หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 686 ประมือกับเมี่ยเลี่ยจื่ออีกครั้ง!

วงแหวนปราณที่บรรดาผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลหลอมขึ้นแผ่กระจายปกคลุมท้องฟ้าสีดำสนิทของดาวพุธราวกับเป็นไยแมงมุม มองดูละม้ายคล้ายรวงผึ้ง หวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรันเป็นเพียงมดตัวเล็กหากเทียบกับตาข่ายขนาดมโหฬารนั้น แต่สัตว์เล็กจ้อยเท่ามดเพิ่งจะปลดปล่อยพลังมหาศาลที่สั่นคลอนทั้งสวรรค์และพื้นพิภพออกมา

ทั้งท้องฟ้าและแผ่นดินสั่นคลอนเมื่อวิญญาณจุติดวงดาราในกายหวังเป่าเล่อลืมตาขึ้น ดาวพุธทั้งดวงราวกับกำลังสั่นไหว ก่อนที่จะส่องแสงออกมาสนับสนุนพลังของชายหนุ่ม แขนกระดูกที่ฟาดลงมาของหวังเป่าเล่อสร้างรอยฉีกขาดในวงแหวนปราณของสำนักวังเต๋าไพศาล มันขยายกว้างขึ้นก่อนจะแหวกออกเป็นทางยาวราวกับเป็นปากขนาดมหึมา!

เสียงที่ดังสนั่นกว่าเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นรอบกายพวกเขา หวังเป่าเล่อ ที่ขณะนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง พุ่งตัวออกมาจากรอยแยก เฟิ่งชิวหรันตามเขาไปติดๆ ด้วยดวงตาที่เบิกโพลงจากความตื่นตะลึง พลังที่หวังเป่าเล่อปลดปล่อยออกมานั้นทำเอานางต้องผงะด้วยความตกใจแม้ว่าจะเตรียมใจมาแล้วก็ตาม!

เขาพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ลมหายใจของนางถี่รัว หญิงวัยกลางคนไม่เข้าใจแม้แต่น้อย หวังเป่าเล่อมีพลังมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อเพียงแค่กลับมาถึงดาวพุธเท่านั้น

นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามามัวคิดหาเหตุผล จึงรีบตามชายหนุ่มออกไปจากรอยแยกในวงแหวนปราณทันที พวกเขากำลังจะออกจากดาวพุธ มุ่งหน้าไปยังอวกาศ

หวังเป่าเล่อหยิบแหวนสื่อสารออกมาและส่งข้อความเสียงไปหาหลี่ซิงเหวิน

“ตาเฒ่า เป่าเล่อของท่านกลับมาแล้ว! ข้าพาภรรยาของท่านกลับมาด้วย!”

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าตื่นตกใจทันทีที่พูดจบ เฟิ่งชิวหรันเองก็มีสีหน้าคล้ายคลึงกัน ด้านล่างของพวกเขา ภายในวงแหวนปราณใยแมงมุม อากาศกำลังบิดเบี้ยว มีเสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้นรอบๆ บริเวณ และวงแหวนปราณก็ดูคล้ายกับจะพร่ามัวลงไป

ในวินาทีต่อมา มันก็แปรสภาพไปอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงกลางวงแหวนปราณ ใบหน้านั้นมีสีหน้างุนงง แววตาว่างเปล่ากำลังจับจ้องมายังหวังเป่าเล่อและเฟิ่งชิวหรัน

รัศมีของมันสามารถกลบพลังของผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณไปได้ มันคือพลังของขั้นเชื่อมวิญญาณนั่นเอง!

“เมี่ยเลี่ยจื่อ!” ใบหน้าของหวังเป่าเล่อเคร่งขรึมขึ้นทันที อารมณ์ความรู้สึกมากมายฉายชัดอยู่ในแววตาของเฟิ่งชิวหรัน ใบหน้าของเมี่ยเลี่ยจื่อพุ่งออกมาจากวงแหวนปราณด้วยความเร็วอย่างน่าทึ่ง ตรงเข้าใส่คนทั้งสองทันที

ขนาดของใบหน้าอาจไม่ได้กว้างใหญ่เท่าผืนแผ่นดินที่อยู่ด้านหลัง แต่ก็ยังใหญ่เท่าๆ กับเกาะขนาดย่อมๆ และรวดเร็วเอามากๆ เสียด้วย ใบหน้านั้นกำลังจะพุ่งเข้ามาชนพวกเขาในอีกไม่ช้า นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกาย ก่อนที่ชายหนุ่มจะสูดลมหายใจเข้าลึก

ดาวพุธสั่นไหวไปพร้อมๆ กับการสูดลมหายใจนั้น ราวกับว่าหวังเป่าเล่อได้สูบพลังแปลกประหลาดบางอย่างเข้าไป วิญญาณจุติดวงดาราของเขาผ่อนคลายแขนขาก่อนจะปล่อยพลังเต็มขั้นออกมา แสงดาวไหลบ่าเข้าท่วมกายมันและทะลักล้นไปทั่ว อึดใจนั้นเอง หวังเป่าเล่อก็เหมือนกำลังจะแปรสภาพกลายเป็นดวงดาวอีกดวง

“ออกไปให้พ้นทางข้าเสีย!” ชายหนุ่มคำราม ก่อนจะยกมือขวาของเกราะขึ้น พลังปราณไหลบ่าเข้าไปในอาวุธเทพของแขนขวาก่อนจะกระแทกกำปั้นเข้าใส่ใบหน้ายักษ์ด้วยพลังเกื้อหนุนจากดวงดาว!

กำปั้นนั้นสั่นสะเทือนท้องฟ้าและผืนแผ่นดิน ราวกับว่ามีพลังจากดวงดาวอยู่เบื้องหลัง ดวงดาวนั้นเปล่งแสงประกายออกมาประสานรวมกับกายของหวังเป่าเล่อ จนเหมือนว่าใบหน้าของเมี่ยเลี่ยจื่อปะทะกับดาวทั้งดวงก็ไม่ปาน

เสียงกัมปนาทดังสนั่นสะท้านไปทั่วดาวพุธ ใบหน้ามายาของเมี่ยเลี่ยจื่อเริ่มก็แตกร้าว รอยร้าวเริ่มจากจุดที่กำปั้นหวังเป่าเล่อกระทบใส่ ลากยาวไปจนกระทั่งแตกออกพร้อมเสียงดังสนั่น จากนั้นก็ระเบิดขึ้น ร่างๆ หนึ่งลอยละลิ่วออกไปไกลนับพันเมตร ร่างนั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ลมหายใจห้วนถี่ เขาคือเมี่ยเลี่ยจื่อนั่นเอง หมัดของหวังเป่าเล่อแสดงให้เห็นว่าบัดนี้ชายหนุ่มเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง

หวังเป่าเล่อไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น พลังปราณของชายหนุ่มยังอยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นกลางเท่านั้น แม้จะได้รับการเสริมพลังจากเกราะจักรพรรดิและดาวพุธแล้วก็ตาม ก็ยังไม่อาจเทียบเท่าผู้ที่อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณได้ เขาส่งเสียงอยู่ในลำคอ แม้ว่าจะไม่ได้สำรอกเลือดออกมา และอวัยวะภายในก็ไม่ได้เสียหาย แต่กระนั้นแรงกระแทกก็ยังส่งให้หวังเป่าเล่อลอยละล่องออกมา

เฟิ่งชิวหรันกำลังจะฉวยโอกาสจู่โจมในจังหวะที่ทั้งคู่ผละออกจากกัน ทันใดนั้นเอง เมี่ยเลี่ยจื่อก็หรี่ตาลงก่อนจะตะโกนขึ้นมา

“ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลเข้าประจำที่ จัดตั้งวงแหวนปราณเพื่อต้อนรับการกลับมาของผู้อาวุโสชิวหรัน!”

สายฟ้าจำนวนมหาศาลเข้าปกคลุมท้องฟ้าทันที เมื่อผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลทุกคนใช้พลังปราณอย่างเต็มที่พร้อมกัน

วงแหวนปราณแห่งดาวพุธมีจุดอ่อนอยู่นับพันจุด แต่ละจุดถูกผู้ฝึกตนนับร้อยคุ้มกันไว้ มีผู้ฝึกตนนับแสนกำลังปกป้องและควบคุมวงแหวนปราณอยู่ในขณะนี้ และตอนนี้พลังของพวกเขาทั้งหมดก็ไหลบ่าเข้าไปสู่วงแหวนปราณตามคำสั่งของเมี่ยเลี่ยจื่อ วงแหวนปราณส่องแสงจ้า ก่อนที่ดวงไฟนับไม่ถ้วนจะปรากฏขึ้น และล่องลอยมารวมกันเป็นบุรุษเรืองแสงที่สูงหลายร้อยเมตร!

ร่างนั้นดูเหมือนจะปรากฏขึ้นได้จากพลังของวงแหวนปราณ ถือเป็นการรวมพลังกันของดวงจิตของผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลนับแสนก็ว่าได้ มันเอื้อมแขนออกมา เงยศีรษะขึ้นคำรามก่อนจะพุ่งเข้าใส่เฟิ่งชิวหรัน ผู้ซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้าไปหาเมี่ยเลี่ยจื่อ!

“ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเป็นผู้รอดชีวิตจากตระกูลไม่รู้สิ้น และตอนนี้กำลังควบคุมจิตใจของเมี่ยเลี่ยจื่อเอาไว้ ข้าเข้าใจว่าพวกเจ้าทุกคนคงไม่อยากเชื่อ แต่หากเจ้าเลือกทางผิด เจ้าก็กำลังช่วยเหลือคนชั่ว จงหยุดต่อสู้เสียเถิด เจ้ายังเลือกที่จะเพิกเฉยได้อยู่!” เฟิ่งชิวหรันพูด ดวงตาของนางแม้จะสดใสแต่ก็เปี่ยมด้วยความกังวล แตกต่างจากดวงตาที่ล่องลอยของเมี่ยเลี่ยจื่อเป็นอย่างยิ่ง มนุษย์ยักษ์เรืองแสงที่มาจากดวงจิตของผู้ฝึกตนนับแสนหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะก้มศีรษะลง ดูเหมือนว่ามันกำลังทำท่าตามผู้ฝึกตนจำนวนมากที่กำลังควบคุมวงแหวนปราณอยู่!

ทันใดนั้นเอง เสียงของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ที่ขยายด้วยกำลังของวงแหวนปราณ ก็สะท้อนดังขึ้นในอากาศ

“โปรดร่วมกันต้อนรับการกลับมาของผู้อาวุโสชิวหรัน ผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับสามร้อยแต้มการรบ และผู้ที่ทำสำเร็จจะได้รับหนึ่งหมื่นแต้มการรบ!”

คำพูดเหล่านั้นดังสะท้อนก้องอยู่ไปมา มนุษย์เรืองแสงตัวสั่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครา ดวงตาทั้งคู่ส่องประกายกล้า ความต้องการแต้มการรบดูเหมือนจะเอาชนะดวงจิตนับแสนที่ควบคุมมนุษย์เรืองแสงอยู่ได้ ร่างนั้นเริ่มวิ่งเข้าใส่เฟิ่งชิวหรันอีกครั้ง

ร่างนั้นพุ่งไปข้างหน้า ทะลุกำแพงเสียงพลางแผ่พลังที่เทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณออกมาขณะที่ชนเข้ากับเฟิ่งชิวหรันอย่างจัง

หวังเป่าเล่อเหลือบไปมองเฟิ่งชิวหรัน ผู้ซึ่งไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้กับมนุษย์เรืองแสง ชายหนุ่มมองเห็นความเศร้าสร้อยในแววตาของนาง แม้กระนั้น นางก็ยังไม่ใช้การโจมตีที่รุนแรง เพียงแต่พยายามจะป้องกันตัวเท่านั้น

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าบูดบึ้งเพราะความวิตกกังวลที่ถาโถมอยู่ในใจ ชายหนุ่มต้องการออกจากดาวพุธให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ การรอช้าอยู่เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นเดินทางมาช่วยบรรดาผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลมากขึ้นอีก หากเวลานั้นมาถึง การจะหนีก็เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เหลือเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่

“ผู้อาวุโสชิวหรัน พวกเรารีบหนีออกจากที่นี่กันเถิด เร็วเข้า!” หวังเป่าเล่อตะโกน จังหวะนั้นเมี่ยเลี่ยจื่อก็เข้ามาถึงตัว ก่อนจะปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาขณะที่พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อราวกับเป็นดาวหาง

หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาเตือนเฟิ่งชิวหรันอีก ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ กำไลคลังเวทสั่นไหว ก่อนที่หอกดำจะพุ่งแหวกอากาศเข้าใส่เมี่ยเลี่ยจื่ออย่างรวดเร็ว แถมเขายังเรียกร่างอวตารออกมาอีกด้วย

ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ส่วนร่างจริงนั้นกำหมัดแน่น พลังของวิญญาณจุติดวงดาราและเกราะจักรพรรดิรวมกันอยู่ในกำปั้น หมัดกำเนิดดวงดาราของเขาพุ่งตามอาวุธเวทไปติดๆ ตรงเข้าใส่เมี่ยเลี่ยจื่อ!

ทั้งคู่พุ่งเข้ากระทบกัน หอกดำเป็นวัตถุเวทน่าทึ่งที่ได้รับการเสริมแรงจากพลังแฝงของหวังเป่าเล่อ มันพุ่งเป็นลำแสงสีดำยาวที่ดูราวสามารถตัดผ่านอวกาศได้ด้วยความคม พลังที่แผ่ออกมาเป็นของอาวุธเวทระดับเก้า เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังระดับนั้น กระทั่งเมี่ยเลี่ยจื่อก็ยังรู้สึกหวั่นเกรง นัยน์ตาของเขากระตุกเกร็ง

หมัดระเบิดกำเนิดดวงดาราของหวังเป่าเล่อรวมพลังปราณและกำลังกายของเขาเข้าเป็นหนึ่งเดียว การโจมตีนั้นได้รับการสนับสนุนจากปราณวิญญาณที่มากมายไร้สิ้นสุดซึ่งหวังเป่าเล่อเก็บกักไว้ในรูปของไขมันวิญญาณในร่างกาย จะกล่าวว่าชายหนุ่มเป็นศิลาวิญญาณเดินได้ก็ไม่ผิดนัก

“รับไปเสีย! ข้ายังมีพลังวิญญาณเก็บไว้อีกมาก!” หวังเป่าเล่อคำราม ชายหนุ่มชกออกไปสิบหมัดพร้อมๆ กัน กำปั้นของเขาดูกว้างหลายร้อยเมตรขณะที่พุ่งชนอากาศ แรงกระทักอันดุดันของกำปั้นพุ่งเข้าใส่เมี่ยเลี่ยจื่อ!

กำปั้นเหล่านั้นระเบิดขึ้น เสียงระเบิดดังสนั่นสะท้อนอยู่ในอากาศ ผู้ฝึกตนทั้งสองยังคงต่อสู้กันไม่หยุด หอกดำพุ่งเข้าใส่เป็นอย่างแรก หวังเป่าเล่อกัดฟันก่อนจะสั่งให้มันระเบิดตัวเองอย่างไม่รอช้า!

เสียงกัมปนาทดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่ว!

แรงระเบิดของอาวุธเวทกระจายออกไป ก่อให้เกิดแรงกระแทกที่ผสานรวมกับหมัดระเบิดกำเนิดดวงดาราของหวังเป่าเล่อจนกลายเป็นพลังอันน่าอัศจรรย์ หวังเป่าเล่อใส่พลังทั้งหมดของเขาเข้าไปในหมัดระเบิดกำเนิดดวงดารา เมี่ยเลี่ยจื่อตัวสั่นก่อนจะลอยปลิวไปเพราะแรงโจมตีอันหนักหน่วง!

หวังเป่าเล่อเล่อร้องตะโกนขณะที่เมี่ยเลี่ยจื่อล่าถอยเพื่อหลบหลีก

“เฟิ่งชิวหรัน ทำไมถึงไม่ขยับเล่า” หวังเป่าเล่อหันไปพูด ก่อนจะส่งหมัดระเบิดกำเนิดดวงดารานับสิบไปหามนุษย์ส่องแสงที่กำลังสู้กับนางอยู่!

การโจมตีนั้นทำเอาสรวงสวรรค์สั่นสะเทือน สายลมพวยพุ่งหมุนวนตีก้อนเมฆกระจายเป็นทาง ภายใต้การควบคุมของหวังเป่าเล่อ การโจมตีของเขาผลักมนุษย์ส่องแสงออกไป ทั้งยังช่วยเพิ่มพลังให้เฟิ่งชิวหรันอีกด้วย

หญิงวัยกลางคนมีแววตามุ่งมั่น นางปล่อยพลังออกมา และด้วยการถีบตัวเพียงครั้งเดียว นางก็พุ่งทะยานออกไปสู่ท้องฟ้า!

หวังเป่าเล่อหายใจหอบถี่ ก่อนจะสลับที่กับร่างอวตารซึ่งล่วงหน้าไปอยู่ที่ขอบฟ้าแล้วในบัดดล!

ชายหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้เมี่ยเลี่ยจื่อหรือมนุษย์ส่องแสงได้ติดตาม ประกายกล้าฉายวาบอยู่ในแววตาของร่างอวตาร ก่อนที่มันจะระเบิดตัวเองโดยไม่มีการรีรอใดๆ!

………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset