สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 961 สาวใช้ตัวแสบ865

ตอนที่ 961 สาวใช้ตัวแสบ865
เธอนั้นเริ่มเหม่อลอย และคิดที่จะเดินจากไป แต่ไม่ทันระวังจึงได้เดินจนกับชั้นวางดอกไม้!
เสียงกระแทกเล็กๆเสียงนั้นกลับดังขึ้นเพราะค่ำคืนที่เงียบสงบ!
“ชีหรั่น?”ก่อนอื่นโม่เสี่ยวจุนก็ต้องขอเช็กให้แน่ใจก่อนว่าเงาหลังของคนที่กำลังจะเดินจากไปนั้นคือเงาของเซี่ยชีหรั่น!
“เย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นนั้นได้ยินเรื่องราวที่พวกเราคุยกันเกี่ยวกับจงหวีฉวน คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าช่วงนี้ดูจงหวีฉวนกับเซี่ยชีหรั่นนั้นสนิทสนมกันเป็นพิเศษ? ดังนั้นคุณก็ลองตัดสินใจเถอะ ตั้งแต่เล็กเซี่ยชีหรั่นนั้นก็โหยหาความรักจากพ่อ การที่จงหวีฉวน นั้นปรากฏตัวก็อาจที่จะชดเชยความรู้สึกของเธอในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาได้” ขณะที่เย่เชินหลินกำลังนั่งรถกลับมา เขาก็นั่งฟังโม่เสี่ยวจุนพูดอย่างเงียบๆ นี่คือสิ่งที่ทำให้ต้องหยุดชะงัก เพราะการที่จะต่อกรกับจงหวีฉวนก็ต้องนึกถึงความรู้สึกของเซี่ยชีหรั่นด้วย
เย่เชินหลินนั้นปวดหัวกับเรื่องนี้ที่สุด จงหวีฉวนนั้นก็เจ้าเล่ห์ แกล้งทำเป็นจิตใจดี จงใจทำดีกับเซี่ยชีหรั่น เพราะหวังที่จะหลอกใช้เธอ
เซี่ยชีหรั่นนั้นนั่งอยู่บริเวณด้านหน้าของหน้าต่าง เธอนั้นคิดว่าในเมื่อไม่สามารถที่จะช่วยอะไรให้กลับคืนมาได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกเขาดำเนินเช่นนี้ต่อไปเถอะ หากวันหนึ่งจงหวีฉวนไม่สามารถที่จะรักษาชีวิตของตนไว้ได้ เธอค่อยขอร้องเย่เชินหลิน เธอนั้นไม่อยากให้เย่เชินหลินต้องรู้สึกอึดอัดใจ เพราะอย่างน้อยเย่เชินหลินก็เป็นผู้ชายที่เธอนั้นรักมากที่สุด
เย่เชินหลินผลักประตูเข้ามาเห็นเซี่ยชีหรั่นนั้นนั่งอยู่บนเตียง เขานั้นรู้สึกเจ็บปวด หากผู้หญิงของเขามีความสุขก็คงจะดี
“ทำไมไม่รีบพักผ่อนล่ะ” เย่เชินหลินเดินเข้าไปกอดเซี่ยชีหรั่นแล้วพูดกับเธอเบาๆ
เมื่อเซี่ยชีหรั่นรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความหนาวเหน็บในใจก็ค่อยๆคลายลง เธอยืนมือทั้งสองออกไปกอดเย่เชินหลิน ก็คงจะทำได้แค่เพียงเท่านี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เซี่ยชีหรั่นนั้นมองไปที่ท้องของตนเอง ไม่รู้เลยว่าชีวิตน้อยๆอีกชีวิตหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฉันอยากจะรอคุณกลับมา ไม่มีคุณอยู่ด้วย ฉันรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่”เซี่ยชีหรั่นเงยหน้าขึ้นมองเย่เชินหลิน นี่คือผู้ชายที่เธอรัก เธอนั้นรับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เย่เชินหลินได้ทำลงไปนั้นก็เพื่อเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะให้เย่เชินหลินต้องรู้สึกลำบากใจ
“ใช่แล้ว เชินหลิน วันนี้ฉันรู้สึกว่าพ่อนั้นแปลกๆ ตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเขา แต่ฉันบังเอิญเหลือบไปเห็นสีหน้าลังเลของเขา เหมือนกับว่าเขานั้นกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดจากอะไรสักอย่าง” เซี่ยชีหรั่นก็อธิบายสถานการณ์ของเย่เฮ่าหรันไม่ถูกเช่นกัน หลังจากที่เย่เชินหลินได้ฟังดังนั้น ภายในใจก็เริ่มครุ่นคิด คราวที่แล้วที่ฝู้เฟิ่งหยีกับคุณหมอบอกเขาอย่าพยายามอย่าให้เย่เฮ่าหรันต้องมีเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจ ช่วงนี้เขาก็ยุ่งในหลายๆเรื่อง จึงไม่ได้สังเกตในส่วนตรงนี้
“เขาว่ายังไงบ้าง?”เย่เชินหลินครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตัดสินใจถามขึ้น
“พ่อบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านพูด มันเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น”เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินแล้วพูดขึ้นว่า:“เชินหลิน พวกเราพาพ่อไปหาหมอหน่อยดีไหม”แม้ว่าตอนนี้เย่เฮ่าหรันจะยังไม่ใช่พ่อสามีของเธออย่างเป็นทางการ แต่โดยปกติเย่เฮ่าหรันนั้นก็ดีต่อเซี่ยชีหรั่นมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงเป็นห่วงเขามาก
“คงไม่มีอะไรหรอก”แม้ว่าเย่เชินหลินจะพูดขึ้นว่าคงไม่มีอะไรหรอกแต่ใจในของเขานั้นก็วางแผนไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเย่เฮ่าหรันนั้นมีอาการที่ไม่ดี เขาก็จะรีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลที่ต่างประเทศทันที ส่วนหมอด้านหัวใจที่ดีที่สุด เขานั้นก็ได้ติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเซี่ยชีหรั่นได้ยินเย่เชินหลินพูดเช่นนั้น เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้น และไม่ได้เก็บมาคิด แม้ว่าเย่เชินหลินจะไม่เคยเรียกเย่เฮ่าหรันว่าพ่อเลย แต่เซี่ยชีหรั่นก็รับรู้ได้ว่าเย่เชินหลินนั้นก็เป็นห่วงเย่เฮ่าหรันอยู่ไม่น้อย
“ชีหรั่น คุณต้องเชื่อใจผมนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมไม่มีทางทำร้ายคุณอย่างแน่นอน”หลังจากที่เย่เชินหลินนั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้น สายตาของเขานั้นจริงจัง ช่วงนี้จงหวีฉวนนั้นเริ่มกระทำการบางอย่าง เขาจึงจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน
“ได้ค่ะ เพราะฉันก็เชื่อใจคุณมาตลอดอยู่แล้ว”เซี่ยชีหรั่นก้มหัวลงอิงกับเย่เชินหลิน ภายในใจนั้นคิดถึงจ้าวเหวินอิง แม่คะ แม่คิดว่าฉันควรที่จะพอใจแล้วใช่ไหมคะ เย่เชินหลินก็บอกแล้วว่าเขาจะไม่มีวันทำร้ายฉันอย่างแน่นอน
จ้าวเหวินอิงนั้นไม่ได้ยินสิ่งที่เซี่ยชีหรั่นถาม หล่อนนั้นกำลังยุ่งอยู่ ในฤดูใบไม้ผลินี้สุขภาพร่างกายของ หลี่หมิงจุ้นไม่ค่อยสู้ดีนัก อาการเก่าเริ่มกำเริบขึ้น ตลอดทั้งคืนมักจะนอนไม่หลับ จ้าวเหวินอิงก็เลยไม่ได้นอนตามเขาด้วย
“เหวินอิง ลำบากคุณแล้ว” หลี่หมิงจุ้นมองไปที่จ้าวเหวินอิงที่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ เขานั้นก็ไม่รู้จะหาคำอะไรมาอธิบายความรู้สึกนี้ได้ หลายปีมานี้คนก็เริ่มแก่ลง สุขภาพร่างกายก็ไม่แข็งแรงเหมือนสมัยก่อน โรคต่างๆก็ค่อยแสดงออกมา
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ ฉันเต็มใจ” ไม่มีคำพูดไหนที่จ้าวเหวินอิงนั้นโกหก หลี่หมิงจุ้นอายุมากกว่าหล่อนมากนั้นเป็นเรื่องจริง แต่หลี่หมิงจุ้นนั้นก็รักหล่อนด้วยความบริสุทธิ์ใจ ดูแลปกป้องหล่อน และสิ่งนี้เองที่ทำให้จ้าวเหวินอิงรู้ว่ารักแท้มันเป็นเช่นนี้เอง ซึ่งไม่เหมือนกับจงหวีฉวนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง
“อาการป่วยของผม คุณอย่าบอกเหอไท้นะ ผมกลัวว่าเขาจะเป็นห่วง และก็ไม่ต้องบอกชีหรั่นด้วย เด็กสองคนนั้นมีจิตใจที่ดี” หลี่หมิงจุ้นยื่นมือออกไปลูบหน้าผากของจ้าวเหวินอิง ภายใต้ค่ำคืนที่สงบเงียบ เขาก็รู้สึกว่าเขานั้นได้กลับไปสู่ช่วงวัยรุ่นอีกครั้ง ตอนนั้นพวกเขาทั้งสองนั้นหวานชื่นราวกับไม่มีอะไรสามารถมาขวางกั้นได้
“รู้แล้ว แต่คุณก็ไม่ควรปิดบังไว้นานเช่นนี้”จ้าวเหวินอิงพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ก็โรคเดิมๆแหละ ไม่มีอะไรน่าห่วง คุณวางใจเถอะ ”หลี่หมิงจุ้นพูดปลอบจ้าวเหวินอิง “ไม่ได้เจอเซี่ยชีหรั่นนานแล้ว พรุ่งนี้ให้เขามากินข้าวที่บ้านเรากันไหม”หลี่หมิงจุ้นรู้ว่าจ้าวเหวินอิงนั้นเป็นห่วงเด็กคนนี้มาก จึงได้เสนอความคิดนี้ขึ้น
“ขอบคุณมากค่ะ”จ้าวเหวินอิงพูดขึ้น
หลี่เหอไท้นั้นไม่ทราบว่าหลี่หมิงจุ้นนั้นป่วย เขากำลังพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้กับจงหยุนซางและไห่ลี่หมิน ไห่ลี่หมินจึงบอกกับหลี่เหอไท้ว่า หากถูกใจสาวสวยก็ต้องรีบหน่อย เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจงหวีฉวนนั้นจะพาจงหยุนซางจากไปเมื่อไหร่
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ หลี่เหอไท้นั้นก็ไม่ได้แสดงทัศนะใดใดออกมา และก็ไม่ได้ปฏิเสธ จงหยุนซางนั้นเดาใจหลี่เหอไท้ไม่ถูก เพราะเธอนั้นรู้ดีว่าหลี่เหอไท้นั้นแอบหลงรักเซี่ยชีหรั่นอยู่อย่างเงียบๆ เขานั้นชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนเช่นเดียวกับจ้าวเหวินอิง แต่หลี่เหอไท้ก็ไม่ได้ปฏิบัติที่จะใกล้ชิดกับจงหยุนซางมากขึ้น ซึ่งตอนแรกเริ่มจงหยุนซางนั้นก็ไม่ได้ชอบหลี่เหอไท้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็อดหวั่นไหวไม่ได้
“ช่วงนี้มีกิจกรรมอะไรเหรอ?”หลี่เหอไท้ตั้งใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ทำไมเหรอ คุณชายหลี่จะจัดกิจกรรมเหรอ?”ไห่ลี่หมินถามขึ้น เขาก็อยากที่จะเปิดโอกาสให้กับจงหยุนซางกับหลี่เหอไท้ จึงแกล้งพูดประโยคนี้ขึ้นมา
“ใช่แล้ว ผมยังอยากที่จะเชิญหลินหลิงมาร่วมด้วย ผมเชื่อว่าหากเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินช่วยกันพูด หลินหลิงจะต้องเชื่อฟังอย่างแน่นอน” หลี่เหอไท้พูดขึ้นอย่างนิ่งๆ เขายังจำงานเต้นรำครั้งนั้นได้ดี หลินหลิงและไห่ลี่หมินเขาทั้งสองคนนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก กระทั่งวันนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดถึง
จงหยุนซางก็ยังนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน เธอนั้นยิ้มอย่างเบิกบานใจและพูดขึ้นว่า: “ลี่หมินความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหลินหลิงช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินมาว่าสถานะของหล่อนนั้นลึกลับมาก หากไม่ได้เป็นเพราะเย่เชินหลิน หล่อนก็คงไม่มาเป็นผู้ช่วยของเขา แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าดอกไม้ดอกนี้กำลังจะถูกนำไปปักไว้ในแจกันของบ้านคุณ”
เมื่อไห่ลี่หมินรู้ว่าการที่หลินหลิงยอมทำงานอยู่ที่บริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปนั้นเป็นเพราะเย่เชินหลิน ภายในใจนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ และรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังอิจฉาเย่เชินหลินอยู่ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่ไห่ลี่หมินชอบก็ล้วนมีใจให้กับเย่เชินหลิน แต่ว่า เย่เชินหลินนั้นมีจิตใจที่มั่นคคงต่อเซี่ยชีหรั่นมาโดยตลอด ไม่ใช่หลินหลิง
“หยุนซางกับเหอไท้จะแต่งงานกันเมื่อไหร่เหรอ” ไห่ลี่หมินเพื่อที่จะกำจัดความคิดที่ไม่ดีของตนออกไปจึงได้รีบเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างรวดเร็ว เย่เชินหลินนั้นเป็นเพื่อนที่เขาเล่นด้วยมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ชอบหลินหลิง และเซี่ยชีหรั่นก็ชอบเย่เชินหลินมาตั้งแต่แรกแล้ว
“ยังเช้าอยู่เลย”หลี่เหอไท้พูดขึ้น
จงหยุนซางไม่ได้แสดงอะไรออกมา หล่อนก็คิดเพียงว่าพวกเขานั้นล้อเล่น ภายในใจของหล่อนนั้นรู้สึกคิดถึงพ่อ หล่อนนั้นไม่เข้าใจเลยว่า จงหวีฉวนนั้นคิดอะไรอยู่กันแน่
ในเวลานี้จงหวีฉวนนั้นค่อยลุกจากเตียง จากนั้นก็เดินมาบริเวณด้านหน้าของหน้าต่าง ในหัวของเขานั้นเต็มไปด้วยข่าวคราวที่อาซานนั้นได้บอกกับเขา ตอนนี้ส้งหลิงหลิงนั้นรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลโรคประสาท ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว
นอกจากนี้อาซานยังบอกอีกว่าส้งหลิงหลิงนั้นหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อแอบมาโทรศัพท์ จงหวีฉวนนั้นรู้สึกแปลกใจว่าส้งหลิงหลิงนั้นแอบโทรหาใคร แต่เนื่องจากหล่อนนั้นใช้โทรศัพท์สาธารณะ อาซานจึงไม่ทราบว่าหล่อนนั้นโทรหาใคร
หากนำส้งหลิงหลิงมาอยู่ข้างกาย หล่อนก็จะกลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่เอาไว้ต่อกรกับเย่เชินหลิน หากสามารถควบคุมเซี่ยชีหรั่นได้จงหวีฉวนก็เริ่มมองเห็นชัยชนะที่กำลังโบกมือเรียกเขาแล้ว
จงหวีฉวนนั่งลงบนเตียง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เมื่อกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรบานปลาย จึงคิดว่าตนควรที่จะรีบไปรับส้งหลิงหลิงกลับมา
วันรุ่งขึ้นช่วงเช้าตรู่จงหวีฉวนตื่นขึ้นมา เขาเปิดประตูเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ในเวลานี้คนใช้ของตระกูลจงยังไม่ตื่น เขาจึงหาที่โทรศัพท์เงียบๆ
“คุณรีบให้อาซานรีบไปตามหาส้งหลิงหลิงให้เจอ ส้งหลิงหลิงถูกเย่เชินหลินพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลประสาท”จงหวีฉวนนั้นไม่อยากที่จะรออีกต่อไป นี่ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว การเลือกตั้งที่สำคัญในปีนี้กำลังจะเริ่มต้นแล้ว แล้วเขาจะรอต่อไปได้อย่างไรกัน?
“ทราบแล้ว ประธานจงยังมีเรื่องอื่นอีกไหม?” คู่สนทนาของเขาพูดขึ้นด้วยความเคารพ น้ำเสียงยังแฝงไว้ซึ่งอาการหาวนอนหากไม่ได้เป็นเพราะสถานะของคนที่โทรมา เขาก็คงจะไม่รับสายแล้ว แต่ตอนนี้เขานั้นทำได้แค่เพียงด่าบรรพบุรุษในใจเท่านั้น!
“เรื่องอื่นนั้นพักไว้ก่อนดีกว่า ใช่แล้ว บอกให้อาซาน นั้นระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน อย่าให้ถูกจับได้ล่ะ”จงหวีฉวนนึกเรื่องของโม่เสี่ยวจุนขึ้นที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วได้ เขาจึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง จงหวีฉวนนั้นไม่อยากดันทุรังอีกต่อไป
หลังจากที่ออกคำสั่งไปแล้ว จงหวีฉวนก็นั่งอยู่ด้านล่างชั้นวางดอกไม้ครุ่นคิดถึงประโยชน์ของ เย่เชินหลิน จงหยุนซาง หลี่เหอไท้ ไห่ลี่หมิน ที่มีต่อเขา สมัยก่อนเย่เชินหลินเคยขอให้เขายอมให้จงหยุนซางกับหลี่เหอไท้ได้แต่งงานกัน ลูกเขยของเขาทั้งสองคนนั้นดีทั้งคู่ ตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่า จะจัดการกับสถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้านี้อย่างไร เมื่อพิจารณาถึงอำนาจของเย่เฮ่าหรัน เขาก็ยังรู้สึกถึงอันตรายอยู่ไม่น้อย
แววตาของจงหวีฉวนนั้นเริ่มกังวลขึ้น ดูเหมือนว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับเย่เฮ่าหรัน หากเขาต้องการตำแหน่งดังกล่าว ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำจัดเย่เฮ่าหรันเสียก่อน ทางที่ดีที่สุดก็คือทำให้เขานั้นตายจากไป จงหวีฉวนนั้นนึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่งที่จะทำให้เย่เฮ่าหรันนั้นโกรธ เพราะเขานั้นรู้ว่าเย่เฮ่าหรันนั้นเป็นโรคหัวใจ
ดูเหมือนว่า เขานั้นควรที่จะศึกษาเย่เฮ่าหรันให้ลึกกว่านี้ ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฮ่าหรันกับเย่เชินหลินนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หากสามารถใช้จุดอ่อนนี้ได้ จุดอ่อนนี้ก็จะกลายเป็นมีดที่แหลมคมมาก
หลังจากที่ลมพัดผ่านไป จงหวีฉวนก็รู้สึกถึงความหนาวเย็น เขานั้นมองออกไปข้างนอกพักหนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาในห้อง
“ทำไมถึงได้วิ่งออกไปอย่างกะทันหันล่ะ?” เยว่มู่หลานถามจงหวีฉวนด้วยความสงสัย หรือรีบไปโทรหาใครที่บอกใครไม่ได้?
“คุณจะมาสงสัยอะไร ผมก็แค่กลัวว่าจะรบกวนคุณ ตอนนี้ในใจผมคิดเพียงจะทำอย่างไรถึงจะได้นั่งในตำแหน่งนั้น กับบ้านหลังนี้ก็เท่านั้น ไม่เคยคิดเรื่องนี้”จงหวีฉวนครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นจึงได้เอ่ยปากขึ้น เขานั้นรู้จักนิสัยของเยว่มู่หลานเป็นอย่างดี หากไม่ปลอบประโลมหล่อนสักสองสามประโยค หล่อนก็คงจะโกรธ
เมื่อเยว่มู่หลานได้ฟังเช่นนั้น หล่อนก็หันหลังกลับไปอย่างเงียบๆ จากนั้นก็นอนหลับต่อ
จงหวีฉวนก็รู้ได้ในทันทีว่าเขานั้นทำสำเร็จแล้ว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset