หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 831 เกราะมหาจักรพรรดิ!

เทียบกับความโกรธแค้นและเกลียดชังที่ผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์จากตระกูลไม่รู้สิ้นรู้สึกอยู่ หวังเป่าเล่อนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความยินดีปรีดา ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่กระเป๋าคลังเก็บและข้าวของที่ซ่อนอยู่ภายใน พลางนึกยินดีว่าชีวิตตนช่างเปี่ยมสุข โชคดีมั่งคั่งเหลือล้น

แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ แม้จะสูญเสียอะไรไปมากมาย แต่ก็ได้คืนกลับมามากเช่นกัน ตอนนี้เขามีตั๋วทองคำอยู่ในมือ ชายหนุ่มไม่ได้แค่ถอนทุนคืนจากสิ่งที่เสียไป แต่ได้กำไรกลับมาถล่มทลายเลยต่างหาก

ข้าต้องจัดระเบียบข้าวของที่ได้มา อะไรเอาไปใช้ได้ อะไรควรเอาออกไปขายหรือแลกเปลี่ยน หวังเป่าเล่อแสนสุขใจ เขานั่งขัดสมาธิเริ่มเตรียมการซ่อมแซมสิ่งต่างๆ

อย่างแรกที่ต้องจัดการคือเกราะจักรพรรดิและเรือบินรบเวท ทั้งสองอย่างได้รับความเสียหายไปเกือบร้อยละเก้าสิบจนแทบใช้งานไม่ได้ เขาคงจัดการซ่อมแซมไม่ได้ถ้าขาดวัตถุดิบจำเป็น แต่โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเขายังมีต้นไผ่ศิลาอยู่ในมืออีกมาก ดังนั้นจึงสามารถซ่อมเรือบินรบเวทให้กลับมาสมบูรณ์ได้

วัตถุดิบบางชนิดในกระเป๋าคลังเก็บช่วยให้กระบวนการซ่อมแซมเป็นไปได้รวดเร็วขึ้น ผนวกกับทักษะการหลอมอาวุธเวทก็ยิ่งทำให้เขาซ่อมแซมเรือบินรบเวทได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก สิ่งสำคัญที่สุดชิ้นต่อไปที่ต้องจัดการซ่อมแซมคือเกราะจักรพรรดิ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกราะจักรพรรดิได้รับความเสียหายหนักเช่นนี้ หวังเป่าเล่อจึงรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง วิธีที่ดีที่สุดในการซ่อมแซมเกราะจักรพรรดิคือใช้ปราณวิญญาณ เขาจัดการเก็บกวาดคลังอาวุธของตระกูลไม่รู้สิ้นยัดใส่กระเป๋าจนเกลี้ยงจึงมีศิลาวิญญาณขั้นสูงสุดในครอบครองไม่จำกัด

หวังเป่าเล่อใช้วัตถุดิบที่มีไปอย่างราชาผู้มั่งมี ศิลาวิญญาณขั้นสูงสุดมากมายกลายเป็นฝุ่นผงตลอดการซ่อมแซม หลายๆ ส่วนของเกราะจักรพรรดิเริ่มคืนสู่สภาพเดิมตามตัวของชายหนุ่ม ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เกราะจักรพรรดิก็ห่อหุ้มร่างหวังเป่าเล่ออย่างสมบูรณ์อีกครั้ง และก็เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่การซ่อมแซมเรือบินรบเวทเสร็จสิ้นพอดีเช่นกัน

เมื่อซ่อมเรือบินรบเวทและเกราะจักรพรรดิเสร็จ หวังเป่าเล่อก็กลับมาอยู่ในสภาพแข็งแกร่งสูงสุดอีกครั้ง วัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ไปนั้นหมดไปไม่ถึงหนึ่งส่วนสามของที่ได้มาด้วยซ้ำ

สมองหวังเป่าเล่อแล่นไม่หยุดอีกครั้ง ดวงตาจับจ้องไปยังเกราะจักรพรรดิและเรือบินรบเวท พลันแสงแปลกแปร่งก็ฉายขึ้นในแววตา ความคิดที่เคยไตร่ตรองมาเป็นเวลานานหวนกลับมาอีกครา

มีทางไหนที่จะหลอมเกราะจักรพรรดิเข้ากับเรือบินรบเวทได้หรือไม่นะ… หวังเป่าเล่อหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย เขาเคยคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว เพราะรู้ว่าเรือบินรบเวทนั้นมีไว้ใช้ทำอะไร มันเป็นสิ่งที่ใช้หลอมเข้ากับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการสู้รบ

เขาไม่สามารถหลอมรวมได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ตอนนั้นระดับการฝึกตนของชายหนุ่มยังอยู่เพียงขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลาย ซึ่งถือว่าอ่อนแอเมื่อเทียบกับขั้นแสร้งอมตะในปัจจุบัน

มีสองวิธีที่จะหลอมเกราะเข้ากับเรือบินรบเวท วิธีแรกคือหาทางหลอกว่าข้ามีคุณสมบัติครบในการหลอมแล้ว ส่วนวิธีที่สอง…คือดัดแปลงโครงสร้างภายในและลดทอนคุณสมบัติลง หวังเป่าเล่อคิดในใจ มองว่าวิธีที่สองนั้นท้าทายกว่าวิธีแรกอยู่มาก แม้ตนจะมีความรู้เกี่ยวกับเรือบินรบเวท แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะสร้างมันขึ้นมาได้ ถ้าสร้างเรือบินรบเวทไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะดัดแปลงได้

เช่นนั้นต้องใช้วิธีแรก หวังเป่าเล่อหรี่ตา

ไม่มีทางลัดในการบรรลุไปขั้นจิตวิญญาณอมตะด้วยเวลาสั้นๆ ดังนั้นข้าจึงต้องแปลงเกราะจักรพรรดิให้เป็นสื่อกลาง นี่เป็นทางเดียวที่จะทำให้ข้าหลอมกับเรือบินรบเวทได้ในตอนนี้

มีทางหรืออะไรสักอย่างที่จะใช้เสริมพลังเกราะจักรพรรดิได้หรือไม่นะ… หวังเป่าเล่อเปิดกระเป๋าคลังเก็บคุ้ยดูข้าวของด้านใน พยายามหาแรงบันดาลใจ

ชายหนุ่มพอจะนึกออกว่าขโมยอะไรมาจากคลังอาวุธของตระกูลไม่รู้สิ้นบ้าง หลังจากตัดทอนสิ่งต่างๆ ออกไป เขาก็เหลือเพียงศิลาวิญญาณขั้นสูงสุดจำนวนหนึ่ง ดวงตาของชายหนุ่มฉายแสงวาบขณะหยิบศิลาวิญญาณออกจากกระเป๋าคลังเวทและพยายามใช้มันเสริมพลังให้เกราะจักรพรรดิ แต่จำนวนศิลาวิญญาณที่สามารถหลอมเข้ากับเกราะจักรพรรดิก็มีขีดจำกัด ถึงศิลาวิญญาณขั้นสูงสุดเหล่านี้จะมีคุณค่ามากเพียงใดก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ยกระดับเกราะจักรพรรดิได้

หวังเป่าเล่อเริ่มหงุดหงิดจึงเลือกออกไปชมร้านรวงในตลาด เขาน่าจะลองไปปรึกษาเซี่ยไห่หยางเรื่องนี้ ขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว ชายหนุ่มจ้องผลึกสีชาดในกระเป๋าคลังเก็บของตัวเอง เห็นผลึกขนาดเท่านิ้วมือจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นก้อนในในนั้น!

ผลึกสีชาด… หวังเป่าเล่อหรี่ตา จากนั้นก็โบกมือเรียกผลึกสีชาดก้อนหนึ่งจากกระเป๋าคลังเก็บมาถือไว้ในมือ เขาขยายสัมผัสสวรรค์เข้าไปในผลึก ทว่าก่อนที่จะได้ลงลึกเข้าไปไกล พลังแกร่งกล้าก็แผ่พุ่งออกมาจากผลึก และต้านทานสัมผัสสวรรค์ของชายหนุ่มไม่ให้ลุกล้ำเข้าไป

ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงเป็นประกาย หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็วางผลึกสีชาดลงบนเกราะจักรพรรดิและปล่อยให้เกราะใช้ความสามารถดูดซับพลังเต็มพิกัด แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ ผลึกสีชาดเหมือนจะมีชีวิต มีสตินึกคิดบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายใน คอยต่อสู้ป้องกันไม่ให้ผลึกโดนดูดซับและหลอมรวมเข้ากับเกราะ

ผลึกสีชาดคืออะไรกันแน่ หวังเป่าเล่อสงสัย เขาหรี่ตาลง ภาวนาให้พ่อตาผู้เป็นที่รักของตนไม่ตื่นขึ้นจากการหลับใหลขณะที่ท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ อึดใจต่อมา ตัวตนกล้าแกร่งจากสุดขอบจักรวาลก็จุติลงมายังตลาด

ทุกคนในตลาดตัวสั่นเทิ้มในทันใด เซี่ยไห่หยางที่กำลังจิบชาอยู่ในร้านสำลักน้ำชาและมองขึ้นไปด้านบนด้วยความตกใจ ผลึกสีชาดที่หวังเป่าเล่อวางไว้บนเกราะจักรพรรดิเลิกต่อต้านในทันที พลังของผลึกแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีแดงถูกสูบหายเข้าไปในเกราะจักรพรรดิ

ปราณวิญญาณภายในเกราะจักรพรรดิเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เมื่อหมอกสีแดงไหลเข้าสู่เกราะ พลังของปราณวิญญาณทั้งสองชนิดนั้นแตกต่างกันมากเกินไป ถ้าปราณวิญญาณด้านในเปรียบเป็นงู หมอกสีแดงก็คงเป็นมังกร!

ปราณวิญญาณภายในเกราะที่สัมผัสหมอกสีแดงถูกขับออกจากเกราะจักรพรรดิ ระหว่างที่ปราณวิญญาณเหล่านั้นกำลังกระจายไปในอากาศ หมอกสีแดงก็เริ่มไหลเวียนทั่วเกราะจักรพรรดิ พลังเหนือชั้นกว่าเก่าปะทุตื่น ความแข็งแกร่งของพลังนั้นทำให้หวังเป่าเล่อใจเต้นระส่ำ

สัมผัสที่รู้สึกนั้นเปรียบเสมือน…การมองไปยังดวงดาวที่อยู่ไกลห่างและสัมผัสพลังที่เปล่งออกมา!

หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เขารีบหยิบผลึกสีชาดออกมาอีกจำนวนหนึ่งและวางไว้บนเกราะจักรพรรดิ เพื่อดูว่าเกราะจะสามารถดูดซับผลึกเข้าไปได้หรือไม่ พริบตาเดียว ผลึกก็หลอมรวมกับเกราะ เขาเพิ่มผลึกสีชาดไปอีกยี่สิบก้อนก่อนที่พลังจากบทสวดแห่งเต๋าจะหายไป เกราะจักรพรรดิเหมือนจะถึงขีดจำกัดและเริ่มปริแตกตามขอบ เส้นเลือดมากมายปรากฏขึ้นบนเกราะ!

แววตาของหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาไม่นึกลังเลใจ ปลดปล่อยพลังของเกราะจักรพรรดิเต็มขั้น พลังมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากเกราะจักรพรรดิในทันใด หากจะให้อธิบายพลังที่พวยพุ่งออกมาจากเกราะจักรพรรดิอย่างละเอียด…พลังนี้มีความคล้ายคลึงกับพลังของดาวเคราะห์ แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ถึงกระนั้น พลังขนาดนี้ก็เพียงพอที่จะผ่านคุณสมบัติในการหลอมรวมเข้ากับเรือบินรบเวท

หวังเป่าเล่อยกมือขวาสร้างผนึกฝ่ามือทันทีหลังจากปลดปล่อยพลังของเกราะจักรพรรดิ ชายหนุ่มตะโกนลั่น “หลอมเรือบินรบเวท!”

เรือบินรบเวทถูกเก็บไว้ในกระเป๋าคลังเก็บหลังจากใช้ต้นไผ่ศิลาซ่อมเสร็จ เรือบินรบสั่นไหวทันใดที่หวังเป่าเล่อร้องออกคำสั่ง ก่อนหน้านี้เรือบินรบเวทมีรูปร่างเป็นแมลงปอ แต่ก็กลายเป็นตั๊กแตนหลังจากชายหนุ่มใช้เคล็ดวิชาหลอมอาวุธเวท ตั๊กแตนอ้าปากร้องคำรามเสียงเบา ตัวสั่นเทิ้ม ร่างกายกลายเป็นด้ายสีดำนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ ตรงไปทางหวังเป่าเล่อ

เหมือนว่ามันจะรอคอยเวลานี้มาเนิ่นนาน ด้ายสีดำพันล้อมรอบตัวหวังเป่าเล่อและถักทอเข้ากับเกราะจักรพรรดิ ครู่ต่อมา…พลังวิญญาณระดับจิตวิญญาณอมตะก็ระเบิดออกสั่นสะเทือนไปทั่วโรงเตี๊ยม ผู้ฝึกตนทุกคนในโรงเตี๊ยมตัวสั่นเทิ้มเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่พวยพุ่งไปทั่วโรงเตี๊ยมแม้จะมีวงแหวนปราณป้องกันอยู่

ขณะที่ทุกคนในโรงเตี๊ยมกำลังสั่นกลัว ด้านในห้องของหวังเป่าเล่อก็กำลังมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม!

ผมยาวดำของหวังเป่าเล่อปลิวว่อนไปรอบกายขณะเกราะสีดำห่อหุ้มร่างตั้งแต่หัวจรดนิ้วเท้า เกราะบริเวณหน้าอกสลักเป็นรูปหัวตั๊กแตน ส่วนเกราะตรงด้านหลังสลักเป็นรูปมังกรสีดำ ใบหน้าถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากสีดำไร้ลวดลาย ด้ายสีดำมากมายลักษณะคล้ายเส้นผมปลิวไสวไปรอบกายเหมือนดังผ้าคลุม

ราวกับว่าเทพแห่งสงครามได้มาจุติลงบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ราวกับเทพแห่งความตายได้หวนคืนสู่แดนดินแห่งนี้!

พลังวิญญาณขั้นจิตวิญญาณอมตะพวยพุ่งจากร่างของหวังเป่าเล่อ แม้จะเป็นพลังวิญญาณขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น แต่ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะใดได้มาพบหวังเป่าเล่อในตอนนี้ก็คงต้องตื่นตะลึง พลังและความแข็งแกร่งที่เอ่อล้นออกมาบ่งบอกได้ว่าชายหนุ่มสามารถขยี้ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้นได้ในทันที!

ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะไม่เรียกมันว่าเกราะจักรพรรดิ ต่อไปนี้มันคือ…เกราะมหาจักรพรรดิ! หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในเกราะและความตื่นเต้นที่เร้าอยู่ภายใน แม้จะยังไม่บรรลุถึงขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ชายหนุ่ม…ก็ได้พลังขั้นจิตวิญญาณอมตะมาแล้วเรียบร้อย!

แต่เขาก็ไม่ได้ครอบครองพลังทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ หลังจากตรวจสอบเกราะและพลังที่อัดแน่นอยู่ภายใน หวังเป่าเล่อก็สรุปได้ว่าตนจะอยู่ในสภาพนี้ไปได้หนึ่งชั่วโมง พลังจากผลึกสีชาดจะหายไปหลังจากนั้นและชายหนุ่มต้องอัดพลังผลึกสีชาดเข้าเกราะอีกรอบ

แต่แค่นี้ก็พอแล้ว!

 ……………………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset