หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 512 ข้าก็ทำได้

บทที่ 512 ข้าก็ทำได้

ในขณะที่ทำการเคลื่อนย้าย นอกจากเหล่าพันธุ์กล้าจะตื่นตกใจกันใหญ่แล้ว เฟิ่งชิวหรันแห่งสำนักวังเต๋าไพศาลเองก็คอยจับตาดูอยู่เช่นกัน นางเป็นกังวลไม่น้อยเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่พันธุ์กล้าได้ส่งเคล็ดวิชากลับไปยังสหพันธรัฐ

แต่คนที่เป็นกังวลหนักที่สุดคือ…ต้วนมู่ฉี!

ดาวพุธในปัจจุบันมีการคุ้มกันแน่นหนาตั้งแต่กลุ่มพันธุ์กล้าออกจากสหพันธรัฐไปเมื่อหลายเดือนก่อน แม้แต่หลี่ซิงเหวินยังเดินทางมาคุ้มกันด้วยตนเอง

มีแสงจ้าปรากฏออกมาจากวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายบนดาวพุธขณะที่หลี่อี้เปิดการเชื่อมต่อวงแหวนปราณในสำนักวังเต๋าไพศาล ที่ผ่านมามีการติดต่อพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยระหว่างสหพันธรัฐและสำนักวังเต๋าไพศาล ดังนั้นพอหลี่ซิงเหวินเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ชายชราก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้ฝึกตนที่รายล้อมอยู่ต่างก็จับจ้องสถานการณ์ไม่วางตา

ทั้งวงแหวนปราณระบบสุริยะและระเบิดต้านทานวิญญาณต่างมีพร้อมใช้งาน ต้วนมู่ฉีทราบสถานการณ์หลังจากนั้นไม่นาน แม้จะอยู่บนโลก เขาก็สามารถใช้วัตถุเวทสร้างร่างมายาขึ้นบนดาวพุธได้

ขณะที่บรรยากาศตึงเครียดปกคลุมทั้งสหพันธรัฐ วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์ ลำแสงยาวหลายพันเมตรปรากฏขึ้นพร้อมเสียงดังสนั่น แต่ครั้งนี้ลำแสงที่ว่านี้มีขนาดเล็กกว่าตอนส่งพันธุ์กล้าร้อยคนออกไป

หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีหรี่ตา พวกเขาไม่ได้อนุญาตให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายในทันที แต่เลือกรอดูสถานการณ์ก่อน

แม้วงแหวนปราณจะสามารถใช้ส่งสิ่งของได้ทั้งสองทิศทาง แต่ก็ต้องได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝั่งก่อน ตัวอย่างเช่น การเปิดวงแหวนปราณจะต้องได้รับการยินยอมจากฝั่งดาวพุธก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้ อาจมีวิธีที่สามารถดำเนินการเคลื่อนย้ายได้โดยไม่ต้องรอผ่านการยินยอม แต่ก็จะต้องยอมจ่ายราคาแพง

“ที่ส่งกลับมาเหมือนจะไม่ใช่คน แต่เป็นแผ่นหยก!” นัยน์ตาของหลี่ซิงเหวินสว่างวาบ เขาสามารถมองผ่านลำแสงในวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายและเห็นของที่กำลังจะส่งกลับมาเป็นภาพมายารางๆ

หลังจากยืนยันสถานการณ์ปัจจุบันได้แล้ว ต้วนมู่ฉีก็ถกกับหลี่ซิงเหวินเล็กน้อยก่อนจะให้การอนุมัติ หลังจากได้รับอนุญาตแล้ว ลำแสงเบื้องหน้าก็ฉายแสงจ้ากว่าเดิม จนสามารถมองเห็นแผ่นหยกมายาที่อยู่ภายในได้ชัดเจน ภายในพริบตาเดียวแสงสว่างก็เริ่มจางสีลงขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น แผ่นหยกออกเดินทางผ่านวงแหวนปราณท่ามกลางสายตาทุกคน

หลี่ซิงเหวินยกมือขวาขึ้นคว้าแผ่นหยกที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบดูด้วยจิตสัมผัสวิญญาณ เขาก็หัวเราะอย่างรื่นเริง

“เคล็ดวิชา! หลี่อี้จากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าส่งเคล็ดวิชากลับมา!”

ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจ หลี่ซิงเหวินก็แอบงุนงงอยู่เล็กน้อย เขาคิดไว้ว่าหวังเป่าเล่อควรจะเป็นคนแรกที่ส่งเคล็ดวิชากลับมา

ต้วนมู่ฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ คว้าแผ่นหยกไป ไม่รอให้หลี่ซิงเหวินได้เปิดดู แม้ร่างที่ปรากฏอยู่จะเป็นเพียงภาพมายา แต่ด้วยระดับการฝึกตนของเขาทำให้สามารถเปิดแผ่นหยกอ่านดูได้ พอเห็นข้อความ ‘กระบวนเวทไพศาล’ ต้วนมู่ฉีก็เงยหน้ามองฟ้า หัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี

“เยี่ยมมาก หลี่อี้!” ร่างจริงบนโลกออกจากการถือสันโดษด้วยความตื่นเต้น เขารีบออกคำสั่งให้ประกาศเรื่องนี้ไปทั่วสหพันธรัฐ หลังจากสูดหายใจลึก ก็ออกคำสั่งเพิ่มไปอีกหนึ่งคำสั่ง

“เปิดระบบจัดอันดับผลงานของพันธุ์กล้าที่เตรียมเอาไว้ได้ เราต้องประกาศให้ทุกคนในสหพันธรัฐรู้ว่าพันธุ์กล้าได้สร้างความดีความชอบให้สหพันธรัฐมากเพียงใด!”

เมื่อต้วนมู่ฉีออกคำสั่ง ระบบทั้งหมดในสหพันธรัฐก็เริ่มดำเนินการ อันดับผลงานของสหพันธรัฐเชื่อมต่อกับทั้งระบบสุริยะ ก่อนจะฉายขึ้นบนสื่อและโฆษณาทุกรูปแบบพร้อมกัน ประกาศชัดให้ฝูงชนกว่าร้อยละเก้าสิบได้รับรู้!

ในอันดับปรากฏรายชื่อหนึ่งร้อยชื่อไล่เรียงกันลงไป มีเลขศูนย์อยู่ด้านหลังทุกชื่อ

ทว่าหลังจากอันดับรายชื่อปรากฏสู่สายตาผู้คน รายชื่อทั้งร้อยนามก็พลันเลือนราง ทันใดนั้นชื่อสีทองนามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านบนสุด!

นามนั่นคือหลี่อี้ และตัวเลขด้านหลังชื่อก็แปรเปลี่ยนจากศูนย์ไปเป็นหนึ่ง!

ทั้งสหพันธรัฐตื่นเต้นกันยกใหญ่ ต้วนมู่ฉีพึงพอใจมากหลังจากได้ประกาศอันดับผลงาน สำหรับเขาแล้ว อันดับผลงานนี้แสดงให้เห็นถึงความเที่ยงธรรมและผลงานที่พันธุ์กล้าแต่ละคนทำได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการปูทางความสำเร็จให้เหล่าพันธุ์กล้าทั้งร้อยคน

ท่ามกลางความประหลาดใจของทั้งสหพันธรัฐ หวังเป่าเล่อซึ่งอยู่บนกระบี่สำริดเขียวโบราณก็เบิกตากว้างขณะมองดูข้อความของหลี่อี้ในห้องสนทนากลุ่ม เขาไม่รู้ว่าทางสหพันธรัฐจะมีทีท่าอย่างไร แต่ก็นึกภาพออกว่าพวกเขาน่าจะกำลังประกาศชื่อหลี่อี้อย่างภาคภูมิใจอยู่

หวังเป่าเล่อไม่พอใจ ถ้าคนที่ส่งเคล็ดวิชากลับไปเป็นคนอื่นเขาคงจะไม่รู้สึกเช่นนี้ ชายหนุ่มคิดว่าหลี่อี้เป็นเพียงสาวสมองน้อยมีดีแค่หน้าอกโต จึงคิดไม่ออกว่านางไปหาแต้มการรบสองพันแต้มมาได้อย่างไร

นางตั้งใจจะทำตัวเด่นกว่าข้าหรือ หวังเป่าเล่อแค่นเสียงไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจการเคลื่อนย้ายที่ดำเนินการอยู่เท่าใดนัก เขามีแผนของตัวเอง เป็นแผนที่มุ่งเป้าไปที่ผลลัพธ์ในตอนท้าย

หวังเป่าเล่อผู้นี้เป็นคนมีหลักการ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจอะไรนางมาก หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก กำลังจะเก็บแผ่นหยกเครือข่ายวิญญาณประจำพื้นที่ไป ทว่าตอนนั้นเองเสียงดูหมิ่นของหลี่อี้ก็ดังขึ้นในห้องสนทนากลุ่ม

“เหล่าสหายเต๋า สำนักวังเต๋าไพศาลเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของเรา ข้าเชื่อว่าทุกคนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองได้! ไม่เหมือนใครบางคนที่มั่นอกมั่นใจในตัวเองมาก แม้จะมีระดับการฝึกตนสูง แต่ที่นี่คือสำนักวังเต๋าไพศาล ไม่ใช่สหพันธรัฐ มีกฎเกณฑ์ไม่เหมือนกัน พอไม่มีสหพันธรัฐคอยช่วยก็กลับทำอะไรไม่ได้เลย!”

ทุกคนในห้องสนทนากลุ่มเงียบไปเมื่อหลี่อี้พูดขึ้น ทุกคนตระหนักดีว่า หลังจากเงียบปากไปหนึ่งเดือน กลับมาครั้งนี้นางก็เปิดฉากโจมตีหวังเป่าเล่ออย่างไม่อ้อมค้อม

หวังเป่าเล่อตั้งใจจะเก็บแผ่นหยกลงไป แต่พอได้ยินวาจาโอหังของหลี่อี้ เขาก็เลิกคิ้วสูง เริ่มเดือดดาลขึ้นมาทันใด ชายหนุ่มตาแข็งกร้าว ออกทะยานสู่ฟากฟ้า มุ่งหน้าตรงไปยังสำนักวังเต๋าไพศาลจากเกาะเพลิงเขียวในทันใด

เขาไปที่หอตำรากระบวนเวทไพศาลเป็นที่แรกเพื่อแลกกระบวนเวทสามวิชา ราคาวิชาละพันแต้ม จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายในสำนักวังเต๋าไพศาล ใช้เวลาไม่นาน วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายของสำนักวังเต๋าไพศาลก็เปิดขึ้นอีกครั้ง!

วงแหวนปราณซึ่งเปิดขึ้นเป็นครั้งที่สองและห่างจากครั้งแรกไปไม่นานเรียกความสนใจจากสำนักวังเต๋าไพศาลได้ในทันใด ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่ดูแลวงแหวนปราณส่งเสียงตื่นตกใจเมื่อได้เห็นหวังเป่าเล่อนำแผ่นหยกมาด้วยสามแผ่นและจ่ายแต้มการรบสามพันแต้มเพื่อเปิดวงแหวนปราณ

แต้มการรบสามพันแต้มถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก แม้แต่เฟิ่งชิวหรันยังตื่นตะลึงไปเมื่อได้ทราบ ยิ่งทางสหพันธรัฐยิ่งตื่นตะลึงเข้าไปใหญ่…

แสงจากวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายบนดาวพุธที่เพิ่งจะจางสีลงพลันสว่างขึ้นมาอีกครั้ง รอบนี้สว่างกว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก หลี่ซิงเหวินที่เพิ่งจะโล่งอกไปต้องกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง ต้วนมู่ฉีเองก็เช่นกัน ร่างมายาของเขาปรากฏขึ้นอีกหลังจากที่เพิ่งสลายไปได้ไม่นาน

ขณะที่ทั้งสองกำลังจับจ้องสถานการณ์เบื้องหน้า ก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น แสงจากการเคลื่อนย้ายสว่างเจิดจ้าจนต้วนมู่ฉีตะลึงไป

“หรือว่ารอบนี้ที่ส่งกลับมาจะเป็นคน” ทั้งสองตื่นตกใจ ขณะที่ทุกฝ่ายต่างคอยเฝ้าระวังอย่างรัดกุม พลันดวงตาของหลี่ซิงเหวินก็เบิกกว้าง

“ไม่ใช่คน…เป็นแผ่นหยก…สามแผ่น!”

“แผ่นหยกสามแผ่นหรือ” ต้วนมู่ฉีอึ้งไปก่อนจะรู้สึกสุขใจเกินบรรยาย หลังจากอนุมัติการเคลื่อนย้าย แสงก็ค่อยๆ จางลง แผ่นหยกสามแผ่นปรากฏขึ้นในวงแหวนปราณ ต้วนมู่ฉีไม่รอช้ารีบคว้าแผ่นหยกทั้งหมดมา หลังจากตรวจดู เขาก็ตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าตอนที่หลี่อี้ส่งแผ่นหยกกลับมาเสียอีก หลี่ซิงเหวินที่อยู่ข้างๆ รีบตรวจดูเช่นกัน รอยยิ้มกว้างพลันผุดขึ้นบนใบหน้า

“กระบวนเวทสามวิชา ทั้งหมดมาจากหวังเป่าเล่อ เจ้าหนูนี่ใช้ได้จริงๆ!” กายาจริงของต้วนมู่ฉีบนโลกรีบประกาศข่าวออกไปด้วยความตื่นเต้น ไม่นานผู้คนในสหพันธรัฐก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นตะลึงบนอันดับผลงานของพันธุ์กล้าอีกครั้ง!

ตอนแรกชื่อหลี่อี้อยู่บนสุด แต่ตอนนี้ชื่อของหวังเป่าเล่อพลันเรืองแสงสีทองและขึ้นไปปรากฏแทนที่ ตัวเลขด้านหลังเปลี่ยนจากศูนย์เป็นสาม!

ทั้งสหพันธรัฐตื่นตะลึงไป ผู้คนมากมายตื่นเต้นกันยกใหญ่ ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อก็จบกระบวนการเคลื่อนย้ายและกลับไปยังเกาะเพลิงเขียวด้วยความภาคภูมิใจ เขาเปิดห้องสนทนากลุ่มขึ้นระหว่างทาง จากนั้นก็ส่งข้อความไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“บังเอิญจริง ข้าก็เพิ่งส่งกระบวนเวทกลับไปสามวิชาเช่นกัน เฮ้อ เกิดเป็นคนเก่งกาจนี่ช่างไร้เทียมทานเสียจริง”

ข้อความของหวังเป่าเล่อเป็นดังก้อนหินใหญ่ตกใส่บ่อน้ำนิ่ง สร้างความตื่นตะลึงให้ห้องสนทนาทั้งห้องในทันใด

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset