หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 491 การเคลื่อนย้ายในสหพันธรัฐ!

บทที่ 491 การเคลื่อนย้ายในสหพันธรัฐ!

เมื่อเทียบจำนวนผู้สังเกตการณ์จากหลายกลุ่มอำนาจการเมืองที่ไปเฝ้าชมหลี่ซิงเหวินบรรลุขั้นปราณ ต้วนมู่ฉีเรียกได้ว่าเก็บตัวเงียบกว่ามาก แต่ไม่ว่าจะพยายามบรรลุปราณอย่างเงียบเชียบเพียงไร ก็ไม่อาจปิดบังกระแสปราณวิญญาณที่ถูกดูดมายังโลกได้ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงจับกระแสปราณวิญญาณที่แปรผันได้ ไม่นานนักก็มีประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักผู้นำว่าประธานสหพันธรัฐได้ก้าวข้ามปราณขั้นกำเนิดแก่นในไปแล้ว ทุกคนทั่วอาณาจักรล้วนตื่นเต้นดีใจเป็นล้นพ้นกับข่าวอันน่ายินดีนี้!

การที่หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีบรรลุขั้นปราณติดๆ กัน แปลว่ายุคฝึกปราณอมตะของสหพันธรัฐได้ก้าวเข้าสู่ระดับจุติวิญญาณอย่างเป็นทางการแล้ว!

ทุกคนทั่วอาณาจักรต่างเต็มไปด้วยความคาดหวังถึงพลังอำนาจที่มาพร้อมปราณระดับจุติวิญญาณ และต่างพากันสงสัยว่าผู้ใดกันแน่ที่จะประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามขีดจำกัดนี้ได้เป็นคนต่อไป!

ขณะที่ผู้คนกำลังเปี่ยมด้วยความหวังเพราะต้วนมู่ฉีบรรลุขั้นปราณ หวังเป่าเล่อก็ถูกกดดันจากเจ้านครเรื่องการหลอมชิ้นส่วนในการสร้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย!

หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงความรีบเร่งที่จะสร้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อีกทั้งชายหนุ่มยังรู้ดีว่าปฏิบัติการพันธุ์กล้าสหพันธรัฐนั้นใกล้เข้ามาทุกที!

ก่อนหน้านี้ความคืบหน้าของการก่อสร้างเป็นไปได้ช้ามาก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเดินหน้าเร็วขึ้นแล้ว หวังเป่าเล่อที่ถือสันโดษอยู่เพิ่งวางสายจากท่านเจ้านครดาวอังคาร เขานั่งครุ่นคิดอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนหยิบแหวนสื่อสารของตนขึ้นมาส่งข้อความไปให้ผู้อาวุโสสูงสุดเพื่อถามคำถามที่คาใจ และยังสอบถามอีกด้วยว่าปฏิบัติการพันธุ์กล้าสหพันธรัฐจะเกิดขึ้นเมื่อใด

หลี่ซิงเหวินที่กลับจากดาวอังคารมายังโลกเรียบร้อยแล้ว รับสายจากหวังเป่าเล่อขณะอยู่ที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ได้พยายามบ่ายเบี่ยงหัวข้อนี้อีกต่อไป แต่ตอบหลังจากเงียบอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง

“เป่าเล่อ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วก่อนที่ปฏิบัติการพันธุ์กล้าสหพันธรัฐจะเริ่มต้นขึ้น เจ้าต้องรีบเตรียมตัวให้พร้อม ส่วนก่อนหน้านี้ที่การก่อสร้างเป็นไปได้ช้านั้น… เป็นเพราะสหพันธรัฐยังไม่แน่ใจว่าจะเดินหน้าต่อดีหรือไม่!

“เหตุผลก็คือ แม้ว่าการสร้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายจะมอบประโยชน์ให้สหพันธรัฐมากมาย แต่ก็มีข้อเสียอยู่หลายอย่าง กระนั้นเมื่อทั้งต้วนมู่ฉีและข้าบรรลุขั้นจุติวิญญาณ เราจึงมีโอกาสในการจัดการปัญหาได้มากขึ้น ก็เหมือนมีไพ่ตายอีกใบนอกจากระเบิดต้านทานวิญญาณอย่างไรเล่า… เพราะเหตุนี้เราจึงตัดสินใจเร่งความเร็วในการสร้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย!

“เจ้าไม่ต้องใส่ใจเรื่องอื่น ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าคือเตรียมตัวให้พร้อม อย่างช้าที่สุด การเคลื่อนย้ายรอบแรกจะเกิดขึ้นในสามเดือนต่อจากนี้!”

หวังเป่าเล่อหายใจรัวเร็วเมื่อได้ยินคำแถลงไขของผู้อาวุโสสูงสุด หลังพูดคุยต่ออีกสักพักเขาก็วางสายลง แววประหลาดวาบผ่านดวงตาของชายหนุ่ม เขารู้สึกมุ่งมั่นตั้งใจมากขึ้นที่จะเดินทางไปยังกระบี่สำริดเขียวโบราณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าจะต้องพาตนเองไปที่นั่นให้ได้ เนื่องจากเขาต้องหาทั้งเคล็ดเวทและทรัพยากรมาเพิ่มให้ตนเอง

ชายหนุ่มต้องการทรัพยากรจำนวนมากในการซ่อมแซมวัตถุเวทแห่งความมืด เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะได้นำมันติดตัวออกมานอกดาวอังคาร… และเมื่อวันนั้นมาถึง เขาคงจะทรงพลังมากเสียจนทำลายดาวเคราะห์ได้ทั้งดวงเลยทีเดียว!

ชายหนุ่มต้องการก้าวไปสู่จุดที่ตนเองวาดฝันไว้ จึงตื่นเต้นเป็นอันมากเมื่อรู้ว่าจะได้เดินทางไปยังดวงอาทิตย์ ความคาดหวังทวีความรุนแรงขึ้นในจิตใจ

ข้าต้องซ่อมวัตถุเวทแห่งความมืดให้สมบูรณ์ให้จงได้! หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก เขารู้ว่าตอนนี้เป็นเรื่องยากมากที่เขาจะหาทรัพยากรบนดาวอังคารมาซ่อมวัทถุเวทแห่งความมืด ทางเดียวที่พอเป็นไปได้คือการไปเหยียบกระบี่สำริดโบราณบนดวงอาทิตย์เท่านั้น!

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากล้น นั่นคือ… หน้าที่และความรับผิดชอบที่ค้ำคอ!

ชายหนุ่มรู้ดีว่า ในฐานะขุนนางระดับสองชั้นรอง เขาย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเหยียบที่นั่น แต่ด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในพันธุ์กล้าสหพันธรัฐ เขาจึงมีหน้าที่ที่ต้องทำ และชายหนุ่มก็เข้าใจดีว่า สำหรับพันธุ์กล้าสหพันธรัฐทั้งหลายปฏิบัติการนี้ถือเป็นโอกาสที่อาจมาเพียงครั้งเดียวในชีวิต

นอกจากนี้ ปฏิบัติการนี้ยังจะช่วยแสดงความสามารถของพวกเขาให้เป็นที่ประจักษ์ จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเลื่อนยศของเขาในอนาคต วันหนึ่งเขาอาจได้เป็นประธานแห่งสหพันธรัฐที่มีประวัติเคยไปประจำการกระบี่สำริดเขียวโบราณก็เป็นได้ ยิ่งคิดหัวใจของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะผู้ฝึกตนยุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ที่มี่ต่อกระบี่ยักษ์โบราณเล่มนี้ รวมถึงแผ่นดินต้นกำเนิดกระบี่อันทำให้เกิดยุคกำเนิดวิญญาณบนโลกมนุษย์ด้วย

ชายหนุ่มลูบหน้ากากนิลที่ถืออยู่ในมือเงียบๆ แม้แม่นางน้อยจะไม่ปรากฏตัวมาเป็นเวลานาน แต่หวังเป่าเล่อก็ยังจำรูปปั้นที่มีรูปลักษณ์เหมือนนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งตั้งอยู่ในเศษซากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณได้ดี!

แต่… ในเมื่อข้าจะไปแล้ว ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพราะกระบี่สำริดเขียวโบราณนั้นถือเป็นสถานที่ที่แทบไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นอย่างไร และมันย่อมเต็มไปด้วยอันตรายยิ่งยวดแน่นอน! หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงเมื่อนึกถึงคำถามที่ผู้อาวุโสสูงสุดเคยถามเขาว่ากลัวความตายหรือไม่!

ชายหนุ่มหัวเราะขณะนึกถึงคำถามนั้น ประกายวาบขึ้นในแววตา แม้เขาจะใช้เวลาฝึกปราณมาไม่นานเท่าใดนัก แต่ก็ผ่านประสบการณ์เฉียดตายมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นในเขตจันทราเวท หรือเมื่อตอนที่โดนผู้ฝึกตนจากต่างดาวสามตนตามล่า เขาหลีกหนีความตายมาได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด หากไม่ได้ระวังตัว  เขาคงจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว!

หวังเป่าเล่อไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่โตมาโดยถูกประคบประหงม แต่เติบโตขึ้นด้วยเลือดและสงคราม ผ่านการคร่าชีวิตจนมือเปื้อนโลหิตมากมาย แม้จะไม่มากเท่าผู้ฝึกตนอำมหิตคนอื่นๆ แต่ก็ดุดันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะบรรลุขั้นปราณภายในสามเดือน ข้ายังไม่มีแม้กระบวนเวทให้ฝึกด้วยซ้ำ สามเดือนนี้อย่างมากข้าก็ทำได้แค่… หลอมอาวุธเวทเท่านั้น! หลังจากที่คิดอยู่สักพัก หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจหยุดฝึกปราณชั่วคราว เขาหยิบสมบัติเวทออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ

ชายหนุ่มครอบครองสมบัติเวทมากมาย มีหลายชิ้นที่เขามีอยู่แล้ว แต่หลายชิ้นก็ชิงมาได้จากผู้ฝึกตนต่างดาวทั้งสาม

ข้าต้องใช้เวลาสามเดือนที่เหลืออยู่ในการเสริมพลังสมบัติเวทเหล่านี้ให้กลายเป็นอาวุธเวท! หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง หวังเป่าเล่อก็โบกมือเพื่อเรียกยุงออกมา กองทัพยุงขนาดย่อมๆ จึงปรากฏขึ้นและบินวนรอบตัวเขา

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูว่าข้าจะเสริมพลังสมบัติเวทภายในกายให้กลายเป็นอาวุธเวทได้หรือไม่! ชายหนุ่มคาดหวังเรื่องฝักกระบี่ภายในกายเอาไว้สูงมาก ตอนนี้เขารู้สึกมุ่งมั่นเป็นอย่างมากจึงเริ่มลงมือเสริมพลังสมบัติเวทในทันที

หวังเป่าเล่อไม่มีปัญหากับการหาทรัพยากรมาเสริมพลังสมบัติเวท เขาเพียงแค่ต้องติดต่อจินตั้วหมิง ผู้ที่สามารถปัดเป่าทุกปัญหาของเขาได้

เขตนครพิเศษนี้กลายมาเป็นสถานที่ชื่อดัง เพราะความสับสนจากโฆษณาที่ถูกปล่อยออกไป รวมถึงจุดเด่นที่แท้จริงด้านการฝึกปราณและการฟื้นฟูรักษา ด้วยเหตุนี้จึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนเขตนครพิเศษนี้ไม่ขาดสายทุกวัน กลุ่มอำนาจการเมืองทั้งหลายเริ่มเล็งเห็นศักยภาพของเขตนครพิเศษแห่งนี้ จึงเพิ่มเงินลงทุนในพื้นที่ขึ้นไปอีก

ด้วยเหตุนี้เขตนครพิเศษแห่งดาวอังคารจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน นอกจากนี้การที่หวังเป่าเล่อมอบหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจของนครให้จินตั้วหมิงและพรรคพวก จึงทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นมากล้น อีกทั้งกลุ่มไตรจันทรายังได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อจึงเพียงต้องเอ่ยปากเท่านั้น ว่าตนเองต้องการวัตถุดิบมาเสริมพลังสมบัติเวท จินตั้วหมิงก็จะจัดการติดต่อกลุ่มไตรจันทราทันที จากนั้นภายในสามวันทรัพยากรทั้งหมดก็ส่งมาถึงมือเขา!

เมื่อสิ่งที่สั่งไปมาถึง หวังเป่าเล่อก็ถือสันโดษเพื่อเริ่มกระบวนการเสริมพลังสมบัติเวททันที เมื่อหวังเป่าเล่อมีแก่นในแห่งความมืดอยู่ในกาย การตามหาดวงจิตของเทพเจ้าก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก เขาถอดจิตเข้าฌานแทบทุกวัน และทันทีที่เจอดวงจิตของเทพเจ้า เขาก็จะใช้เปลวไฟสีดำจัดการจับเอาไว้ในทันที

และวิชาหัตถ์สื่อวิญญาณก็ยิ่งทำให้การจับดวงจิตของเทพเจ้าง่ายขึ้นไปอีก

เวลาเดินหน้าผ่านไปเรื่อยๆ จนไม่นานก็ผ่านไปสองเดือน ในสองเดือนนี้ จินตั้วหมิงได้ส่งทรัพยากรมาให้อีกครั้งเพื่อช่วยเหลือหวังเป่าเล่อ หากเป็นคราวอื่น หวังเป่าเล่อคงรู้สึกเกรงใจบ้าง แต่ในตอนนี้ จุดมุ่งหมายเดียวของเขาคือการไปเหยียบกระบี่สำริดเขียวโบราณ เขาจึงรับทรัพยากรเหล่านั้นไว้ทั้งหมด และเดินหน้าเสริมพลังสมบัติเวทของตนต่อไป

เหลือเวลาอีกครึ่งเดือนเท่านั้นจึงจะครบสามเดือนที่ตั้งไว้ ตอนนี้วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายบนดาวพุธสร้างสำเร็จแล้ว สหพันธรัฐไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ หากแต่ส่งข้อความแจ้งพันธุ์กล้าสหพันธรัฐเองทีละคน!

สหพันธรัฐไม่ได้บอกข้อมูลละเอียดนัก บอกเพียงว่าให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ดาวพุธในอีกครึ่งเดือนให้หลัง และปฏิบัติการพันธุ์กล้าสหพันธรัฐจะเริ่มในตอนนั้น!

เรื่องนี้สร้างความโกลาหลในหมู่พันธุ์กล้าสหพันธรัฐเป็นอย่างมาก แม้จะได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ประกาศอย่างเป็นทางการก็ทำให้ทุกคนเริ่มนั่งไม่ติด นอกจากนี้ยังเป็นการยากที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่นานนักข่าวก็ลอยไปเข้าหูสื่อหลายแขนง ทางสหพันธรัฐเองก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธอะไร ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับปฏิบัติการพันธุ์กล้าจึงแพร่สะพัดไปทั่วอาณาจักร

หลายคนเริ่มสืบหาต้นตอ จนไปเจอเอกสารที่สหพันธรัฐเคยตีพิมพ์เรื่องปฏิบัติการดังกล่าว ปฏิบัติการนี้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของแผนการทั้งหมด ทั้งหมดมีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือ… การขึ้นไปยังกระบี่สำริดเขียวโบราณ!

ทั่วอาณาจักรตกอยู่ในความโกลาหลทันที ทุกคนในสหพันธรัฐต่างพากันถกเถียงเรื่องนี้อย่างหน้าดำหน้าแดง!

ตอนนั้นเองสหพันธรัฐก็แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ!

“พันธุ์กล้าสหพันธรัฐทุกคนที่ไปรวมตัวกันบนดาวพุธ จะเป็นผู้ฝึกตนกลุ่มแรก ที่จะไปปฏิบัติภารกิจบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ หลังจากนั้นเราจะมีการคัดเลือกและส่งพันธุ์กล้ากลุ่มที่สองตามขึ้นไป การคัดเลือกพันธุ์กล้าที่จะถูกส่งไปบนดวงอาทิตย์จะมีขึ้นปีละครั้ง สหพันธรัฐตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะส่งหนุ่มสาวมากความสามารถไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายบนกระบี่สำริดเขียวโบราณสามพันคนภายในสามสิบปี!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset