หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 729 ออกเดินทาง!

หวังเป่าเล่อตัวสั่นเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากเฉินชิง

เขาเดาถูกว่าโลงศพนั้นเป็นของขวัญที่ท่านอาจารย์มอบให้ แต่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน ว่าที่จริงแล้วเขาต้องเข้าไปนอนในนั้นเพื่อหลบหนีจากหายนะที่กำลังจะมาเยือน

คำพูดของศิษย์พี่บอกให้รู้ว่าการคาดการณ์ของเขาเกี่ยวกับเต๋าสวรรค์นั้นถูกต้อง เต๋าสวรรค์นั้น…จัดได้ว่าเป็นอาวุธร้ายแรงชนิดหนึ่ง

นอกจากนี้ข้อมูลเกี่ยวกับเต๋าสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นที่เขาได้รับมาเมื่อครู่ เมื่อนำมารวมเข้ากับประวัติศาสตร์ของสำนักแห่งความมืดที่เคยอ่านมา ชายหนุ่มก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตได้เป็นฉากๆ

สำนักแห่งความมืดแก้ไขเต๋าสวรรค์และเขียนกฎแห่งจักรวาลขึ้นมาใหม่ ตระกูลไม่รู้สิ้นรวบรวมกำลังคนเพื่อต่อต้านการรวบอำนาจนั้น และทำลายเต๋าสวรรค์ใหม่ของสำนักแห่งความมืดเสียแทบสิ้นซากจนทำให้สำนักล่มสลาย จากนั้นตระกูลไม่รู้สิ้นก็เขียนกฎแห่งจักรวาลและสร้างเต๋าสวรรค์ของตนเองขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจแทนที่สำนักแห่งความมืดแล้ว ตระกูลไม่รู้สิ้นก็เดินหน้ากำจัดทุกสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของสำนักแห่งความมืดไม่สามารถกลับมามีอำนาจได้อีก

แต่เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่ของเขานั้นเป็นข้อยกเว้น!

เฉินชิงมองความรู้สึกมากมายที่วาบผ่านเข้ามาบนสีหน้าของหวังเป่าเล่อแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

“เป่าเล่อ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากจากบ้านเกิดไป แต่เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ การเดินทางออกจากสหพันธรัฐของเจ้าจะกลายมาเป็นความหวังของสหพันธรัฐด้วยเช่นกัน”

“ความหวังหรือ” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองศิษย์พี่ของตนด้วยความสงสัย

“สหพันธรัฐนั้นยังถือว่าเป็นอารยธรรมการฝึกตนที่อ่อนด้อยเหมือนเด็กหัดเดินเมื่อเทียบกับอารยธรรมอื่นทั้งหมดในจักรวาลแห่งนี้ ไม่มีทางที่สหพันธรัฐจะปกป้องตนเองจากภัยเหล่านั้นได้เลย ไม่ต้องพูดถึงในกรณีที่มีผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ผ่านมาเจอสหพันธรัฐเข้า ต่อให้เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ หากต้องการจะหลอมสหพันธรัฐให้รวมเข้ากับตนเองเพื่อเสริมพลังปราณแล้วละก็ เขาก็สามารถทำได้โดยแทบไม่ต้องกระดิกนิ้วเลยด้วยซ้ำ!” เฉินชิงพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย

หวังเป่าเล่อเงียบทันที เขารู้ดีว่าเรื่องที่ศิษย์พี่พูดออกมานั้นเป็นความจริง สหพันธรัฐ…ยังถือว่าเป็นอารยธรรมที่อ่อนแอนัก พลังปราณเพิ่งปรากฏขึ้นบนโลกเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมานี้เอง เส้นปราณของโลกยังก่อตัวขึ้นมาไม่สมบูรณ์ด้วยซ้ำ ผู้ฝึกตนในสหพันธรัฐจึงยังต้องสร้างศิลาวิญญาณด้วยตนเองอยู่

แม้จะพูดได้ว่าไม่ใช่เด็กทารกแล้ว แต่สหพันธรัฐก็ยังเป็นเพียงเด็กหัดเดินเมื่อเทียบกับอารยธรรมอื่นๆ

“แน่นอนว่าพวกเจ้ายังมีสำนักวังเต๋าไพศาลบนกระบี่สำริดโบราณอยู่ แต่ในความคิดของข้า แม้จะมีผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งหลับใหลอยู่ที่ปลายกระบี่ แต่ส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเสียจนเอาตัวเองแทบไม่รอด พวกเขาอาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยบ้างหากมีภัยที่ส่งผลต่อความอยู่รอดของตนเองเข้ามาใกล้ แต่หากอันตรายนั้นพุ่งเป้ามาที่สหพันธรัฐ เป็นไปได้หรือที่พวกนี้จะยอมตื่นขึ้นมาช่วยพวกเจ้า นี่ยังไม่พูดถึงว่ากว่าพวกนี้จะตื่นขึ้นมา สหพันธรัฐจะยังเหลือซากอยู่หรือไม่ด้วยนะ!” เฉินชิงมองหวังเป่าเล่อขณะพูดต่อ

คำพูดของศิษย์พี่ทำให้หวังเป่าเล่อเงียบไปอีกครั้ง เขามีแม่นางน้อยอยู่กับตัว ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าผู้อาวุโสจากสำนักวังเต๋าไพศาลจะยอมเข้าร่วมเป็นพันธมิตรหลังจากที่ตื่นขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว แต่…มันก็เป็นเพียงการเดิมพันเท่านั้น และเป็นการนำความอยู่รอดของตนไปวางไว้ในกำมือของผู้อื่นด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้ความคิดเปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว สมมติฐานนี้ก็จะสิ้นไปในทันที และหวังเป่าเล่อเองก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยชะตาชีวิตตนให้ไปอยู่ในกำมือของผู้อื่น

“แล้วเจ้าจะยังอยู่ที่สหพันธรัฐไปเพื่อสิ่งใด หากเจ้าต้องการให้บ้านเกิดของเจ้ามั่นคงแข็งแรง วิธีการที่ดีที่สุดที่ทำได้ คือการทำให้สหพันธรัฐแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น!

“มีสองทางที่จะทำเช่นนั้นได้ ทางแรกคือปล่อยให้เวลาผ่านไป เพื่อให้ทุกอย่างพัฒนาไปตามธรรมชาติจากรุ่นสู่รุ่น แต่จากโครงสร้างปัจจุบันของระบบสุริยะแล้ว วิธีนี้จะต้องใช้เวลานานพอตัว หากไม่มีเหตุอาเพศเกิดขึ้นเสียก่อนระหว่างนี้ ก็น่าจะต้องใช้เวลาหลายหมื่นหลายแสนปีเลยทีเดียว!”

“ด้วยเหตุนี้ทางเลือกที่สองจึงเหมาะสมกว่า!” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองเฉินชิงผู้พูด ดวงตาทอประกายเจิดจ้า

“ศิษย์พี่ ทางเลือกที่สองคือสิ่งใดกัน”

“ทางเลือกที่สองคือทางลัดที่จะช่วยพัฒนาอารยธรรมของเจ้าได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือการกลืนกินอารยธรรมอื่น!” เฉินชิงหยุดชั่วครู่ ก่อนจะรีบตอบในทันที คำตอบของเขาเผยเบื้องหลังกฎแห่งจักรวาลที่แท้จริงให้หวังเป่าเล่อได้รับรู้!

“ดารานิรันดร์คือแก่นของทุกอารยธรรม! มีเพียงอารยธรรมที่มีดารานิรันดร์เท่านั้น ที่จะเอื้อให้เกิดอารยธรรมการฝึกตนขึ้นมาได้!”

“ดารานิรันดร์หรือดาวฤกษ์ใจกลางจักรภพ คือดวงดาวที่ล้ำค่าที่สุดของอารยธรรมนั้นๆ และเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต!”

“ดวงอาทิตย์คือหัวใจหลักของสิ่งมีชีวิตในระบบสุริยะของเจ้า หากเจ้าทำให้ดวงอาทิตย์ของเจ้ากลืนกินดวงอาทิตย์ของอารยธรรมอื่นได้ ดวงอาทิตย์ของเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นทั้งในด้านแรงผลักและพลังงานที่สะสมไว้ภายใน ดวงอาทิตย์ของเจ้าจะกลายมาเป็นพลังขับเคลื่อนธรรมชาติในจักรวาล!

“ดารานิรันดร์และอารยธรรมที่ถูกเจ้ากลืนกินจะกลายเป็นอารยธรรมทาสของเจ้า เมื่อดวงอาทิตย์ของสหพันธรัฐแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนในสหพันธรัฐก็จะพัฒนาขั้นปราณของตนได้อย่างก้าวกระโดด!

“นี่คือกฎลับที่ซุกซ่อนอยู่ในกลไกของจักรวาล และเป็นสาเหตุหลักที่แต่ละอารยธรรมรบพุ่งกัน ตระกูลไม่รู้สิ้นจะไม่เข้าแทรกแซงสงครามการกลืนกินดารานิรันดร์นี้ ในจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้ อารยธรรมมากมายต่างทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากร โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือการทำให้อารยธรรมของตนแข็งแกร่งขึ้นจนไม่มีผู้ใดเทียบเทียม!”

“แล้วเจ้าจะเลือกทางใดเล่า” ประกายที่อ่านไม่ออกวาบเข้ามาในแววตาของเฉินชิง ขณะที่จ้องมองหวังเป่าเล่อ

ชายหนุ่มผู้ถูกถามเงียบงันไป ลมหายใจของเขาถี่ขึ้นเล็กน้อย หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ประกายความมุ่งมั่นก็ส่องสว่างขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม เขาหันไปหาเฉินชิง ก่อนทำมือคารวะพร้อมโค้งคำนับ

“ข้าจะทำทุกอย่างที่ศิษย์พี่บอกให้ทำ แต่ข้าอยากได้เวลาอีกหนึ่งวันก่อนออกเดินทาง นอกจากนี้ข้ายังต้องการให้ท่านใช้พลังเวทของท่านป้องกันสหพันธรัฐจากภัยอันตรายด้วย”

“ไม่มีปัญหา!” เฉินชิงพยักหน้า ก่อนรีบโบกมือขวาและสร้างผนึกฝ่ามือเพื่อสร้างเกราะป้องกันในทันที พลังปราณหนาแน่นระเบิดออกจากท้องฟ้าเบื้องบน โปรยปรายลงมายังพื้นโลก ก่อนฝังตัวเองลงสู่ใต้พิภพและสลายหายไปโดยไร้ร่องรอย พันธนาการที่จองจำหวังเป่าเล่อไว้ก็คลายลงเช่นกัน

“ข้าจะรอเจ้าอยู่นอกชั้นบรรยากาศโลก!” เมื่อพูดจบเฉินชิงก็โยนกระเป๋าคลังเก็บให้หวังเป่าเล่อ ก่อนหันหลังจากไปในท้องฟ้ามืดมิดในพริบตา

หวังเป่าเล่อยืนอยู่กลางอากาศ มองไปยังทิศที่ศิษย์พี่ของเขาหายตัวไป เวลาผ่านไปเนิ่นนานก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจได้ เขาหันหน้ากลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงบ้าน ชายหนุ่มก็นั่งอยู่เงียบๆ คนเดียวจนดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนที่ขอบฟ้า หวังเป่าเล่อลุกขึ้นเพื่อตระเตรียมอาหารเช้าให้บิดามารดา เมื่อทั้งสองตื่น เขาก็คุกเข่าลงแทบเท้าพวกท่าน

ชายหนุ่มอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้คู่สามีภรรยาอาวุโสที่กำลังตกใจด้วยความใจเย็น โดยอ้างเหตุผลอื่นแทนที่จะบอกความจริง เนื่องจากไม่ต้องการให้ทั้งสองเป็นห่วง การจากลานั้นช่างแสนเจ็บปวดยิ่งนั้น ขณะที่พวกเขากำลังกินอาหารเช้ากัน หวังเป่าเล่อก็ร่ายเวทเพื่อคุ้มครองทั้งสอง และเฝ้าดูทั้งสองกลืนโอสถที่ศิษย์พี่ให้มาเพื่อยืดเวลาชีวิตของพวกท่านออกไป ท้ายที่สุดแล้ว หวังเป่าเล่อก็โค้งคำนับบิดามารดา ก่อนหันหลังจากไป

เขาไปหากระต่ายน้อย ต่อด้วยหลี่หว่านเอ๋อร์ เขาส่งข้อความให้หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีเพื่อแจ้งข่าว เจ้านครดาวอังคารและคนอื่นๆ ตกใจเป็นอันมากเมื่อได้ยินว่าหวังเป่าเล่อกำลังจะจากระบบสุริยะไป ขณะที่หลี่ซิงเหวินกระวนกระวายจนแทบจะเป็นบ้า ต้วนมู่ฉีเงียบกริบ ไม่ทราบแม้แต่น้อยกว่าตนเองควรทำอย่างไรต่อไป

หวังเป่าเล่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาอยากอยู่ต่อ แต่ก็รู้ดีว่าศิษย์พี่ของตนพูดถูกแล้วในเรื่องนี้ นี่เป็นทางที่ดีกว่า ทั้งสำหรับตัวเขาเองและสำหรับสหพันธรัฐ เขาต้องจากบ้านเกิดของตนไปเพื่อตามหาความหวังที่ซุกซ่อนอยู่นอกระบบสุริยะ

ชายหนุ่มเสียใจที่ตนเองยังไม่มีโอกาสได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ สุดท้ายแล้วเจ้านครดาวอังคารก็ได้ก้าวขึ้นมานั่งเก้าอี้นี้ในฐานะผู้นำสหพันธรัฐคนต่อไป การที่หวังเป่าเล่อจากสหพันธรัฐไปถือเป็นความลับสูงสุด ประชาชนรู้เพียงว่าเขาเข้าเก็บตัวถือสันโดษยาวเพื่อฝึกวิชาเท่านั้น

เวลาหนึ่งวันอันแสนของเขาเดินทางมาถึงจุดจบในที่สุด หวังเป่าเล่อยืนมองแสงอาทิตย์สุดท้ายที่กำลังลาลับขอบฟ้า ก่อนจะลุกขึ้นยืน และกระโจนสู่ห้วงอวกาศเบื้องบน!

ทันทีที่เขาออกจากชั้นบรรยากาศโลก เฉินชิงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกาย ชายหนุ่มโบกมือ ก่อนอวกาศรอบตัวของทั้งสองจะแปรเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน พวกเขาเคลื่อนย้ายออกจากโลกมาปรากฏตัวที่…ดาวพลูโต!

“หนทางไปสำนักแห่งความมืดใต้ดินนั้นยาวไกลนัก เราต้องเดินทางผ่านบริเวณต้องห้ามถึงเจ็ดที่ด้วยกัน แล้วยังต้องผ่านอาณาเขตหลักของตระกูลไม่รู้สิ้นด้วย เมื่อเต๋าสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นเดินทางมาถึง เจ้าจะต้องเข้าไปนอนหลับในโลงศพเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง โลงศพนี้เป็นของขวัญจากท่านอาจารย์ของเรา เป็นวัตถุเวทที่มีพลังพิเศษมาก จึงไม่สามารถใส่ไว้ในกระเป๋าได้ ข้าจะต้องแบกโลงนี้ไปตลอดทางจนกว่าจะถึงที่หมาย เราจะใช้เวลาเดินทางสิบปีด้วยกัน กว่าเจ้าจะตื่นขึ้นเราก็คงถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว”

หวังเป่าเล่อเงียบกริบเมื่อได้ยินคำอธิบายการเดินทางจากปากเฉินชิง เขารู้สึกหดหู่เมื่อคิดว่าตนเองต้องโยนเวลาทิ้งโดยการหลับไปถึงสิบปี แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงพยักหน้าตกลงเท่านั้น ดาวพลูโตสั่นสะท้านเมื่อเฉินชิงโบกมือ รอยแยกขนาดมหึมาแตกออกทั่วดาว หมอกมืดพวยพุ่งขึ้นในอากาศ ก่อนรวมตัวกันเป็นโลงศพยักษ์ต่อหน้าหวังเป่าเล่อ!

เฉินชิงสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ โลงศพสั่นสะเทือนก่อนจะย่อขนาดลงอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายแล้วกลายเป็นโลงศพขนาดปกติ โลงศพนั้นไม่ได้สร้างมาจากหมอกสีดำอีกต่อไป หากแต่เป็นโลหะกล้าสีดำสนิท!

ร่องรอยแห่งความเก่าแก่แผ่กระจายออกจากโลงศพที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน อักขระที่ทอแสงสว่างอยู่บนฝาโลงส่งพลังรุนแรงเกินจินตนาการออกมา

“ข้าจะต้องเข้าไปนอนในโลงจริงๆ หรือ” หวังเป่าเล่อถอนใจ

“ไม่ต้องห่วงไปหรอกเป่าเล่อ มันก็เหมือนเจ้านอนกลางวันเท่านั้น พอตื่นมาเราก็ถึงที่หมายกันแล้ว” เฉินชิงมองหวังเป่าเล่อด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบก ฝาโลงแง้มออกช้าๆ หมอกไหลออกจากภายในโลงศพเข้าหาตัวชายหนุ่ม หวังเป่าเล่อนวดหน้าผากตนเอง ก่อนก้าวเท้าเข้าไปในโลง

เมื่อเข้าไปนอนในโลงศพแล้ว ชายหนุ่มก็พบว่ามันไม่ได้อึดอัดแข็งกระด้างเหมือนที่คิดไว้ แต่กลับอบอุ่นเสียจนทำให้เขาเริ่มง่วงงุน หวังเป่าเล่อหาวหวอด พูดพึมพำกับศิษย์พี่ของตน “ความจริงก็ไม่เลวนะถ้าจะนอนไปสักสิบปี พอตื่นมาก็ถึงแล้ว หวังว่าระหว่างทางจะไม่เกิดอะไรขึ้น…”

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน!” เฉินชิงยืนอยู่นอกโลงพร้อมเสียงหัวเราะ เขาปิดฝาโลงและจัดการยกมันขึ้น จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวออกสู่ดวงดาวไกลโพ้น เพียงสามก้าวเขาก็ออกจากระบบสุริยะไปเรียบร้อยแล้ว!

ชายหนุ่มไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง คืบออกห่างจากบ้านเกิดของหวังเป่าเล่อไปอย่างรวดเร็ว เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ดวงดาวอันไกลโพ้น!

………………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset