หวังเป่าเล่อถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีหรือเฉินโม่เฟิงจู่โจม ชายหนุ่มใช้เมล็ดดอกบัวทั้งหมดที่เขามีในการปลุกวิญญาณที่แท้จริงของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีขึ้นมา ดังนั้น…ความลังเลของเฉินโม่เฟิงจึงทำให้หวังเป่าเล่อทั้งกังวลและกลัดกลุ้มใจ….
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ชายหนุ่มวัดระดับปราณที่แท้จริงของเฉินโม่เฟิงได้ เขาสัมผัสได้ว่าพลังที่อยู่ภายในนิ้วมายาของเฉินโม่เฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณเสียอีก ความจริงแล้วมันอาจจะเกินขั้นจิตวิญญาณอมตะด้วยซ้ำไป แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่าศิษย์พี่ของหวังเป่าเล่อ แต่พลังที่ชายหนุ่มสัมผัสได้นั้นคล้ายคลึงกับพลังที่เขารู้สึกระหว่างบรรลุสู่ขั้นจุติวิญญาณ แทบจะเทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ก็ว่าได้!
หรือว่าสิ่งนี้จะเป็น…พลังจากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์!
แต่การคาดคะเนนี้นั้นไม่อาจวัดระดับพลังที่แท้จริงของเฉินโม่เฟิงได้ ชายในร่างยักษ์ยังคงงุนงงและได้รับเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณดั้งเดิมของตนกลับมาเท่านั้น กายเนื้อและระดับพลังปราณยังอ่อนแอยิ่งนัก แม้กระนั้น เขาก็ยังสามารถปล่อยพลังที่เทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ได้ คงไม่ยากที่จะจินตนาการว่าเฉินโม่เฟิงแข็งแกร่งเพียงใดเมื่อมีพลังเต็มเปี่ยม!
ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ควรจะเป็นหนึ่งในผู้นำของสำนักวังเต๋าไพศาลอันเลื่องลือเสียด้วยซ้ำ เขาควรมีอนาคตอันสดใสเฝ้ารออยู่ โชคชะตาผกผันและพาเอาความเป็นไปได้นั้นหลุดจากเงื้อมมือเขาไปโดยสิ้นเชิง
ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในใจของหวังเป่าเล่อขณะที่จ้องมองไปยังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน สีหน้าของอีกฝ่ายฉาบเคลือบไปด้วยความตื่นกลัว ในขณะที่กำลังล่าถอยหลบหลีกนิ้วมือยักษ์อย่างเร่งรีบ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อขณะนี้เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารรุนแรง
“ข้าสังหารเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าย่อมสังหารเจ้าอีกครั้งได้แน่ มาดูกันเสียว่าเจ้าจะฟื้นคืนชีวิตกลับมาได้อีกครั้งหรือไม่” จิตสังหารในสายตาหวังเป่าเล่อถูกแต่งแต้มด้วยความสงสัย ความสงสัยของเขาขณะนี้…เกี่ยวของกับการฟื้นคืนชีพของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน
ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่า…มีความลับอันยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้การฟื้นคืนชีพนั้น!
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเองได้ตายไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ ชายชราจึงทำได้เพียงตัวสั่นและล่าถอยพร้อมขนศีรษะที่ลุกชัน
ความเกรงกลัวความตายและอันตรายแทบจะทำให้โยวหรันเป็นบ้า ขณะกำลังล่าถอย เขาก็ประกบฝ่ามือก่อนจะสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ เรือบินรบมรณะของตระกูลไม่รู้สิ้นปลดปล่อยแสงสว่างจ้าที่แปรสภาพเป็นผนึกขนาดมหึมา ผนึกปรากฏขึ้นตรงหน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันการโจมตีของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี
ชายชราสัมผัสได้ว่าการป้องกันเท่านี้นั้นไม่เพียงพอ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่สนใจดาวศุกร์อีกต่อไป เขาดึงผนึกที่ปิดกั้นดาวศุกร์ออกมา เปลวไฟสีดำและผนึกที่ล่องลอยอยู่เหนือดาวศุกร์จางหายไปก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าชายชรา และแปรสภาพเป็นผนึกหนาแน่นที่ยืดยาวร่วมสามกิโลเมตร!
ผนึกนั้นเป็นผนึกโบราณที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลแต่ก็ปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลไปพร้อมๆ กัน มันเป็นความรู้สึกขัดแย้งที่ไม่อาจอธิบายได้ ที่ทำให้รู้สึกว่า…เป้าหมายถูกผนึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ผนึกนั้นขับไล่พื้นที่ของจักรวาลออกไปและทำหน้าที่ได้สำเร็จ ทำให้เรือบินรบอยู่ร่วมกับจักรวาลได้อย่างสมบูรณ์!
สิ่งนี้เองที่ทำให้เรือบินรบเต๋ามรณะพิเศษ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ผู้ที่แม้จะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงอยู่ ณ ขณะนี้ ได้ละทิ้งแผนการทั้งหมดและพร้อมจะเสี่ยงทุกสิ่งอย่าง ชายชรารวบรวมพลังสูงสุดของเรือบินรบเพื่อช่วยต่อกรกับพลังดัชนีจากเฉินโม่เฟิง หรือราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี!
จักรวาลสั่นสะเทือน ผนึกสะท้อนแสงสว่าง ก่อนจะหยุดพลังดัชนีของเฉินโม่เฟิงเอาไว้ ขณะที่หยุดพลังโจมตีของดัชนีนั้น ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็รีบเร่งฝีเท้าก่อนจะล่าถอยด้วยความตั้งใจที่จะหนีไปจากสนามรบ!
แม้ว่าชายชราจะรวดเร็วสักเพียงใด และแม้ว่าการป้องกันจะทรงพลังสักแค่ไหน แต่…ก็ยังไม่เพียงพอ!
นิ้วของเฉินโม่เฟิง ที่สร้างขึ้นมาจากการรวบรวมสรรพชีวิตบนดวงจันทร์ ปะทะกับผนึกสีดำที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันปลดปล่อยออกมาจากเรือบินรบเต๋ามรณะของตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างรุนแรง
เสียงกัมปนาทดังสนั่นปะทุขึ้นในจักรวาลก่อนที่จะสะท้อนกระจายออกไป พัดพาเอาคลื่นพลังวิญญาณให้ไหลบ่าไปทั่วสนามรบ นิ้วของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ที่สร้างขึ้นจากการรวบรวมดวงแสงจำนวนมหาศาล กระแทกเข้าไปในผนึกสีดำทมิฬราวกับเป็นดาวตก การกระแทกทำลายพลังของดัชนีลงไปกว่าครึ่งและฉีกทำลายผนึกสีดำเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่วนที่เหลืออยู่ของดัชนีพุ่งผ่านผนึกสีดำและกระแทกใส่ร่างของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอย่างจัง
ไม่สำคัญว่าชายชราจะล่าถอยไปรวดเร็วเพียงใด เพราะอย่างไรเขาก็ไม่อาจหนีพ้นได้ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทำได้เพียงมองนิ้วมือและความตายพุ่งตรงเข้ามาหา ความบ้าคลั่งฉาบเคลือบอยู่ในแววตา เขาตะโกนลั่น “เต๋าสวรรค์!”
ผลึกรูปร่างประหลาดในดวงตาส่องแสงสว่าง ก่อนจะก่อตัวและขยายขนาดขึ้น ก่อนที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจะพุ่งตัวออกไปหาดัชนีของเฉินโม่เฟิงและกระแทกเข้าไปอย่างจัง
เสียงระเบิดดังสนั่นจักรวาลขึ้นอีก ผลึกนั้นไม่ได้สลายไปจากพลังอันมหาศาลของนิ้วเฉินโม่เฟิง แต่กระนั้น พลังปราณของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะรักษาสภาพของผลึกเอาไว้ได้ แม้มันจะดูไร้รอยขีดข่วนจากแรงกระแทก แต่ก็ยังหลุดกระเด็นกลับไปหาตัวโยวหรัน ก่อนที่แรงปะทะจะพุ่งเข้าใส่ร่างของโยวหรันเต็มๆ
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ก่อนที่แขนทั้งหกซึ่งอ่อนเปลี้ยจะประกบเข้าหากันเพื่อสร้างผนึกมือท่วงท่าต่างๆ ดูเหมือนจะเป็นกระบวนเวทที่ใช้เคลื่อนย้ายอาการบาดเจ็บได้ บาดแผลทั้งร่างถูกเคลื่อนย้ายไปไว้ตามแขนขาแทน ผลก็คือ…แขนหักไปสี่ข้างจากหกข้าง และศีรษะก็ยุบสลายไปสองจากสาม รอยปริแตกปรากฏขึ้นทั่วทั้งร่างของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน และเลือดก็ยังไหลซึมออกมาจากบาดแผลไม่หยุด
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังคงรอดชีวิตมาได้ด้วยทักษะในการใช้กระบวนเวทแม้จะรับการโจมตีจากราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีไปเต็มๆ นัยน์ตาของชายชราแสดงความอ่อนแอและตื่นกลัว เขาล่าถอยอย่างบ้าคลั่งและพยายามจะหนีให้ห่างจากนิ้วมือของเฉินโม่เฟิงให้ไกลที่สุด ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันรู้ดีว่าสภาพของเฉินโม่เฟิงในตอนนี้จะคงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ชายชราต้องอยู่รอดให้ได้จนกว่าจะพ้นอันตราย
แล้วก็เป็นจริงตามนั้น หลังการโจมตีนั้น สายตาลุ่มลึกในดวงตาของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีก็จางหายไปและถูกแทนที่ด้วยแสงสีแดงแทน พลังของเมล็ดบัวจากหวังเป่าเล่อเริ่มจะเสื่อมสลาย ชายหนุ่มมีเวลาไม่กี่วินาทีก่อนที่วิญญาณอันแท้จริงของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีจะกลับไปหลับใหลอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้น นิ้วมือที่เกิดจากอสูรบนดวงจันทร์ก็จะหายไปด้วยเช่นกัน
หวังเป่าเล่อเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ขณะที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันพยายามจะชะลอการปะทะครั้งต่อไปเพื่อจะถอยให้ห่างจากนิ้วของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี หวังเป่าเล่อก็พุ่งตัวออกไป ด้วยการเพิ่มความเร็วจากเกราะจักรพรรดิและอาวุธเทพที่ส่องสว่างอยู่บนแขน ชายหนุ่มใช้ความเร็วสูงสุดและพุ่งเข้าไปหาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันด้วยความเร็วราวกับเป็นดาวหาง
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันขณะนี้มีสีหน้าตื่นตกใจ การรักษาระยะห่างจากนิ้วใช้พลังงานที่เหลือของเขาไปจนหมด หวังเป่าเล่อพุ่งตัวเข้ามาในช่วงเวลาที่ล่อแหลมที่สุด ไม่มีทางเลยที่ชายชราจะหลบการโจมตีได้พ้น!
“ข้าไม่มีวันยอมแพ้!” นัยน์ตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันฉาบเคลือบได้ด้วยความบ้าคลั่ง ร่างจริงของชายชรายังคงอยู่ในเรือบินรบเต๋ามรณะ แต่วิญญาณของเขาผสานรวมไปกับเสื้อคลุมรบเต๋าเรียบร้อยแล้ว หากร่างวิญญาณได้รับความเสียหาย เขาก็จะบาดเจ็บไปด้วย ผลกระทบของอาการบาดเจ็บอาจทำลายกายเนื้อของเขาไปเลยก็เป็นได้!
ในวินาทีเดียวกันนั้น สายตาของต้วนมู่ฉีเองก็ฉาบเคลือบไปด้วยความบ้าคลั่งเช่นกัน ตอนที่ชายชราออกคำสั่งให้ระเบิดดาวพุธนั้น เขาทำพลาดจนเสียความได้เปรียบไป จากนั้นพอมาถึงดาวศุกร์ เขาก็ทำพลาดอีก ความเลวร้ายนั้นดูราวกับจะฉายภาพซ้อนขึ้นมา ขณะนี้ต้วนมู่ฉีมีสองทางเลือก ทางแรกคือรอ บางทีการต่อสู้อาจจะจบลงได้โดยที่เขาไม่ต้องระเบิดดาวศุกร์ทิ้ง ทางเลือกที่สองคือฉวยโอกาสนี้ระเบิดดาวศุกร์เสีย เป็นการเสียสละเพื่อให้แผนการรบเดิมดำเนินต่อไปตามที่ตั้งใจไว้!
“ถ้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังมีไพ่ตายหลงเหลืออยู่ เขาก็คงต้องใช้เพื่อปกป้องตนเองก่อน เขาไม่มีแรงเหลือจะแทรกแซงดาวศุกร์อีกแล้ว ข้าจึงคิดว่าพวกเราควร…ทำลายตัวเองเสีย!” ต้วนมู่ฉีที่ตาแดงก่ำส่งเสียงคำราม หลังจากที่ตัดสินใจเด็ดขาด
ดาวศุกร์ทั้งดวงสั่นไหวเมื่อระเบิดต้านทานวิญญาณที่ฝังอยู่ใต้ดินหลุดออกจากผนึกและถูกสั่งใช้งานอีกครั้ง การระเบิดเริ่มต้นขึ้น เสียงกัปนาทดังสนั่นกึกก้องอยู่ในอากาศ ดาวศุกร์สั่นคลอนอย่างหนัก หลี่ซิงเหวินเปิดใช้งานวงแหวนปราณระบบสุริยะและปลดปล่อยพลังสูงสุดออกมาเพื่อทำการเคลื่อนย้ายแบบวงกว้าง ในทันใดนั้น ผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐทุกคนบนดาวศุกร์ก็เริ่มเลือนรางก่อนจะหายวับไป
ผู้ฝึกตนเหล่านั้นจากงทีละกลุ่มขณะที่คลื่นพลังทำลายล้างบนดาวศุกร์รุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลถึงกับผงะด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครพยายามจะหยุดการระเบิดตนเองนั้น ต่างก็พากันวิ่งหัวซุกหัวซุกด้วยความกลัวไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเองก็ไม่มีแรงจะยุ่งกับดาวศุกร์อีกแล้ว ไม่ว่าเขาจะต้องการเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะแทรกแซงได้ ในเมื่อตัวเองยังต้องเผชิญอันตรายร้ายแรงอยู่เช่นนี้!
ดาวศุกร์กำลังถูกทำลายในที่สุด ขณะที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกำลังหนีอย่างลนลาน และก่อนที่หวังเป่าเล่อจะเข้าถึงตัวชายชรานั่นเอง ก็มีเสียงทอดถอนใจดังออกมาจากเรือบินรบเต๋ามรณะเบื้องหลังโยวหรัน เสียงนั้นเป็นของสตรีนางหนึ่ง มันแฝงไปด้วยความถวิลหาและอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย เสียงถอนใจสะท้อนไปทั่วสนามรบ นิ้วมือมายาปรากฏขึ้นตรงหน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ก่อนจะเอียงเข้าไปหานิ้วมือของเฉินโม่เฟิงแล้วสัมผัส!
ไม่มีเสียงระเบิดดังสนั่น ไม่มีแรงกระแทกรุนแรง นิ้วของเฉินโม่เฟิงสลายไปอย่างไร้สุ้มเสียงเมื่อถูกสัมผัส มันแตกกระจายกลายเป็นแสงไฟดวงเล็กจิ๋วที่ลอยลับหายไปในจักรวาล
นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อถึงกับกระตุกเมื่อได้เห็น ชายหนุ่มล่าถอยทันที ความตื่นตะลึงไหลบ่าขึ้นมาในใจ พลังของเมล็ดบัวของเขาสลายไปจนหมดแล้ว แต่เฉินโม่เฟิง ผู้ที่ควรจะกลับไปหลับใหล กลับพึมพำขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มต่ำและแหบพร่า เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากพูดตั้งแต่ตื่นขึ้นมาบนสนามรบแห่งนี้
“จื่อเยว่…”
……………………………..