หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 773 ช้าก่อน สาวๆ!

สัตว์เลี้ยงตัวที่สี่ที่ผู้ฝึกตนหญิงร่างสูงพามาเดินคือ…คนหน้าตาคุ้นเคยจากสหพันธรัฐ จั่วอี้เซียน!

จั่วอี้เซียนคือหนึ่งในร้อยพันธุ์กล้าสหพันธรัฐรุ่นที่สองที่ได้ขึ้นไปบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ จากนั้นก็หายตัวไปอย่างลึกลับหลังไปถึงสำนักวังเต๋าไพศาล ไม่มีใครพบตัวเขาเลยตอนที่เกิดศึกระหว่างสำนักวังเต๋าไพศาลกับสหพันธรัฐ หวังเป่าเล่อคิดว่าจั่วอี้เซียนน่าจะตายไปแล้วจนกระทั่งได้อ่านเอกสารลับก่อนออกเดินทางออกจากสหพันธรัฐและได้รู้ว่าสหพันธรัฐเผชิญปัญหาคนหายตัวไปอย่างปริศนามาตลอดหลายปี

มีการบันทึกชื่อจั่วอี้เซียนไว้ในเอกสารในฐานะคนหายด้วย!

หวังเป่าเล่อคิดว่าตนคงไม่มีวันได้เจอจั่วอี้เซียนอีก ใครจะไปคิดเล่าว่าจะได้มาเจอกันอีกครั้งในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์…ในบริบทที่แปลกประหลาดเช่นนี้!

สภาพของจั่วอี้เซียนดูน่าเวทนามาก…ตัวของเขาผอมจนหนังหุ้มกระดูก ไม่เห็นแววความยโสโอหังที่เคยมี เขาดูตื่นกลัวและสิ้นหวัง แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่กลับดูดี เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน แต่ไม่ว่าจะมีสภาพเช่นไร…เชือกที่ผูกอยู่ที่คอก็ชี้ชัดว่าชายหนุ่มถูกกระทำเหมือนสัตว์เลี้ยง

เขาเดินอยู่ข้างสัตว์อีกสามตัว ถูกเฆี่ยนให้ร้องคร่ำครวญขณะเดินไปด้านหน้า…เสียงกรีดร้องของเหล่าสัตว์เลี้ยงเรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงรอบๆ ได้ ผู้ฝึกตนสองสามคนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ บางคนยกมือลูบหัวสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ภาพเบื้องหน้าอาจดูแปลกพิกล แต่ถ้าคนอื่นๆ มองจั่วอี้เซียนเป็นแค่สัตว์เลี้ยง การกระทำของพวกเขาก็ถือเป็นเรื่องปกติ

จั่วอี้เซียนมีรูปลักษณ์แทบไม่ต่างจากผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จึงได้รับการดูแลต่างจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้นำของเหล่าสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายังเรียกคะแนนพิศวาสเพิ่มได้มากทีเดียว

หวังเป่าเล่อมองจั่วอี้เซียนอยู่ไกลๆ ด้วยสีหน้าแปลกแปร่ง เขาถอนใจเงียบๆ พร้อมยกมือขึ้นลูบคาง อย่างไรคนตรงหน้าก็เคยเป็นคนรู้จักมักจี่ ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะเพิกเฉยต่อสภาพน่าเวทนาของอีกฝ่ายได้ ถ้าสามารถช่วยจั่วอี้เซียนได้ก็คงดี

แต่ถ้าต้องจ่ายราคาแพงเพื่อช่วยจั่วอี้เซียนก็คงไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ หวังเป่าเล่อมองกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงเดินผ่านไปช้าๆ ก่อนจะกระแอมกระไอขึ้นเสียงดังพร้อมตะโกนเรียก

“ช้าก่อน สาวๆ พวกเจ้าทำกระเป๋าคลังเก็บตก”

กลุ่มผู้ฝึกตนหญิงที่กำลังคุยกันหยุดชะงักและหันกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากชายหนุ่ม พวกนางไม่เคยเจอหวังเป่าเล่อมาก่อน แต่ข่าวคราวเรื่องค่าหัวที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำตั้งไว้ก็กระจายไปทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พวกนางจึงรู้จักรูปโฉมของเขาและรู้ว่าเขาได้มาเข้าร่วมกองทหารวิหคน้ำแข็ง

ดังนั้นเมื่อพวกนางปรายตามองจึงทราบทันทีว่าหวังเป่าเล่อเป็นใคร

หวังเป่าเล่อสาวเท้าเข้าไปหากลุ่มผู้ฝึกตนหญิงที่หันกลับมามองตน จากนั้นก็ยกมือขวาหยิบกระเป๋าคลังเก็บนับสิบใบออกมา แต่ละใบมีวัตถุดิบต่างๆ อยู่ด้านใน ถึงจะไม่ได้มีราคาค่างวดนัก แต่ก็ถือเป็นของขวัญแทนการพบกันครั้งแรก

ชายหนุ่มเผยยิ้มที่ตนคิดว่าน่าจะดูมีเสน่ห์ที่สุดขณะหยิบกระเป๋าคลังเก็บออกมาและเดินตรงไปหากลุ่มผู้ฝึกตนหญิง จากนั้นก็แจกจ่ายกระเป๋าคลังเก็บให้พวกนางคนละใบเหมือนกับเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมานาน

ดวงตาของกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงเป็นประกายเมื่อได้รับของกำนัล พวกนางมองประเมินหวังเป่าเล่อ ในมือถือกระเป๋าคลังเก็บไว้แต่ยังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะรับมา ชายหนุ่มวางกระเป๋าคลังเก็บใบสุดท้ายลงบนมือบุคคลที่สำคัญที่สุดในกลุ่ม ผู้ฝึกตนหญิงร่างสูงที่เดินจูงสัตว์เลี้ยงทั้งสี่ขยายสัมผัสสวรรค์ตรวจดูของในกระเป๋า จากนั้นก็เอ่ยขึ้น

“เป็นสหายเต๋าหลงหนานจื่อนี่เอง เจ้าให้ของกำนัลพวกข้าทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก เราไม่กล้ารับของเช่นนี้ไว้หรอก” ผู้ฝึกตนหญิงยื่นกระเป๋าคลังเก็บคืนไปทางชายหนุ่ม

หวังเป่าเล่อกะพริบตาเมื่อได้ยินที่นางพูด ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะอับอายแต่ตั้งใจจะทำให้คนอื่นเห็นว่าตนกำลังขวยเขิน ชายหนุ่มกวาดแขนขึ้นมากุมมือทักทาย

“ข้าล้ำเส้นเกินไป ตอนพวกเจ้าเดินผ่าน ข้าได้กลิ่นลอยมาตามย่างก้าวของพวกเจ้าแล้วรู้สึกราวกับได้ขึ้นสวรรค์ ทำให้ข้าอยากเข้าหาและทำความรู้จักพวกเจ้าให้มากกว่านี้…พอได้เห็นใบหน้าพวกเจ้า ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ข้าก็ประหม่าจนควบคุมตัวเองไม่อยู่…” หวังเป่าเล่อทำเหมือนคิดคำพูดไม่ออก พยายามห้ามตนเองให้ประหม่าน้อยลง ด้วยความหล่อเหลาของหลงหนานจื่อ เสื้อผ้าที่เรียบร้อยดูดี และชื่อเสียงจากศึกกับกองทหารมังกรหยดหมึกทำให้แน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครไม่นึกชอบใจตน

ใบหน้าก็มีส่วนช่วย คำพูดที่ออกจากปากก็ดูจริงใจ ซึ่งผู้หญิงก็มักจะโอนอ่อนให้กับคำชมที่จริงใจ ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงรู้สึกดีกับชายหนุ่มมากขึ้น

หญิงร่างสูงหัวเราะ จากนั้นก็ตรวจดูข้าวของในกระเป๋าคลังเก็บอีกครั้ง นางนึกลังเล ของที่หวังเป่าเล่อให้นางมานั้นมีราคามากกว่าของคนอื่นๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็พยักหน้าและยิ้มให้

“ศิษย์น้องอันเป็นที่รัก ไหนๆ สหายเต๋าหลงหนานจื่อของเราก็มีน้ำจิตน้ำใจให้ของกำนัลมา พวกเราก็ควรจะรับเอาไว้”

คำพูดของนางทำให้ผู้ฝึกตนหญิงคนอื่นๆ หัวเราะขึ้น พวกนางเก็บกระเป๋าคลังเก็บไปและหันมามองหวังเป่าเล่ออย่างสนอกสนใจ ชายหนุ่มชำนาญด้านการผูกมิตร ในช่วงเวลาไม่นาน เขาก็เอ่ยชมหญิงสาวนางหนึ่งเรื่องผิวพรรณ ชมอีกนางหนึ่งเรื่องความงาม อีกนางชมเรื่องการแต่งตัว ส่วนอีกนางชมเรื่องกลิ่นของน้ำหอม ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นว่าดูดวงด้วยลายนิ้วมือได้ ไม่นานพวกเขาก็สนทนากันอย่างสนุกสนาน ทิ้งสัตว์เลี้ยงเอาไว้ที่มุมหนึ่ง

สัตว์เลี้ยงทั้งสี่แอบถอนใจอยู่เงียบๆ จั่วอี้เซียนนึกถึงความรุ่งเรืองเมื่อตอนอยู่ที่สหพันธรัฐ แต่ตอนนี้เขากลับกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงโง่ๆ ความขมขื่นถาโถมอยู่ภายใน

หวังเป่าเล่อพูดคุยกับกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงอยู่ครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นเขาได้รู้อะไรเพิ่มเติมสองสามอย่างเกี่ยวกับผู้ฝึกตนหญิงร่างสูง เช่น นางชอบสะสมสัตว์เลี้ยงและไม่ได้สนใจสัตว์เลี้ยงที่ได้มาสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปเรื่องสัตว์เลี้ยงทั้งสี่ พอเอ่ยชมอีกรอบเสร็จ เขาก็ขอซื้อสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งไปคุ้มกันถ้ำที่พักของตน

  ผู้ฝึกตนหญิงเงียบไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินที่หวังเป่าเล่อพูด นางคงไม่คิดจะขายสัตว์เลี้ยงให้ถ้าเขาเข้ามาถามตรงๆ แต่ตอนนี้เมื่อได้คุยกันมาสักพักแล้ว ถึงจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่นางก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นกับทั้งรูปร่างหน้าตาและการวางตัวของอีกฝ่าย นอกจากนี้หญิงสาวยังตระหนักถึงชื่อเสียงของหลงหนานจื่อดี เขาอาจจะอยู่แค่ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลาง แต่ก็ได้ถล่มกองทัพทั้งกองด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว เรื่องนี้อาจสำเร็จได้ด้วยเล่ห์กลและการซุ่มโจมตี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปจะทำได้อยู่ดี

ผู้ฝึกตนหญิงอยากสนิทกับคนเช่นนี้ การสะสมสัตว์เลี้ยงอาจจะเป็นงานอดิเรกของนาง แต่ก็มีหลายตัวที่หนีหายไป แล้วก็ไม่ใช่ว่านางจะไม่เคยยกให้คนอื่นบ้าง หลังจากครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจไม่ปฏิเสธคำขอของชายหนุ่ม นางนึกสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงเล็งเฉพาะเจาะจงที่ตัวนี้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ถามไปเพียงเรื่องราคาที่เหมาะสมเท่านั้น

หวังเป่าเล่อพอใจมากที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เขาเป็นคนฉลาดจึงไม่ยอมปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียว หลังจากพูดคุยกับกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงต่ออย่างสนุกสนานและได้ข้อมูลการติดต่อมา ชายหนุ่มก็เจรจาเรื่องราคากับผู้ฝึกตนหญิงร่างสูง ซึ่งของในกระเป๋าคลังเก็บที่ให้ไปนั้นมีมูลค่าสูงกว่าที่นางเรียกมาหลายเท่านัก

ผู้ฝึกตนหญิงร่างสูงหรี่ตาลงเล็กน้อย นางตระหนักได้ว่าหลงหนานจื่อแค่จะใช้การติดต่อซื้อสัตว์เลี้ยงเป็นข้ออ้าง แต่จริงๆ แล้วอยากสนิทกับนางให้มากขึ้นและยกของกำนัลให้

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า นางพยักหน้าให้หวังเป่าเล่อและเดินจากไป

ชายหนุ่มมองกลุ่มผู้ฝึกตนหญิงจากไป เมื่อพวกนางหายลับตาไปแล้ว เขาก็ก้มมองเชือกในมือ จากนั้นก็หันไปมองจั่วอี้เซียนที่นั่งคุกเข่าผูกติดกับปลายเชือกอยู่ข้างๆ หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอด้วยความกระอักกระอ่วนใจ จากนั้นก็มองสำรวจจั่วอี้เซียนไปมา จั่วอี้เซียนตัวสั่นเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะก้มหัวลงตามสัญชาตญาณ

หวังเป่าเล่อถอนใจเงียบๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเกรงกลัวสายตาของตน ชายหนุ่มลูบหัวจั่วอี้เซียน จากนั้นก็หันกลับและมุ่งหน้าไปยังถ้ำที่พัก

จั่วอี้เซียนรู้สึกโกรธแค้นและทุกข์ใจเมื่อเห็นเจ้านายคนเก่าเจรจาซื้อขายตนกับเจ้านายคนใหม่ สายตาแปลกๆ ของหวังเป่าเล่อเปลี่ยนความรู้สึกนั้นให้กลายเป็นความสะพรึงกลัว การลูบหัวเมื่อครู่ทำให้เขาใจเย็นลงได้เล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นกังวล ไม่กล้าขัดขืนเจ้านายคนใหม่ที่กำลังจูงนำตนเดินไปเรื่อยๆ

หวังเป่าเล่อพาจั่วอี้เซียนกลับมายังที่พักและมัดปลายเชือกไว้กับเสาไม้ เขามองจั่วอี้เซียนอีกครั้ง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าเข้าใจภาษาที่ใช้พูดกันในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์หรือไม่”

จั่วอี้เซียนใจเต้นระส่ำด้วยความกังวลเมื่อได้ยินเสียงของหวังเป่าเล่อ เขารีบคุกเข่าลงและพยักหน้าตอบ แม้จะเพิ่งมาถึงอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่ตนเป็นผู้ฝึกตนจึงทำให้เข้าใจภาษาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งช่วงที่ได้รับการฝึกให้เป็นสัตว์เลี้ยง เจ้านายคนเก่าก็ได้สอนเขามาด้วยเช่นกัน

“ดี บอกข้ามาว่าเจ้ามาจากไหน โดนจับมาได้อย่างไร” หวังเป่าเล่อพูดขึ้นช้าๆ ขณะทรุดตัวลงนั่ง ดวงตาของเขาฉายแสงวาบขึ้น

 ……………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset