หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 493 เปิดฉาก!

บทที่ 493 เปิดฉาก!

ในเวลาเดียวกันนั้น เรือบินอีกหลายลำก็กำลังท่องอวกาศด้วยความเร็วสูง พุ่งผ่านระบบสุริยะเพื่อมุ่งหน้าไปยังดาวพุธเช่นกัน!

เรือบินเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนหัวกะทิจากหลายภาคส่วนของสหพันธรัฐที่ผ่านการคัดเลือกเป็นพันธุ์กล้าเมื่อหลายปีก่อน คนที่ปราณต่ำที่สุดอยู่ที่ขั้นรากฐานตั้งมั่น หากไม่นับหวังเป่าเล่อ ขั้นปราณที่สูงที่สุดคือขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์

หวังเป่าเล่อเป็นคนเดียวที่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นใน!

อาจพูดได้ว่าหวังเป่าเล่อเป็นผู้นำของกลุ่มพันธุ์กล้า ทั้งในด้านขั้นปราณและยศถาบรรดาศักดิ์ ความก้าวหน้าที่ไปไกลเกินเพื่อนของหวังเป่าเล่อ ทำให้พันธุ์กล้าทุกคนแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด จากสิ่งที่พวกเขาจำได้ขณะฝึกวิชาเพื่อรับตำแหน่งพันธุ์กล้า พฤติกรรมของหวังเป่าเล่อนั้นทั้งน่ารำคาญและน่ารังเกียจ แต่ความสามารถของชายผู้นี้ก็เป็นที่ประจักษ์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาก้าวมาอยู่จุดนี้ได้

แม้ไม่อยากยอมรับ แต่พวกเขาทุกคนก็รู้ดีว่าหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งเพียงใด โดยเฉพาะหลี่อี้ที่หัวเสียเป็นอย่างมาก จนปฏิญาณกับตนเองเอาไว้ว่าจะแซงหน้าหวังเป่าเล่อให้ได้ขณะอยู่บนกระบี่สำริดเขียวโบราณ

สามวันต่อมา หวังเป่าเล่อและกงเต๋าก็เดินทางมาถึงดาวพุธในที่สุด ทั้งสองมองพื้นดินกว้างใหญ่แห้งแล้ง และวงแหวนปราณขนาดมหึมาที่อยู่ไกลๆ

วงแหวนปราณนั้นกว้างสามร้อยกิโลเมตร และมีหน้าตาเหมือนภูเขาผลึกแก้วที่ผุดออกจากผืนดิน ภายในวงแหวนปราณมีเสาค้ำยันต้นหนาหลายร้อยต้น เสาแต่ละต้นมีอักขระโบราณจำนวนมากสลักอยู่ มันส่งแรงกดดันมหาศาลออกจากวงแหวนปราณ แผ่ไปทั่วชั้นบรรยากาศของดาวพุธ

งานก่อสร้างอีกงานหนึ่งเริ่มขึ้นเค้าโครงให้เห็นบนพื้นผิวของดาวพุธเช่นกัน โครงสร้างหลากหลายรูปแบบที่ดูพิเศษล้อมรอบวงแหวนปราณไว้ โครงสร้างเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ให้ผู้คนพักอาศัย แต่เหมือนโครงสร้างของวงแหวนปราณอีกชิ้นหนึ่งมากกว่า!

เมื่อหวังเป่าเล่อออกจากยานและเหยียบเท้าลงบนพื้นผิวของดาวพุธ ชายหนุ่มก็รู้สึกได้รางๆ ว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่อยู่ใต้ดิน…

ภาพโครงสร้างแปลกประหลาดที่เห็นทำให้ชายหนุ่มและกงเต๋าหันมามองหน้ากัน ก่อนที่กงเต๋าจะพูดเสียงเบา

“นี่เป็นสัญญาณว่ากองทัพล้อมที่แห่งนี้เอาไว้แล้ว อีกทั้งโครงสร้างนอกวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายก็ดูคุ้นอย่างประหลาด น่าจะเป็นวงแหวนปราณที่กองทัพสร้างขึ้นกระมัง…”

หวังเป่าเล่อดูเหมือนจะคิดบางสิ่งอยู่ เขาก้มศีรษะลงมองพื้นและพูดเสียงเบาเช่นกัน

“ข้าเคยไปเยี่ยมศูนย์วิจัยระเบิดต้านทานวิญญาณมาครั้งหนึ่ง ความเคลื่อนไหวใต้ผืนดินนี้เหมือนที่นั่นไม่มีผิด หากข้าคาดการณ์ไม่ผิด คงมีศูนย์วิจัยแห่งใหม่อยู่ใต้ดินนี้แน่ ไม่ใช่สิ อาจไม่ถูกนักหากจะเรียกว่าศูนย์วิจัย… น่าจะเป็นระเบิดต้านทานวิญญาณจำนวนไม่น่อยที่ฝังอยู่ใต้ดินมากกว่า!”

กงเต๋าสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ฟัง ทั้งสองรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากความระมัดระวังและการเตรียมการของสหพันธรัฐ พวกเขาเตรียมตัวเพื่อป้องกันเหตุหายนะที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายผู้คนทั้งสองทาง หลังจากที่วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายเปิดใช้งานแล้ว

หากมีอะไรเกิดขึ้น วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายทั้งหมดจะถูกทำลายลงราบเป็นหน้ากองด้วยระเบิดในทันที!

สิ่งที่พวกเขาเห็นน่าจะเป็นเพียงส่วนเดียวของการเตรียมการทั้งหมดด้วยซ้ำ สหพันธรัฐคงมีสิ่งอื่นที่เตรียมพร้อมไว้รับมือเหตุร้ายอีก หากเกิดอะไรขึ้นบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ ก็มีความเป็นไปได้ว่าดาวพุธจะแหลกสลายกลายเป็นธุลีอวกาศ

อย่างไรเสียชิ้นส่วนต้นกำเนิดดวงดาวที่ถูกปล้นไปก็ทำให้สภาพของดาวพุธย่ำแย่ลงมาก!

ทั้งหวังเป่าเล่อและกงเต๋ามีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที จากนั้นทั้งสองก็เดินตามเจ้าพนักงานที่นำทางไปยังที่พักอย่างรวดเร็ว และได้รับทราบว่ายังมีหลายคนที่เดินทางมาไม่ถึง ช่วงเวลาที่วงแหวนปราณจะเปิดใช้งานคือย่ำรุ่งของสองวันถัดจากนี้!

พันธุ์กล้าที่มาถึงแล้วนั้นสามารถเดินชมบริเวณได้ตามอัธยาศัย ตราบใดที่ไม่ออกไปนอกอาณาเขต อย่างไรเสียความสามารถและสถานะของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา นอกจากนี้ภารกิจนี้ก็อันตรายกว่าปกติ ดังนั้นสหพันธรัฐจึงไม่ได้เข้มงวดกับพวกเขามากนัก

ดังนั้นเมื่อไปถึง สิ่งแรกที่หวังเป่าเล่อทำคือการตามหาจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิง พร้อมกันกับกงเต๋า เนื่องจากทั้งสองมาถึงก่อนหวังเป่าเล่อ ทันทีที่พบกันหวังเป่าเล่อก็เข้าไปกอดจั่วอี้ฟานเสียแน่น ก่อนตบหลังสหายรักอย่างหนักหน่วง ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นเมื่อเห็นเจ้าเยี่ยเหมิง

เจ้าเยี่ยเหมิงอยู่ในชุดเครื่องแบบรัดรูป ทำให้นางดูมาดดีและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก หากพูดถึงเรื่องของรูปลักษณ์แล้ว ทั้งหลี่หว่านเอ๋อร์และโจวเสี่ยวหยาสู้เจ้าเยี่ยเหมิงไม่ได้อย่างแน่นอน เจ้าเยี่ยเหมิงคือคนที่มีรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดาผู้คนที่หวังเป่าเล่อเคยพบเจอมาในชีวิตนี้

ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงกระแอมกระไอก่อนอ้าแขนออกกว้าง

“ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะเยี่ยเหมิง ข้าคิดถึงเจ้านะ!” หวังเป่าเล่อเดินเข้าไปเพื่อจะกอดเจ้าเยี่ยเหมิง เหมือนหมียักษ์ตะครุบเหยื่อ

เจ้าเยี่ยเหมิงเลิกคิ้วขึ้น นางไม่ยอมให้หวังเป่าเล่อกอดเหมือนสมัยก่อน แต่กลับถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อหลบเลี่ยง ก่อนมองหวังเป่าเล่อและหัวเราะออกมา

ชายหนุ่มที่กำลังทำท่าหมียักษ์ ตกใจที่เจ้าเยี่ยเหมิงไม่ยอมให้ตนเองกอดเหมือนเดิมอีกต่อไป เขากำลังจะเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของเจ้าเยี่ยเหมิง ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ควรเอ่ยปากอะไร เขาจึงลากกงเต๋ามาข้างกายแทน

“ในฐานะประธานของสมาคมคนหน้าตาดีขั้นเทพ ข้าขอประกาศว่าเราจะมีสมาชิกใหม่มาเพิ่มเติมในทำเนียบรุ่นแรกของพวกเรา ทุกคนโปรดให้การตอนรับเขาด้วย!” หวังเป่าเล่อตบบ่ากงเต๋าและยิ้มขณะเอื้อนเอ่ย

จั่วอี้ฟานรู้จักกงเต๋าอยู่แล้ว เนื่องจากกงเต๋าเคยมาช่วยเขาเมื่อครั้งโดนจองจำอยู่ในบ้านตระกูลจั่ว ชายหนุ่มจึงยิ้มให้สหายใหม่ ส่วนเจ้าเยี่ยเหมิงก็ยังคงสง่างามเสมอต้นเสมอปลาย นางพยักหน้าให้กงเต๋าเพื่อแสดงความยินดี

กงเต๋างงที่จู่ๆ ตนก็กลายเป็นหนึ่งในสมาคมคนหน้าตาดีขั้นเทพ กระนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้แต่อย่างใด อย่างไรเสียชายหนุ่มก็รู้จักหวังเป่าเล่อมานาน จนคุ้นเคยและยอมรับนิสัยของอีกฝ่ายได้แล้ว แรงอาฆาตที่เคยมีให้กันก่อนหน้านี้หายไปจากความทรงจำจนหมดสิ้น

ทั้งสี่พูดคุยกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ตนเองรู้เกี่ยวกับปฏิบัติการพันธุ์กล้าสหพันธรัฐ ไม่นานนักรัตติกาลก็มาเยือน ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะนั่งสมาธิด้วยกันอยู่ในห้องของจั่วอี้ฟาน

ขณะทำสมาธิ หวังเป่าเล่อคิดถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจ้าเยี่ยเหมิง เขาคิดเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ออกสองสามเรื่อง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องไหนกันแน่ สุดท้ายจึงถอนหายใจและล้มเลิกความคิดที่จะหาเหตุผลด้วยตนเอง

คืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ ย่ำรุ่งของเช้าวันที่สองมาถึงในที่สุด เสียงของต้วนมู่ฉีดังก้องไปทั่วดาว ทุกคนรีบรุดออกจากที่พักเพื่อรวมตัวกันอยู่ข้างวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย!

นอกจากเจ้าพนักงานมากมายแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนสามคนที่ปล่อยพลังปราณแรงกล้าออกมา พลังนั้นเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ สร้างแรงกดดันมหาศาลให้ทุกคนในที่แห่งนั้น!

หวังเป่าเล่อคุ้นเคยกับสองในสามคนนั้น คนหนึ่งคือประธานสหพันธรัฐ ต้วนมู่ฉี ส่วนอีกคนคือผู้อาวุโสสูงสุด หลี่ซิงเหวิน!

ส่วนคนที่สามคือผู้เฒ่าในชุดคลุมเต๋าแบบโบราณ ชายผู้นี้มีนามว่าโมเกาจื่อ ผู้ที่มาจากกระบี่สำริดเขียวโบราณ!

พลังปราณขั้นสูงที่ทั้งสามปล่อยออกมานั้น ทำให้หวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ หายใจรัวเร็ว นอกจากนี้ชายหนุ่มยังรู้สึกได้ถึงพลังปราณขั้นกำเนิดแก่นในที่โอบล้อมพวกเขาไว้ อันเป็นสัญญาณว่าผู้ฝึกตนระดับสูงของสหพันธรัฐหลายคนมาประจำการในภารกิจนี้ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย

สถานการณ์จริงจังเคร่งเครียดนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดคุยเล่นกัน ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันทีที่มาถึง

“พวกเจ้าจงขึ้นไปยืนบนเสาในวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย!” ต้วนมู่ฉีออกคำสั่งท่ามกลางความเงียบงัน เสียงของเขาทรงอำนาจเหมือนสายฟ้าดังก้องไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อหรี่ตา ก่อนขึ้นไปยืนบนเสาเป็นคนแรก

เหล่าพันธุ์กล้าคนอื่นๆ ก้าวตามเขาไปทีละคนด้วยท่าทีกระวนกระวาย เมื่อทุกคนยืนอยู่บนเสาเรียบร้อย ก็ต่างใช้โอกาสนี้มองหน้ากัน ทุกคนรู้จักกันดีเพราะเคยเจอกันมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

เมื่อพันธุ์กล้าทุกคนยืนอยู่บนเสาอย่างมั่นคงแล้ว แววตาของต้วนมู่ฉีก็เป็นประกายวาบ เขากวาดตามองทุกคนก่อนจะหยุดที่หวังเป่าเล่อชั่วขณะหนึ่ง ประธานสหพันธรัฐประกาศอีกครั้ง

“พวกเจ้าทุกคนคงได้รับข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้มาบ้าง ข้าจะไม่ขอพูดซ้ำ แต่จะบอกพวกเจ้าถึงสิ่งที่สหพันธรัฐรู้เกี่ยวกับอารยธรรมบนกระบี่โบราณแทน พวกเจ้าจงตั้งใจฟังให้ดี เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้อาจชี้เป็นชี้ตายชีวิตของพวกเจ้าบนดวงอาทิตย์ก็เป็นได้!” ต้วนมู่ฉีคารวะโมเกาจื่อที่ยืนอยู่ข้างกาย ชายชรายิ้มก่อนจะพยักหน้าตอบรับ เพื่อเป็นการอนุญาตให้ต้วนมู่ฉีเปิดเผยข้อมูลนั้นได้

“กระบี่สำริดเขียวโบราณมีสามชิ้นส่วนด้วยกัน ชิ้นแรกคือบริเวณด้ามจับซึ่งได้รับความเสียหายมากที่สุด ชิ้นส่วนที่กระจายไปทั่วระบบสุริยะส่วนใหญ่มาจากด้ามจับนั้น!

“ส่วนที่สองคือตัวกระบี่ที่ปักเข้าไปในดวงอาทิตย์ ถือเป็นชิ้นส่วนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และถูกกัดกร่อนโดยความร้อนจากดวงอาทิตย์ ส่วนที่เป็นตัวกระบี่นี้อันตรายที่สุด!

“ส่วนชิ้นที่สาม… คือปลายกระบี่!

“ปลายกระบี่โผล่พ้นดวงอาทิตย์ออกมา และดูเหมือนว่าจะแตกกระจายออกมาเช่นกัน จึงเข้าไปใกล้ส่วนนี้ได้ยาก นอกจากนี้ตัวกระบี่เองก็ปักเข้าไปในดวงอาทิตย์ ทำให้ยากที่จะเข้าไปได้ ดังนั้น ส่วนที่พวกเจ้าจะไปประจำการคือส่วนด้ามจับ!

“แม้ส่วนนี้จะได้รับความเสียหายหนัก แต่กระบี่สำริดโบราณก็มีขนาดใหญ่มหาศาล จึงมีหลายส่วนที่อยู่อาศัยได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังถือเป็นส่วนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับอยู่อาศัยด้วย!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset