไม่ได้ขอเธอแต่งงานเลยด้วยซ้ำ เธอรุกขนาดนี้ เขาจะหัวเราะเยาะเธอหรือเปล่านะ และเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นผู้หญิงที่เป็นฝ่ายพูดก่อนด้วย
แต่พอเธอคิดไปคิดมา เหมือนว่าตอนนั้นเย่เชินหลินไม่ได้สวมแหวนวงนั้นเข้าไปด้วยซ้ำ เขาแสร้งทำเป็นมือแข็ง เธอจึงสวมเข้าไปไม่ได้
“คุณไม่ได้รับปากฉัน เพราะฉะนั้นไม่นับ”เซี่ยชีหรั่นพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset