หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 562 แหกกฎ!

บทที่ 562 แหกกฎ!
เสียงกึกก้องดังมาจากท้องฟ้าระยะไกล กงเต๋าและเจ้าเยี่ยเหมิงค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ปลายขอบฟ้า ทั้งสองพุ่งตรงมาหาหวังเป่าเล่อด้วยความเร็วสูงสุด เนื่องจากเป็นกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เจ้าเยี่ยเหมิงใช้วงแหวนปราณจากเข็มทิศ เพื่อเพิ่มความเร็วให้ตนเองและกงเต๋า ทั้งสองจึงตามหวังเป่าเล่อทันได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋ามาถึงที่ ทั้งสองก็เห็นลู่ซ่งและผองเพื่อนตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้น สีหน้าเปื้อนด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด พวกเขาเห็นว่าพลังปราณของทั้งสองอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลาง หนึ่งในนั้นขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของขั้นกลาง และกำลังจะก้าวไปเป็นขั้นปลายในไม่ช้านี้ เจ้าเยี่ยเหมิงตกใจกับภาพตรงหน้ามาก นางหันกลับไปจ้องหวังเป่าเล่อ

นางรู้มาตลอดว่าหวังเป่าเล่อนั้นแข็งแกร่งมาก กระนั้น เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าก็ยังตกใจกับพลังอำนาจที่หวังเป่าเล่อสำแดงให้เห็น เขาเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่มีปราณอยู่ในระดับเดียวกันถึงสามคน และยังทำร้ายทั้งสามจนบาดเจ็บสาหัสภายในเวลาสั้นๆ อันบอกถึงความสามารถในการต่อสู้ของเขาได้เป็นอย่างดี

มีแต่ผู้ที่อยู่ในขั้นปลายหรือขั้นสมบูรณ์แบบของระดับกำเนิดแก่นในเท่านั้น ที่จะทำอะไรแบบนี้ได้

กงเต๋าเคยเห็นหวังเป่าเล่อต่อสู้กับรูปปั้นค้างคาวศิลาในถ้ำที่พักใต้ทะเลเพลิงมาก่อน แต่เขาก็มัวแต่สาละวนกับการพยายามผลักประตูหินให้เปิดออก จึงไม่ได้ตั้งใจดูหวังเป่าเล่อมากนัก นอกจากนี้รูปปั้นศิลายังเป็นเพียงสิ่งไร้ชีวิต เทียบอะไรไม่ได้กับการต่อสู้กับคนตัวเป็นๆ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตกใจมากเช่นกัน

หวังเป่าเล่อยิ้มเมื่อเห็นเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋า เขายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศไปทางทิศที่ผู้ฝึกตนทั้งสามนอนอยู่บนพื้น ชายหนุ่มหยิบเอากำไลคลังเวทของทางสามมา ก่อนพูดอย่างไร้ความรู้สึก “ตอนนี้ทั้งสามคนนี้ก็จะไม่ปรากฏอยู่บนแผนที่แล้ว ขาก็หัก นอกจากนี้ยังไม่มีกำไลคลังเวท เรียกได้ว่าติดอยู่ที่นี่อย่างสมบูรณ์ ความจริงจะอยู่บนแผนที่หรือไม่อยู่ก็ไม่ได้แตกต่างอะไร!” หวังเป่าเล่อโยนกำไลคลังเวทและกุญแจสองดอกที่เหลือให้เจ้าเยี่ยเหมิง

“ไปตามล่าเป้าหมายต่อไปกันเถิด!” หวังเป่าเล่อจากไปทันทีที่พูดจบ

เจ้าเยี่ยเหมิงมีสีหน้าประหลาด นางมองหวังเป่าเล่อ และศิษย์สามคนจากสำนักวังเต๋าไพศาลที่กำลังตัวสั่นเงียบงันอยู่บนพื้น ก่อนยิ้มด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว ส่ายหน้าไปมา และตามหวังเป่าเล่อไป

กงเต๋าหายใจเข้าลึก หลังจากที่ได้รับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของหวังเป่าเล่อ เขาก็รู้สึกได้ว่าคนจากสหพันธรัฐมีโอกาสได้ขึ้นไปอยู่ในสามอันดับแรกของการแข่งขัน และโอกาสนั้นก็มีอยู่มากเลยทีเดียวเสียด้วย!

เมื่อผู้ฝึกตนทั้งสามเดินจากไป ศิษย์จากฝ่ายของเมี่ยเลี่ยจื่อถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาหันมามองหน้ากัน รับรู้ได้ถึงความข่มขื่นในดวงตาสหายร่วมชะตากรรม รวมถึงความตกใจที่กำลังค่อยๆ ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ

“หมอนั่นมันเป็นผู้ฝึกตน… จากสหพันธรัฐ เจ้าหวังเป่าเล่อนั่นจริงๆ นะหรือ”

“มันมีปราณระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลางอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ความสามารถในการต่อสู้นี้… อาจเทียบได้กับศิษย์เอกเลยทีเดียว!”

“พวกเรา… ประเมินผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐต่ำเกินไป! ไอ้หวังเป่าเล่อคนนี้มันแข็งแกร่งมาก!” ทั้งสามหน้าตาบูดบึ้งเหยเก ต่างคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกตนถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันแล้ว ความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันมั่วไปหมดขณะพยายามลุกขึ้นยืน หัวใจเต้นระรัวด้วยความกลัวขณะนึกถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้า พวกเขานั่งรอการเคลื่อนย้ายที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายชั่วโมงท่ามกลางความเงียบ

หวังเป่าเล่อและสหายทิ้งพวกเขาไว้ตรงนั้น และกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศหนึ่งด้วยความเร็วสูง ทั้งสามก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน หลังจากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เจ้าเยี่ยเหมิงก็เริ่มนวดหน้าผากตนเอง นางยังเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า ไม่ว่าคนๆ หนึ่งจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่กลยุทธ์ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้ และจะช่วยเพิ่มโอกาสชนะให้พวกเขาได้ หลังจากคิดอยู่สักพัก นางก็หันไปหาหวังเป่าเล่อ

“เป่าเล่อ เราควรหลบคนอื่นไปก่อนในตอนนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราต้องเดินหมากอย่างระวังกว่านี้ โดยเฉพาะกับพวกที่ซ่อนตัวอยู่ แค่บางคนไม่ได้อยู่บนแผนที่ ไม่ได้แปลว่ายังสู้ไม่ได้นะ เพียงแต่ซุ่มรอจังหวะล่าเหยื่ออยู่เท่านั้น”

“เยี่ยเหมิง!” หวังเป่าเล่อหยุดกลางทาง เขาหันมามองเจ้าเยี่ยเหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนพูดอย่างช้าๆ

“แผนการอะไรก็ตาม เมื่อเจอเข้ากับความแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็จะพังไม่เป็นท่าหมด กฎการแข่งขันนี้ไม่ใช่กฎหมายบ้านเมืองที่เข้มงวด เจ้าไม่ควรเอาตัวเองไปยึดติดกับกฎมากมายขนาดนั้น หากนี่เป็นสหพันธรัฐ ข้าก็คงทำแบบที่เจ้าทำ และเลือกแผนการที่จะทำให้ข้าได้รางวัลตอบแทนมากที่สุด โดยลงแรงให้น้อยที่สุด นี่ก็เพราะว่าสหพันธรัฐเพิ่งจะเข้ายุคกำเนิดวิญญาณมาได้ไม่นาน ผู้ฝึกตนอย่างเรายังดำรงตนอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะว่ายังมีกฎหมายอยู่!”

“แต่ที่นี่คือกระบี่สำริดเขียวโบราณ… โลกแห่งการฝึกตนที่แท้จริง! ข้าลองคิดดูอย่างละเอียดลึกซึ้ง แล้วข้าก็เข้าใจมันจริงๆ แล้ว… การหนีไม่ใช่คำตอบ ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมกลืนกินผู้ที่อ่อนแอ ท้ายที่สุด… ทุกคนก็ต้องพึ่งความแข็งแกร่งของตนเองเพียงเท่านั้น จึงจะอยู่รอดได้!”

“ถึงข้าจะไม่ได้พยายามซ่อนตัวเองจากแผนที่เหมือนคนอื่น แต่ข้าเองก็เป็นนักล่าเช่นกัน!” แววดุร้ายในแววตาของหวังเป่าเล่อทวีความรุนแรงขึ้น เขายกมือขวาขึ้นชี้ไปยังแผนที่บนฟ้า

“กุญแจดอกที่เจ็ดของเราอยู่ห่างออกไปห้าร้อยกิโลเมตร ข้าจะนำพวกเจ้าไปเอง!”

คำพูดของหวังเป่าเล่อกระแทกจิตใจของเจ้าเยี่ยเหมิงเป็นอย่างมาก นางยอมรับว่าตนเองเป็นคนใส่ใจกฎเกณฑ์มากเกินไป เนื่องจากวงแหวนปราณเองก็ถือว่าเป็นกฎรูปแบบหนึ่ง กระนั้นเจ้าเยี่ยเหมิงเองก็ยังคิดว่าการวิเคราะห์สถานการณ์ของตนเองมีประโยชน์ แต่ก็ยังเคารพการตัดสินใจของหวังเป่าเล่อ และไม่พูดอันใดอีก

กงเต๋ายืนฟังบทสนทนาของหวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิง ชายหนุ่มเห็นด้วยความสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดนั้นถูก แต่เจ้าเยี่ยเหมิงเองก็มีเหตุผลในการวางกลยุทธ์ของนางเช่นกัน เขาจึงยิ้มหน้าเหยเกก่อนเอ่ยออกมา

“เป่าเล่อ ตอนนี้เรามีกุญแจหกดอกแล้ว เรายังไปต่อได้อีกถึงสามวัน หากว่าเรา… รอให้เกิดการเคลื่อนย้ายเสียก่อน ถึงค่อยออกล่ากุญแจต่อจะไม่ดีกว่าหรือ”

หวังเป่าเล่อไม่ได้ตอบในทันที แต่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาตรึกตรองคำพูดของกงเต๋าและเจ้าเยี่ยเหมิง สักพักหนึ่งดวงตาของเขาก็กลับมาแรงกล้าอีกครั้ง ชายหนุ่มส่ายศีรษะ ก่อนพูดกับสหายของตนทั้งที่ยังหันหลังอยู่ “เยี่ยเหมิง กฎของการแข่งขันนี้ซับซ้อนนัก จึงทำให้มีความเป็นไปได้มากมายเกินไป ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าและกงเต๋าจะคาดเดาสถานการณ์ทั้งหมดได้ โดยไม่พลาดสิ่งใดไป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำนายได้ทั้งหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!

“นี่ก็เพราะผู้เข้าแข่งขันที่ซ่อนอยู่ ที่ปัจจัยหลักในการคำนวณความเป็นไปได้นี้ ไม่ได้ปรากฏอยู่บนแผนที่ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้อยู่กับที่แต่เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา จึงไม่อาจเดาได้เลยว่าพวกเขาจะทำอะไร ต่อให้ข้าช่วยคิดด้วย เราทั้งสามคนก็ไม่มีวันทำนายอะไรได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ… ผู้ที่แข็งแกร่งหนึ่งคนสามารถเอาชนะคนอีกสิบคนได้ คนที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด!

“ข้าไม่จำเป็นต้องวางกลยุทธ์หรือสนใจกฎ ข้าเพียงแต่ต้องรู้สิ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือเดินหน้าต่อไปโดยไม่หันหลังกลับ ข้าไม่สนใจผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ปรากฏอยู่บนแผนที่ ข้าไม่สนใจด้วยว่าพวกนั้นมีกุญแจอยู่กี่ดอก กฎของการแข่งขันนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย!

“การก้าวขึ้นไปอยู่บนสามอันดับสูงสุดนั้นง่ายมาก… เก็บกุญแจที่เราพบให้ครบทุกดอก และกำจัดทุกคนที่เราเจอ ถ้าทำเช่นนั้น ถึงอย่างไรข้าก็จะติดหนึ่งในสามแน่นอน และอาจจะเป็นอันดับแรกเสียด้วยซ้ำ!

“ข้ารู้ว่าเจ้ากลัวพวกเราไปทำให้คนส่วนใหญ่โกรธเข้า แต่ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นรวมตัวกันโจมตีพวกเราเล่า ในตอนนั้น ผู้ชมก็จะได้เห็นว่าผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐแข็งแกร่งเพียงใดอย่างไรเล่า!”

“นั่นคือมุมมองของข้า มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นที่ติดอยู่ในกับดักของกฎ ผู้ที่แหกและสร้างกฎคือผู้ที่แข็งแกร่งเหนือทุกคน!” แม้เสียงของหวังเป่าเล่อจะนิ่งสงบ แต่พลังปราณภายในกายของเขากลับปั่นป่วนขณะพูด พลังปราณและพลังใจของเขาสั่นสะเทือนภายในกาย จนแผ่ออกจากกายของชายหนุ่มเป็นคลื่นๆ !

พลังสะท้อนครั้งนี้รุนแรงกว่าสองครั้งแรกมาก จนทำให้เกิดพายุขึ้นในบริเวณนั้น อากาศหมุนวนลอยล่องขึ้น พลังนี้ทั้งทรงพลัง น่ากลัว และไร้ซึ่งความขลาดใดๆ รุนแรงเหมือนคมมีดที่ฟาดฟันได้ทุกสิ่ง รวมถึงมหาสมุทรและภูผาที่อาจหาญมาขวางทางด้วย!

พลังที่รุนแรงกว่าคราวแรกทำให้เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าสัมผัสได้ในทันที กงเต๋าหยุดหายใจไปชั่วขณะ ภายในกายสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ชายหนุ่มมองหวังเป่าเล่อด้วยอารมณ์มากมายในใจ เขารู้แล้วว่าเหตุใดตนเองจึงเทียบหวังเป่าเล่อไม่ได้ แม้ตนเองก็กระหายเลือดและสงครามเช่นกัน เป็นเพราะว่าเขาเคยชินกับการอยู่ภายใต้เงามืดมากเกินไป เขาไร้ซึ่ง… พลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่มีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่จะมี!

“ผู้ฝึกตนควรจะต่อสู้กันเองและท้าทายอำนาจของสวรรค์ พวกเขาควรพุ่งเข้าใส่อุปสรรคแบบซึ่งๆ หน้า และต้านทานพลังธรรมชาติ รวมถึงกฎแห่งสวรรค์ มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้ผู้ฝึกตนผู้นั้นเดินหน้าได้อย่างไร้ซึ่งความกลัว หากเขาไม่ถูกทำลายลงเสียก่อน ก็จะสามารถสร้างวิถีแห่งมหาเต๋าใหม่ได้แน่นอน!”

เจ้าเยี่ยเหมิงมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาเหมือนถูกสะกด ดวงตาของนางอาบด้วยความเข้าใจ ขณะที่ทั้งนางและกงเต๋ากำลังเข้าใจวิถีแห่งเต๋านั้น แผนที่จากมุมสูงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง!

ในบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือที่ไกลแสนไกลจากพวกเขา กุญแจสี่ดอกรวมตัวเข้าด้วยกัน อาจเป็นการรวมตัวของผู้ฝึกตนสามหรือสี่คน แต่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะเป็นของคนๆ เดียว!

ผู้นั้นพุ่งไปข้างหน้าเป็นเส้นตรง ไม่ว่างเขาจะผ่านไปแห่งหนใด กุญแจรอบข้างก็จะมารวมอยู่ที่เขาทั้งสิ้น จำนวนกุญแจทั้งหมดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในเวลาอันสั้น จุดนั้นก็มีกุญแจสิบกว่าดอก!

ราวกับว่าพายุหมุนได้อุบัติขึ้นยังจุดที่กุญแจเหล่านั้นอยู่ ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ กุญแจอื่นๆ มากมายหายไป กุญแจดอกใหม่ๆ เกิดขึ้นแทนที่ ผู้ที่ถูกแย่งกุญแจไปเริ่มต่อสู้แย่งชิงกุญแจดอกใหม่กัน

กระจุกกุญแจนั้นเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า จำนวนกุญแจที่เขาถือครองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากกุญแจทั้งหมดนี้เป็นของคนๆ เดียวจริง ในตอนนี้…

ทุกคนที่กำลังมองแผนที่อยู่ ต่างรู้สึกได้ถึงพลังอันแสนดุดันกวาดล้าง ที่กำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างไร้ความกลัว ปฏิเสธซึ่งกฎแห่งธรรมชาติทุกอย่าง!

ความรู้สึกนี้รุนแรงมากกว่าใครในใจของเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋า นี่ก็เพราะ… พลังที่กลุ่มกุญแจจากบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือเหล่านี้ปล่อยออกมา เป็นพลังเดียวกันกับหวังเป่าเล่อเมื่อก่อนหน้าไม่มีผิด!

พลังที่เกลียดชังการหลบซ่อน ทำลายกฎเกณฑ์ทั้งมวล!

“หากสิ่งที่เกิดขึ้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือนั้นเป็นคนๆ เดียว ก็คงเป็น… หนึ่งในศิษย์เอกอัจฉริยะแน่ๆ” เจ้าเยี่ยเหมิงชะงักด้วยความตกใจ นางหันกลับมามองหวังเป่าเล่อ ความเข้าใจเบ่งบานในอก

หวังเป่าเล่อก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนแผนที่มุมสูงเช่นกัน ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าเหมือนดวงดาวสุกสกาว ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้ม ความกระหายการต่อสู้ไหลเชี่ยวกรากอยู่ภายในกาย!

นั่นแหละคือคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของข้า!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset