หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 430 เปิดไพ่ตาย!

บทที่ 430 เปิดไพ่ตาย!

ขณะที่ทุกคนกำลังสาละวนจัดการกับงูเหลือมยักษ์ นัยน์ตาของมันก็เป็นประกาย งูเหลือมหันหัวไปทางลำแสงคาถาเวทที่เหล่าผู้ฝึกตนปล่อยออกมาพร้อมกัน ก่อนขู่คำรามก้อง

ฟ่อ!

เสียงขู่คำรามนั้นดังมากจนแก้วหูแทบแตก ราวกับอัสนีสวรรค์ได้ฟาดลงบนผืนปฐพี ทันทีที่เสียงคำรามระเบิดออกมาจากปากงูยักษ์ คลื่นเสียงรุนแรงก็ไหลบ่าอย่างรวดเร็วไปทั่วบริเวณ ก่อนพุ่งเข้าปะทะเหล่าคาถาเวท

ทันทีที่คาถาของเหล่าผู้ฝึกตนทั้งที่มีปราณขั้นลมหายใจเที่ยงแท้และรากฐานตั้งมั่นปะทะเข้ากับคลื่นเสียง แรงระเบิดก็กระจายตัวออกทั่วบริเวณ แรงที่เกิดจากการปะทะรุนแรงเกินจินตนาการ และพุ่งเข้าปกคลุมทั่วนครภายในพริบตาเดียว ลูกหลงจากการปะทะชนเข้ากับผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในในทันที

ผู้ฝึกตนทั้งสิบนั้นอยู่ในระดับกำเนิดแก่นในชั้นต้น และต่างตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ทุกคนพยายามต้านแรงโจมตี แต่ด้วยขั้นปราณของพวกเขาทำให้ยากที่จะต้านทานได้ จนทำให้กระอักเลือดออกมาขณะพยายามถอยหนี

ปราการของจินตั้วหมิงก็พังไปบางส่วนเช่นกัน แต่ปราการนั้นมีคุณภาพดีพอส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับความเสียหาย และยังสามารถเดินหน้าต้านทานงูยักษ์ได้อยู่

แต่ความเร็วของปราการก็ลดลงไปเช่นกัน ทันทีที่มันพุ่งเข้าปะทะงูยักษ์ หางของเจ้างูก็แตกออก เศษชิ้นส่วนของหางเข้าชนกับปราการของจินตั้วหมิง

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ปราการของจินตั้วหมิแตกออกเป็นเศษเหล็กขนาดใหญ่นับชิ้นไม่ถ้วน และตกลงใส่พื้นดินจนทำให้พื้นทะลุเป็นโพรง

ภาพที่เห็นทำให้จินตั้วหมิง กงเต๋า และหลินเทียนหาว อ้าปากค้างด้วยความตกใจ สีหน้าซีดเผือดไปตามๆ กัน ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในสิบคนนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม หลายคนหลุดปากออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ

“นี่มั่นพลังปราณกับกำลังกายขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์มิใช่หรือ คงมีแต่ผู้มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์เช่นกันเท่านั้นที่จะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้!”

ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกจากปากผู้ฝึกตน สีหน้าของงูยักษ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นดูถูก เฉินมู่กำลังบ้าคลั่งเลือดเดือด จึงควบคุมหุ่นเชิดงูเหลือมให้มุ่งหน้าโจมตีต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง งูเหลือมมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในเหล่านั้น และก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไร สัตว์ร้ายก็อ้าปากมหึมาออกก่อนจะกลืนพวกเขาเข้าไปทั้งตัว!

เสียงกรีดร้องโหยหวนน่าสยดสยองดังลอดออกมา เลือดสดๆ สีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ภาพน่าสยดสยองนองเลือดนี้ทำให้ทุกคนตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

แต่เจ้างูเหลือมก็เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก มันพุ่งออกโจมตีอีกครั้งด้วยความเร็วราวสายฟ้า ร่างพร่าเลือนของมันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าจินตั้วหมิง หมายที่จะกลืนกินเขาทั้งตัว!

จินตั้วหมิงตกใจสุดขีด เขาหลบไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเห็นโศกนาฏกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า องครักษ์เต๋าสองคนข้างกายก็แทบคลั่งด้วยความกระวนกระวายใจ กลุ่มไตรจันทรามีบุญคุณกับพวกเขาทั้งสองมากเหลือล้น ทั้งดูแลครอบครัวของพวกเขาด้วยความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะลูกเล็กเด็กแดงหรือผู้เฒ่าแก่ชรา ทั้งสองตระหนักดีว่าหน้าที่ของตนคือการปกป้องจินตั้วหมิง ในนาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเอง ทั้งคู่จึงพุ่งตัวเข้าไปในทันที คนหนึ่งคว้าตัวจินตั้วหมิงไว้และถอยหนี ส่วนอีกคนก็กัดฟันระเบิดตัวเองออกเป็นชิ้นๆ ทันทีที่งูร้ายมาถึง!

เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้ง การระเบิดตนเองของผู้ฝึกตนที่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในทำให้แม้แต่งูเหลือมยังต้องถอยหนีเพื่อรักษาชีวิต จินตั้วหมิงตื่นจากภวังค์ทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิด ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ ก่อนตะโกนร้องออกมาด้วยหัวใจแตกสลาย

“ท่านลุงหลี่!”

เสียงของจินตั้วหมิงเต็มไปด้วยอารมณ์บ้าคลั่งและความเสียใจสุดขีด หลังจากที่งูร้ายหลบแรงระเบิดได้ ตัวของมันก็สั่นอยู่ชั่วครู่ ก่อนตัดสินใจพุ่งเข้าใส่กงเต๋าแทน แต่กงเต๋าเตรียมตัวรับการโจมตีไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งองครักษ์เต๋าทั้งสองคนที่อยู่ข้างกายก็มุ่งมั่นสกัดการโจมตีของงูยักษ์เต็มที่เช่นกัน หลินเทียนหาวเองก็ไม่ต่างกัน แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของเจ้างูยักษ์ เสียงระเบิดดังติดต่อกันทั่วบริเวณ กงเต๋า หลินเทียนหาว และองครักษ์เต๋าทั้งหลายต่างพากันกระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ พวกเขารีบถอยร่นออกมาทันที แต่ในระหว่างนั้นเองผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในคนหนึ่งก็ถูกงูยักษ์กลืนกินเข้าไปอีกคน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีความหมายแม้แต่น้อยกับเจ้างูร้าย มันหันหน้าไปทิศใหม่อีกครั้ง และพุ่งเข้าใส่หลินเทียนหาว สายตาของมันอาบด้วยความจงเกลียดจงชัง และต้องการที่จะคร่าชีวิต

หลินเทียนหาว ไอ้หมารับใช้หวังเป่าเล่อ ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้คราวนี้! เฉินมู่ที่ควบคุมงูเหลือมอยู่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาควบคุมหุ่นเชิดนั้นให้ปรากฏตัวต่อหน้าหลินเทียนหาว งูยักษ์อ้าปากมหึมาออกพร้อมแรงดูดมหาศาลเพื่อกลืนหลินเทียนหาวเข้าไปทั้งตัว

ทว่าตอนนั้นเอง แววแห่งความบ้าคลั่งก็วาบขึ้นมาในดวงตาของหลินเทียนหาวเช่นกัน ชายหนุ่มตะโกนก้อง ก่อนจะหยิบเหรียญหยกที่แขวนเป็นสร้อยคอออกมาจากใต้เสื้อ และขยี้มันอย่างรุนแรง!

แสงสว่างเจิดจ้าระเบิดออกมาจากเหรียญหยกนั้น ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงเรืองรอง ร่างนั้นก็คือ หลินโยว บิดาของหลินเทียนหาว!

เหรียญหยกนี้คือเครื่องรางกู้ชีพที่หลินโยวมอบให้หลินเทียนหาวสำหรับยามคับขันบนดาวอังคาร โดยเฉพาะหลังจากที่หลินเทียนหาวผ่านเหตุการณ์เกือบถึงชีวิตมาแล้วในถ้ำโลหิตเมื่อครั้งก่อน เหรียญหยกนี้บรรจุดวงจิตของหลินโยวเอาไว้ หากปลุกขึ้น ดวงจิตจะปล่อยพลังรุนแรงออกมาเพื่อป้องกันภัยให้หลินเทียนหาว!

เครื่องรางนี้ล้ำค่ามาก จนแม้แต่ผู้ที่ร่ำรวยด้วยทรัพย์และอำนาจอย่างหลินโยว ยังสามารถสร้างขึ้นได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เนื่องจากวัตถุดิบที่นำมาทำเหรียญนี้หาได้ยากยิ่งบนโลก หลินโยวได้มันมาครอบครองด้วยโชคชะตาที่นำพา เมื่ออำนาจของมันถูกปลุกขึ้นมา เสียงระเบิดก็ดังก้องไปทั่วบริเวณอีกครั้ง ร่างมายาของหลินโยวยกมือขวาขึ้น ก่อเกิดเป็นกระบี่ยินมายาที่พุ่งตรงออกมา!

คมกระบี่ทรงพลานุภาพมากล้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วน งูเหลือมยักษ์ตกใจและรีบถอยหนีไปข้างหลัง หางของมันม้วนไปมาด้วยความเร็วสูงขณะพยายามเอาชีวิตรอด ทันทีที่คมกระบี่ฟาดเข้าที่หางของงูยักษ์ หางของมันก็มีรอยร้าวเผยให้เห็นลายไม้ที่อยู่ภายในร่าง ขณะที่มันถอยร่นไปข้างหลัง

ทว่าตอนที่เจ้างูถอยร่นอยู่นั้น กงเต๋าก็กัดฟันแน่นพลางยกมือซ้ายขึ้นอย่างฉับพลัน และบิดนิ้วก้อยข้างขวาของตนออกมา! นิ้วก้อยข้างขวาของกงเต๋าหาใช่เลือดเนื้อ หากแต่เป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่ดูคล้ายร่างกายมนุษย์ ความจริงแล้ว มือขวาของกงเต๋ามีเพียงสี่นิ้วมาตลอด!

หลังจากที่บิดนิ้วก้อยของตนออกมาเรียบร้อย กงเต๋าก็บีบมันจนแตก แสงสว่างเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ก็ระเบิดออกมาทันที ก่อนจะก่อตัวเป็นปักษาเพลิงพุ่งเข้าหางูยักษ์!

แสงที่เรืองออกจากนิ้วก้อยขวาของกงเต๋า บ่งบอกว่ามันคืออาวุธเวทระดับเจ็ด แต่ไม่ใช่แค่นั้น อาวุธเวทระดับเจ็ดของกงเต๋านี้ยังมีพลังอยู่ในชั้นสมบูรณ์อีกด้วย!

ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าทอแสงวาบ พวกเขามองไปที่หางของงูยักษ์ซึ่งได้รับบาดเจ็บและท่าทีของมันที่กำลังหนีเอาตัวรอด ก่อนตะโกนก้องออกมา

“ไอ้งูนี่ไม่ใช่อสูร! มันเป็นหุ่นเชิด! แถมคนที่ควบคุมมันยังด้อยทั้งขั้นปราณและความรู้ มันทำได้แค่ใช้พลังของหุ่นเชิดเท่านั้น แต่ควบคุมงูนี่อย่างเบ็ดเสร็จไม่ได้!”

ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในทั้งหมดพุ่งออกไปข้างหน้าทันทีที่ได้ยิน ดวงตาของจินตั้วหมิงและพรรคพวกเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ชายหนุ่มตะโกนก้อง ก่อนยกมือซ้ายขึ้นเรียกขวานรบออกมาและโยนให้ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในข้างกายตน ผู้ฝึกตนผู้นั้นรับเอาไว้มั่น ก่อนหายใจเร็วขึ้นด้วยพลังอำนาจรุนแรงของขวานรบที่ส่งเข้ามาในกาย ขวานรบนั้นคืออาวุธเวทระดับแปด และบัดนี้กำลังถูกกวัดแกว่งต่อกรกับเจ้างูร้ายกลางอากาศ!

ตอนนั้นเองจินตั้วหมิงก็หยิบกระบี่อาวุธเวทออกมาควง ชายหนุ่มคำรามก้อง ก่อนพุ่งเข้าใส่งูร้ายหมายห้ำหั่น!

แม้ทุกคนจะร่วมมือกันโค่นงูยักษ์ แต่สัตว์ร้ายที่กำลังบาดเจ็บและหลบหนีการโจมตีของหลินเทียนหาวก็ยังแข็งแกร่งนัก ด้วยพลังปราณที่เทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ หุ่นเชิดงูยักษ์ยังคงเดินหน้าโจมตีเป้าหมายของมันต่อไปแม้จะตกอยู่ในอันตราย ร่างของมันปล่อยเกล็ดหิมะสีเลือดออกทุกทิศทาง จนทำให้เกิดพายุโลหิตขึ้นกลางอากาศหมายจะปิดกั้นทั่วทุกทิศทางและสกัดการโจมตีของกงเต๋า

พายุสีโลหิตเดินหน้าปล่อยแสนยานุภาพต่อไปพร้อมเสียงดังกึกก้อง ในตอนนั้นเองที่ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในชั้นต้นต่างหยิบไพ่ตายของตนเองออกมา สร้างเป็นคาถาเวทให้พุ่งออกไปข้างหน้า พายุสีโลหิตสลายตัวไปด้วยแรงปะทะจากคาถาเวท ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนที่กำลังกวัดแกว่งขวานรบอาวุธเวทระดับแปดก็ส่งคมขวานรุนแรงออกไปหาเจ้างูยักษ์ พลังของมันทำให้ทั้งสวรรค์และพื้นพิภพสั่นสะเทือน หมู่เมฆหมุ่นวนอย่างบ้าคลั่ง คมขวานกล้าฟาดเข้าใส่หัวของงูร้ายอย่างจัง!

หัวของหุ่นเชิดแตกออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นเสี้ยนไม้ที่อยู่ภายใน ตอนนั้นเองคมกระบี่ของจินตั้วหมิงก็พุ่งเข้าปะทะเข้าที่จุดเดิมบนหัวงู ดวงตาของสัตว์ร้ายฉายแววอับอายขึ้น ร่างของมันสั่นเทา มันกรีดร้องพร้อมส่งคลื่นเสียงออกทำลายล้าง

เสียงกรีดร้องทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นกระอักเลือดออกมาและจำใจต้องถอยหนี เสียงของปีศาจร้ายก่อให้เกิดระเบิดเสียงที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทานทนได้ มันจะทำให้ร่างกายของพวกเขาย่อยสลาย จิตวิญญาณสั่นสะเทือน ราวกับวิญญาณภายในกายถูกฉีกกระชากออกจากร่าง

หลังจากที่กรีดร้องจนทุกคนต้องหนีตายเรียบร้อยแล้ว หุ่นเชิดงูยักษ์ก็เตรียมจะหนี -ขณะที่แผลบนร่างกายเริ่มสมานกัน เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปก่อนหน้านี้กำลังจะหายวับไปกับตา หลินเทียนหาวก็แทบคลั่ง ดวงตาของจินตั้วหมิงเป็นสีแดงก่ำด้วยโทสะรุนแรง ส่วนกงเต๋าหายใจหอบและจับหมัดขวาของตนที่เหลือเพียงสี่นิ้วไว้แน่น

ทว่าตอนนั้นเอง เสียงเรือบินก็ดังมาจากระยะไกล เรือบินนั้นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนก่อให้เกิดระเบิดเสียงขึ้น ร่างหนึ่งพุ่งทะยานไปข้างหน้า โดยใช้ความเร็วจากเรือบินเสริมความแรงของการโจนทะยานให้เพิ่มขึ้นไปอีกทำให้เกิดเงาร่างอย่างต่อเนื่อง

ทุกคนที่มองจากระยะไกลไม่สามารถบอกได้ว่าเจ้าของร่างนั้นคือใคร แต่ทันทีที่เขาพุ่งออกจากเรือบิน พายุสีดำก็อุบัติขึ้น ก่อนเปลี่ยนร่างเป็นจระเข้นิลขนาดยักษ์ สัตว์ร้ายสีดำกรีดร้องก้อง รวมร่างเข้ากับมนุษย์ที่เป็นเจ้า จนเกิดภาพอันน่าตื่นตะลึงของจระเข้ที่กำลังกลืนกินงูเหลือมยักษ์!

ร่างนั้นทะยานผ่านเหล่ามนุษย์ที่หนีตายจากคลื่นเสียง และพุ่งเข้าใส่งูเหลือมยักษ์ในทันที!

คนผู้นั้นก็คือ… หวังเป่าเล่อ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset