สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 913 สาวใช้ตัวแสบ 817

ตอนที่ 913 สาวใช้ตัวแสบ 817
ฉันกลัว ดังนั้นฉันเลยบอกสามีให้พาเด็กๆ ออกไปเที่ยวในช่วงนี้ ที่จริงแล้วฉันกลัวจริงๆ ว่าฉันจะเจออุบัติเหตุบางอย่าง และกลัวว่ามันจะทำร้ายพวกเขา
สามีเป็นคนดี เขาสามารถเลี้ยงลูกสองคนและช่วยฉันดูแลพ่อแม่ และช่วยฉันเลี้ยงหลานสาวเป็นอย่างดี
ถึงฉันวางใจกับเรื่องพวกนี้ ฉันก็กลัว ยังไม่อยากตาย ฉันยังสาวอยู่เลย เซี่ยชีหรั่น เธอปล่อยฉันไปได้ไหม?
เซี่ยชีหรั่นหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ขมวดคิ้วและส่ายศีรษะ “ปลอม ทั้งหมดนี่เป็นของปลอม! นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง! มันเป็นเรื่องไร้สาระ มันไม่มีอะไรเลย ทั้งหมดถูกปลอมแปลงขึ้นมา! นี่ต้องไม่ใช่ที่พี่ส้งเขียนแน่ๆ นี่มันแปลกเกินไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะปั้นน้ำเป็นตัวแบบนี้”
“คุณไม่ต้องตื่นเต้น ถ้าเป็นความเท็จก็จะไม่ถูกพูดว่าเป็นความจริง ถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะไม่ถูกพูดว่าเป็นความเท็จ เราจะมีคนจดบันทึกเพื่อพิสูจน์ความจริง ระบุว่าเป็นลายมือเธอหรือไม่จะได้ผลลัพธ์ทันที”
คำพูดของเขาทำให้เซี่ยชีหรั่นสงบลงนิดหน่อย ใช่แล้ว เธอควรเชื่อมั่นสิ แค่เธอไม่ได้ทำจริงๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่อาจใส่ร้ายเธอได้
“นี่คือรูปถ่ายที่เกิดเหตุ คุณดูสิ”
ในรูปภาพ เลือดสาดกระจายบนพื้นห้อง พี่ส้งนอนจมกองเลือด
เซี่ยชีหรั่นเห็นภาพเหล่านี้ หัวใจก็ถูกบีบรัด เธอทนมองตรงไม่ได้ มองแวบเดียวก็เบนสายตาออกมา
โหดร้ายเกินไปแล้ว! ไม่ว่าใครอยากใส่ร้ายเธอ ทำกับชีวิตคนแบบนี้มันโหดร้ายเกินไป
“เราเก็บลายนิ้วมือบนอาวุธสังหารแล้ว ตอนนี้รบกวนคุณให้ลายนิ้วมือคุณด้วยครับ”
เซี่ยชีหรั่นตกใจ พี่ส้งตายในห้องครัว และเธอช่วยเธอหั่นผัก เธอสงสัยว่าอาวุธสังหารอาจจะเป็นมีดทำครัวอันนั้น แน่นอนว่ามันมีลายนิ้วมือ!
แต่เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่ให้ความร่วมมืออีกฝ่ายในการเก็บลายนิ้วมือ แต่เธอต้องการที่จะอธิบายให้ชัดเจน
หลังจากเอาลายนิ้วมือเธอไปแล้ว เธอถึงพูดขึ้น “คุณคะ ฉันไปที่บ้านพี่ส้งจริงๆ เธอบอกให้ฉันอยู่กินข้าวที่บ้านเธอ เพราะฉันบอกว่าฉันรีบไป เธอบอกว่ากลัวทำให้ฉันเสียเวลาเลยให้ฉันช่วยเธอหั่นผัก ฉันก็ช่วยเธอไป ถ้ามีดสังหารคือมีดทำครัวล่ะก็ ด้านบนมันต้องมีลายนิ้วมือฉันอยู่แน่นอน”
“เราจะจดบันทึกเรื่องพวกนี้ไว้ครับ”
“คุณไปถึงบ้านผู้ตายกี่โมง”
“ประมาณหกโมงค่ะ” เซี่ยชีหรั่นตอบตามความจริง
“คุณไปทำอะไรที่บ้านผู้ตาย? ”
“ฉันบอกไปแล้ว เย่เชินหลิน คู่หมั้นฉันเคยช่วยหลานสาวพี่ส้งที่ชื่อต้าเฟิ่งเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมต้น เมื่อวานพี่ส้งมาหาฉันแล้วบอกว่าอยากขอบคุณฉัน เธอเอาสินค้าเกษตรมาให้ฉันมากมาย บอกว่าต้าเฟิ่งปลูกเองที่บ้านชนบท เธอบอกว่ามันคือน้ำใจของหลานสาวเธอ ฉันต้องรับไว้ และเธอบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาของมากมายพวกนี้ขึ้นรถจักรยานไฟฟ้า และล้มบนถนนสองครั้ง ถ้าฟ้ามืดแล้วต้องนำของมากมายพวกนี้กลับบ้านไปจะอันตรายอย่างมาก และไม่สะดวกด้วย ฉันมีรถพอดี ไม่อยากให้เธอลำบากใจ ฉันก็เลยรับมันไว้”
“แปลว่าเมื่อวานนี้คุณติดต่อกับผู้ตายใช่ไหม? ”
“ใช่”
“ว่าต่อไปเลยครับ วันนี้ที่คุณไปบ้านผู้ตายกับที่คุณเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เกี่ยวข้องอะไรกัน? ”
“เพราะฉันต้องไปกินข้าวที่บ้านพ่อแม่สามี คิดว่าของพวกนี้เหมาะกับผู้สูงอายุ เลยนำของถุงใหญ่ไปที่บ้านเธอ หลังจากกินข้าวแล้วฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อสามีบอกว่าในถุงที่เธอให้มามันมีเงินหนึ่งหมื่นหยวนซ่อนอยู่ ฉันเดาว่านี่คงเป็นสิ่งที่เธอเอามาให้เพื่อขอบคุณฉันที่ช่วยหลานสาวเธอโดยเฉพาะล่ะมั้ง ตอนนั้นฉันก็บอกแม่สามีว่าฉันเอาเงินเธอไม่ได้หรอก เพราะสถานะของพ่อสามีค่อนข้างพิเศษ เราทุกคนกลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงเขา แม่สามีเลยเตือนฉันว่าอย่าคืนเงินเธอในบริษัทนะ กลัวคนอื่นเห็นแล้วจะมองไม่ดี พี่ส้งก็ไม่ได้มาทำงานพอดี ฉันเลยไปที่บ้านเธอเพื่อคืนเงินให้เธอเอง!”
“คุณออกมาจากบ้านผู้ตายประมาณกี่โมง? ”
“เกือบหกโมงครึ่งค่ะ ตอนนั้นพี่ส้งรับโทรศัพท์บอกว่าพ่อเธอเป็นลม ไม่สะดวกชวนฉันกินข้าวแล้ว ฉันเลยออกมา”
“ตอนคุณออกมาจำเวลาละเอียดได้ไหม? ”
“จำไม่ได้ ฉันไม่ได้มองเวลา แต่……ในโทรศัพท์ฉันน่าจะมีบันทึกการโทร ฉันรับสายจากพ่อ จากนั้นฉันก็ออกมา”
“ตอนออกมามีใครเห็นคุณไหม? ”
“มีเพื่อนบ้านสองคน และตอนลงมากำลังจะขึ้นรถก็เจอหลานสาวพี่ส้งที่ชื่อต้าเฟิ่ง เธอขอให้ฉันอยู่กินข้าวด้วย ฉันจำได้ว่ามือเธอถืออาหารตุ๋น ฉันบอกเธอว่าปู่เธอเป็นลม เธอก็รีบขึ้นไปข้างบน จากนั้นฉันก็กลับไปบ้านแม่ฉัน” เซี่ยชีหรั่นตอบตามความจริง
“หลานสาวเธอนั่นแหละที่แจ้งความ พอพวกคุณเจอกันเธอขึ้นไปก็เห็นผู้ตายล้มลงบนพื้น จากมุมมองนี้ คุณมีเวลาที่จะก่ออาชญากรรม หลังจากที่เรามาถึงที่เกิดเหตุก็ตรวจวัดอุณหภูมิศพ เวลาตายคือก่อนที่คุณจะออกมา”
“แล้วก็คุณลองอ่านอีกหน้าของไดอารี่”
เซี่ยชีหรั่นถึงสังเกตเห็นว่าไดอารี่ถูกเปิดออก เธอเริ่มอ่านหนึ่งหน้าในนั้น ข้างๆ ยังมีอีกหน้า แสดงเวลาเมื่อคืนวาน ไดอารี่เขียนแบบนี้: วันนี้จู่ๆ เซี่ยชีหรั่นก็ถามฉันว่าหลานสาวฉันมาจากชนบทใช่ไหม ที่บ้านปลูกพืชผลเยอะมากไหม เช่นมันเทศและอื่นๆ ฤดูกาลนี้มีหรือเปล่า ฉันไม่เข้าใจว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ แต่คิดว่าถ้าเชื่อฟังเธอ เธออาจจะปล่อยฉันไป ฉันบอกตามตรงว่าหลานสาวฉันทำพลาดที่บ้าน และตอนนี้ที่นามีมันเทศและเกาลัดด้วย
เธอบอกให้ฉันเอาของเหล่านี้มาให้เธอ และให้เอามามากหน่อย ฉันไม่รู้ว่าจุดประสงค์เธอคืออะไร ฉันวุ่นวายใจ ฉันทำได้แค่ต้องฟังเธอเท่านั้น
โชคดีตอนต้าเฟิ่งกลับมาเอาอาหารถุงใหญ่มาให้ฉัน ฉันเลยเอาของเหล่านั้นให้เซี่ยชีหรั่น
ตอนฉันให้ของพวกนี้กับเธอที่หน้าประตูบริษัท เธอแสร้งทำเป็นไม่เอา เพราะเธอเคยช่วยเหลือฉัน ฉันเลยกล่าวขอบคุณเธอเยอะมาก บอกว่าเธอต้องรับมัน เธอถึงรับมันไป
กลับถึงบ้านฉันยิ่งกลัว ฉันคิดว่าพรุ่งนี้ฉันไม่สามารถไปทำงานได้แล้ว รู้สึกว่าเจอเธอแล้วมีอันตราย
ฉันวางแผนพักผ่อนที่บ้านสองวันแล้วจะลาออก หวังว่าหลังจากที่ฉันลาออกแล้วเซี่ยชีหรั่นจะไม่รู้สึกว่าฉันคุกคามเธออีก ค่อยๆ ลืมฉันไปได้
เซี่ยชีหรั่นอ่านเงียบๆ เธอไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจเหมือนตอนแรก
สัญญาณทุกอย่างมันแสดงให้เห็นอีกครั้ง อีกฝ่ายอยากเอาเรื่องนี้มาตำหนิเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด
ในช่วงเวลาเกิดเหตุ มีลายนิ้วมือเธอบนอาวุธที่ก่อเหตุ แถมมีลายนิ้วมือล่าสุดของเธอบนกองเงินหมื่นหยวน สมุดไดอารี่สองแผ่นนี้น่าจะแสดงให้เห็นว่าเธอมีแรงจูงใจในการก่ออาชญากรรม เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธออยากเคลียร์ข้อกล่าวโทษมันก็ยิ่งเป็นเรื่องยากจริงๆ
ทำอย่างไรดี? มีใครช่วยเธอได้?
เรื่องนี้ใครรับผิดชอบ? หรือว่าที่เจ้าหญิงหย่าฮุ่ยถูกปล่อยออกมา คือเธอเป็นคนวางแผน? ไม่ได้ยินข่าวด้านนี้ด้วย และเย่เชินหลินเคยบอกว่า เขาส่งคนมาอยู่ที่ฝานหลายแล้ว เมื่อราชวงศ์เคลื่อนไหวเขาจะรู้ทันที
งั้นจะเป็นใคร?
พ่อของเธอจงหวีฉวนเหรอ?
ดูรายละเอียดจากตอนที่เธอเกิดเรื่องจงหวีฉวนก็รีบมาทันที เป็นไปได้จริงๆ ที่เขาจะมีส่วนร่วม เพียงแต่……เขาวางแผนให้ลูกสาวตัวเองเป็นฆาตกร มันมีประโยชน์อะไรกับเขากัน?
ครั้งที่แล้วที่ส้งหลิงหลิงได้รับการช่วยเหลือ การปรากฏตัวของนักข่าวเหล่านั้นทำให้เซี่ยชีหรั่นเข้าใจสิ่งหนึ่ง นั่นคือพ่อแท้ๆ ของเธอเหมือนอยากจะจัดการตระกูลเย่อยู่ตลอดเวลา
จุดประสงค์เขาชัดเจนมาก ประธานเย่มีชื่อเสียงมากกว่าเขา พวกเขาเป็นคู่แข่งกัน หรือเขาจะใส่ร้ายลูกสาวเขาว่าเป็นฆาตกรเพื่ออยู่เหนือกว่าจริงๆ?
เขาอยากเอาความบริสุทธิ์ของเธอไปแลกเงื่อนไข บังคับให้เย่เชินหลินและเย่เฮ่าหรันยอมศิโรราบหรือเปล่า?
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ และความเป็นไปได้นี้ก็สูงมาก
แน่นอนว่าเธอเคยได้ยินเหมือนกันว่าจงหวีฉวนเป็นคนชั่วร้าย และไม่ทำเพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างจริงใจ ถ้าระหว่างเขาและประธานเย่สองคนให้เลือกเพียงคนเดียว เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าคนคนนั้นควรเป็นประธานเย่
เธอคิดว่าถึงแม้ลายนิ้วมือบ่งบอกว่าเป็นของเธอ ก็ยังมีไดอารี่ที่พี่ส้งเขียน ถ้าระบุลายมือว่าไม่ใช่เธอเป็นคนเขียนไดอารี่ ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเธอเป็นคนทำหรือไม่
และถ้าอยากเชื่อว่าเธอเป็นคนฆ่า เธอเห็นเลือดกระเซ็นบนภาพถ่ายที่เกิดเหตุ แต่เสื้อผ้าเธอกลับขาวสะอาด ประเด็นนี้น่าจะคืนความบริสุทธิ์ให้กับเธอได้ล่ะมั้ง?
ตราบใดที่มันเป็นความเท็จ ไม่ว่ามันจะสมจริงแค่ไหน ก็มักจะมีช่องโหว่
เธอและโม่เสี่ยวจุนบริสุทธิ์ใจกันมาตลอด เธอเชื่อว่าเย่เชินหลินจะเชื่อใจเธอ ครั้งแรกของเธอ เธอตะกุกตะกักขนาดนั้น เขาจะไม่รู้สึกเหรอ?
เซี่ยชีหรั่นเงียบ คิดว่าเย่เชินหลินในตอนนี้ได้อยู่และตายไปด้วยกันกับเธอ น่าจะเชื่อใจเธอ แต่เย่เชินหลินแต่ก่อนล่ะ?
เขาก็เคยสงสัยเธอทุกอย่าง พะวงใจอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกของเธอกับโม่เสี่ยวจุน เมื่อนึกถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ในใจเธอก็มีเรื่องถกเถียงขึ้นมาอีกครั้ง
เงียบไปสักพักหนึ่ง เธอก็คิดว่าเรื่องพวกนี้จริงๆ แล้วเธอควบคุมมันไม่ได้แล้ว พวกมันอยากใส่ร้ายเธอก็ทำให้เรื่องมันสมจริง เย่เชินหลินจะเชื่อใจเธอหรือไม่ แม้แต่หน้าเขาเธอก็อาจจะไม่เห็น ไม่มีโอกาสได้อธิบายเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะคิดมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไร เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความหวาดผวาในใจเธอก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset