หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 478 สู้เข้าไปอย่าได้ถอย!

หากเป็นคนอื่นที่พูดเช่นนี้ หวังเป่าเล่อคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะชายหนุ่มเกลียดมากเวลาที่มีคนมาเรียกเขาว่าอ้วน และรู้สึกว่าควรช่วยตกแต่งใบหน้าโดยการชกหน้าคนพูด ผู้ซึ่งไม่รู้สักนิดว่าตนเองกำลังพูดสิ่งใดอยู่

เพราะอย่างไรเสีย เขาก็เป็นผู้ที่ผอมและหล่อเหลาที่สุดในสหพันธรัฐแห่งนี้!

ทว่า…เพราะคนที่พูดนั้นเป็นชายชราที่ทั้งแข็งแกร่งและยังมีรัศมีความศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมอยู่รอบกาย แถมยังฉลาดมีแววตาหลักแหลมที่แฝงความเป็นคนโมโหร้าย ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าการแกล้งเป็นคนขี้ขลาดบ้างก็ไม่น่าอับอายเท่าใดนัก

เพราะถึงแม้ชายชราจะแกล้งทำเป็นรักสงบเท่าใด หวังเป่าเล่อก็ยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่ภายในและรัศมีความร้อนอันรุนแรงที่เขาปล่อยออกมา

ยิ่งไปกว่านั้น…ชายหนุ่มยังมองเห็นผู้อาวุโสทุกคนของตำหนักหลอมโอสถยกมือขึ้นคาระชายชราอย่างเคารพนบนอบเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัว เขาเห็นว่ากระทั่งประมุขสำนักและรองประมุขสำนัก รวมถึงผู้อาวุโสชั้นสูงคนอื่นๆ ต่างปรากฏตัว พวกเขาทุกคนก็ยกมือคารวะชายชราเช่นกัน ตอนนั้นเองหวังเป่าเล่อก็รู้ได้ทันทีว่า…คนผู้นี้เป็นใคร!

ชายชราผู้นี้คืออดีตผู้นำแห่งสหพันธรัฐ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลี่ซิงเหวิน!

หน้าตาเขาต่างจากรูปปั้นในเมืองหลวง… หวังเป่าเล่อกะพริบตาพลางจ้องมองไปที่เกราะกำบังรอบกายเขา ผู้อาวุโสสูงสุดลอยอยู่กลางอากาศห่างจากตัวเขาไปไม่ไกล ชายหนุ่มไม่อาจสัมผัสถึงขั้นพลังปราณของผู้อาวุโสสูงสุดผ่านเกราะกำบังได้ แต่หวังเป่าเล่อก็สามารถสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากกายของชายชรา มันช่างน่ากลัวราวกับเป็นพายุร้าย

ข้ามาที่นี่เพื่อตามหากระต่ายน้อยเท่านั้น…ผู้อาวุโสขั้นสูงสุดมาเกี่ยวอะไรด้วย…เขาขังข้าไว้ทำไมกัน หรือพยายามจะทดสอบพลังของข้า หวังเป่าเล่อถอนหายใจ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาลุกโชน ชายหนุ่มก็อยากจะทดสอบเช่นกันว่าความแตกต่างของพลังระหว่างตัวเขากับผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสูงสุดนั้นจะมากเพียงใด

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ประกอบกับมองเห็นแววตาชื่นชมและให้กำลังใจจากประมุขสำนักรวมถึงผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งตำหนักหลอมอาวุธ หวังเป่าเล่อก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนที่ประกายสายฟ้าจะปะทุขึ้นในดวงตา

ประกายนั้นระเบิดและแปรสภาพเป็นสายฟ้านับไปถ้วนออกมาห้อมล้อมกายหวังเป่าเล่อเอาไว้ สายฟ้ามากมายปรากฏขึ้นจากอากาศรอบกายเขาเช่นกัน เสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่นไปทั่วยอดเขา ผนึกที่ตอนแรงมองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้นเริ่มจะมองเห็นขึ้นมารางๆ เพราะคลื่นรบกวนของสายฟ้า

มันดูคล้ายกล่องโปร่งแสงไม่มีผิด!

ในเมื่อท่านอยากทดสอบข้า…ข้าก็จะแสดงพลังทั้งหมดที่มีให้ท่านได้เห็น! ความมุ่งมั่นฉายวาบอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มเชื่อมั่นในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งนี้เป็นสำนักของเขา เป็นเหตุให้เขาไม่เพียงจะใช้แก่นในแห่งอัคนีเท่านั้น แต่เขาจะใช้แก่นในดอกบัวแห่งความมืดเช่นกัน ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้พลังสูงสุดของแก่นในคู่ที่เขามี!

แก่นในแห่งอัคนีด้านนอกและแก่นในแห่งความมืดด้านใน รวมกับพลังกายที่เขามี ทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาในวินาทีนั้น หากมองจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นสายฟ้าสีดำในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ในเวลาเดียวกันนั้น รัศมีเยือกเย็นก็แผ่ออกมาจากกายเขา และถัดจากความเย็นยะเยือกออกไปก็คือสายฟ้าที่ฟาดแปลบปลาบส่งเสียงครั่นครืนอยู่ไปมา พลังปราณสุดแข็งแกร่งทวีความรุนแรงขึ้นภายในกายเขา และกล่องโปร่งแสงนั้นเริ่มมีรอยร้าว!

ชายหนุ่มยังไม่ได้โจมตีเลยแม้แต่น้อย แต่กล่องก็เริ่มส่งสัญญาณว่าไม่อาจต้านทานพลังของเขาได้ขึ้นมาแล้ว!

ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงเพราะภาพนั้น โดยเฉพาะประมุขสำนัก รองประมุขสำนัก และบรรดาผู้อาวุโสชั้นสูง พวกเขาต่างพากันจ้องมองตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง สีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังแปลกใจอยู่เล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววแรงกล้าที่ฉาบเคลือบไปด้วยการยอมรับและความพึงพอใจ

“น่าสนใจ ดูเหมือนว่าผนึกขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้นจะไม่อาจต้านทานพลังที่แท้จริงของเจ้าได้ ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะทำให้มันแกร่งขึ้นอีก!” เมื่อพูดจบ มือขวาของหลี่ซิงเหวินก็ขยับเป็นผนึกฝ่ามือชุดใหญ่ จากนั้นจึงชี้ไปที่กล่อง ทันใดนั้นผนึกรูปกล่องก็ส่องสว่างขึ้น เหมือนว่ามันจะแข็งแรงขึ้นกว่าเคย และรอยร้าวเมื่อครู่ก็ผสานตัวเองปิดในพริบตา

แทบจะทันทีที่รอยร้าวบนกล่องสมานตัวปิด หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามต่ำราวสายฟ้า ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาที่เคยแข็งแกร่งกว่าพลังปราณ บัดนี้เริ่มมีปัญหาเมื่อต้องรองรับการใช้งานแก่นในคู่พร้อมๆ กัน แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลาจะมากังวล เขายกมือขวาขึ้นก่อนจะกำเป็นกำปั้น หวังเป่าเล่อไม่ได้ปลดปล่อยพลังเหนือมนุษย์หรือกลเม็ดอื่นใด เขาเพียงแค่ยกหมัดขึ้นจ่อเกราะกำบังตรงหน้าและ…ชกออกไป!

หมัดเพียงหมัดเดียวมีพลังของกระบวนท่าระเบิดกำเนิดดวงดาราสถิตอยู่ มันปล่อยพลังกายขั้นสูงสุดรวมไปถึงพลังของแก่นในทั้งสองของหวังเป่าเล่อออกมา กล่าวได้ว่าเป็นหมัดที่รุนแรงที่สุดที่หวังเป่าเล่อจะปล่อยได้โดยปราศจากการใช้เคล็ดเวทใดๆ!

มีรัศมีก่อตัวขึ้นรอบกายหวังเป่าเล่อขณะที่เขาปล่อยหมัดนั้นออกไป เป็นรัศมีที่แสดงถึง…การบุกตะลุยไปอย่างไม่ย่อท้อ ที่ประกาศก้องว่าจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ!

เหตุการณ์นี้คล้ายกับครั้งที่เขาอยู่บนเขตจันทราเวท สิ่งที่ชายหนุ่มปลดปล่อยออกมาระหว่างสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายครานั้น หวังเป่าเล่อได้สังหารผู้คนไปนับไม่ถ้วนเพื่อความอยู่รอดโดยที่ไม่ได้เสียเวลาชายตามองคนที่ตายไปเลยด้วยซ้ำ

คล้ายกับครั้งที่เขาต่อสู้เมื่ออยู่บนเขตนครใหม่แห่งดาวอังคาร ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเหตุอสูรหลั่งไหลนับครั้งไม่ถ้วน หวังเป่าเล่อยืนเด่นท้าทายฝูงอสูร แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายจะล่มสลายไป ตัวเขาเองก็ยังคงบุกตะลุยไปอย่างไร้ซึ่งความกลัว!

ประสบการณ์ของเขาที่สั่งสมมานานปีดูเหมือนจะมารวมตัวกันอยู่ในวินาทีนี้ ระหว่างการทดสอบจากผู้อาวุโสสูงสุด ประสบการณ์เหล่านั้นไหลเข้ามารวมกันอยู่ใน…กำปั้นเดียว…ที่นำพาเจตจำนงของชายหนุ่มไปด้วย!

หวังเป่าเล่อคำราม ส่งหมัดออกไป และผนึกแข็งแกร่งที่สามารถต้านทานผู้ฝึกปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางก็บิดงออย่างรุนแรง ไม่อาจต้านทานพลังหมัดนั้นได้ มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที!

หากมองจากที่ไกล ก็จะเห็นราวกับว่ากำปั้นของหวังเป่าเล่อนั้นทะลุกระจกออกมา ชิ้นส่วนโปร่งแสงนับล้านแหลกกระจายออกไปในอากาศ คลื่นพลังวิญญาณอันถาโถมราวคลื่นคลั่งพวยพุ่งออกมาข้างหน้า มันส่งเสียงครั่นครืนคำรามและก่อให้เกิดสายลมกรรโชกในอากาศ

ฉากนั้นทำเอาประมุขสำนัก รองประมุขสำนัก และผู้อาวุโสชั้นสูงต้องผงะด้วยความตกตะลึง ทุกคนต่างจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างไม่เชื่อสายตา

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า…ในใจพวกเขามองว่าหวังเป่าเล่อเพิ่งจะบรรลุขั้นกำเนิดแก่นในมาหมาดๆ ชายหนุ่มยังไม่ได้เริ่มฝึกฝนเคล็ดเวทของขั้นนี้เลยด้วยซ้ำ ในฐานะผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน เขาควรอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุด

ทว่า…แม้จะอยู่ในสถานะที่ถือว่าอ่อนแอที่สุด หวังเป่าเล่อก็ยังปลดปล่อยความแข็งแกร่งระดับที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง ทุกคนจินตนาการออกว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกเพียงใดหลังจากที่ได้ทำความคุ้นเคยกับระดับพลังปราณและเรียนรู้ทักษะเวทต่างๆ ในขั้นกำเนิดแก่นในแล้ว

ท่ามกลางความตื่นตะลึงของฝูงชน หวังเป่าเล่อเดินตามคลื่นพลังงานนั้นออกมา ผมยาวสยายของเขาโบกสะพัดไปตามสายลม สายฟ้าเส้นเล็กๆ ไหลแล่นไปทั่วกายเขา ชายหนุ่มดูราวกับเทพสงคราม ยืนนิ่งอยู่บนอากาศท่ามกลางดงสายฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและส่งสายตาไปยังผู้อาวุโสหลี่ซิงเหวิน หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ก่อตัวอยู่ภายใน ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากพูด แต่เขาก็ต้องตกตะลึงตาค้างไปเสียก่อน

ประสาทสัมผัสของเขาถูกปิดตอนที่ติดอยู่ในผนึกทรงกล่อง บัดนี้เมื่อเขาหลุดออกมาได้และได้มองผู้อาวุโสสูงสุดเต็มตา ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณน่าเกรงขามที่หลั่งไหลออกมาจากกายของชายชรา มันเป็นพลังที่แตกต่างกับผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง!

หวังเป่าเล่อคุ้นเคยกับพลังวิญญาณระดับนั้นเป็นอย่างดี มันเป็นพลังแบบเดียวกับที่ไหลอยู่ในกายของผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสาม…พลังวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณ!

แม้จะยังไม่สมบูรณ์และยังคงเติบโตอยู่อย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ดูไม่ผิดแน่นอน เขาสัมผัสได้ถึงแก่นในของผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังย่อยสลายและก่อตัวขึ้นใหม่อยู่ในกาย ชายชรากำลังจะบรรลุขั้นจุติวิญญาณในไม่ช้าอย่างแน่นอน!

หวังเป่าเล่อกะพริบตา ความกล้าหาญของเขาหดหายไปในทันที เขารีบทำท่าทางเคารพนบนอบอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นผสานเพื่อทำความเคารพผู้อาวุโสสูงสุด

“ศิษย์หวังเป่าเล่อทำความเคารพผู้อาวุโสสูงสุด ข้าไม่แน่ใจว่าทำไม แต่รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยใกล้ชิดทันทีที่ได้เห็นท่าน ท่านผู้อาวุโสสูงสุดผู้ทรงเกียรติ ข้านึกถึงท่านปู่ของข้าเอง…เป่าเล่อขออวยพรให้ท่านปู่ผู้อาวุโสสูงสุดมีอายุยิ่งยืนนาน!” ทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกแปร่งเมื่อได้ยินสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูด ผู้อาวุโสสูงสุดหลี่ซิงเหวินดูคล้ายจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เขารู้ทันว่าหวังเป่าเล่อเลือกที่จะไม่โอ้อวดความสำเร็จของเขาก่อนหน้านี้ แม้ชายชราจะไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่อวางแผนจะพูดสิ่งใด แต่ก็รู้ดีว่าจะต้องเป็นวาจาอวดดีตามประสาคนหนุ่มที่มั่นใจในตนเองมากเกินไป

แน่นอน ชายชรารู้ดีว่าทำไมหวังเป่าเล่อจึงหุบปากเอาไว้และเลือกแสดงความนบนอบแทน ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกชอบเจ้าหวังเป่าเล่อคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหนุ่มคนนี้มีความชอบอยู่ไม่น้อยเมื่อครั้งอยู่ในสำนักศึกษา ชายชรานึกเอ็นดูเขามาตั้งแต่ตอนนั้น จากนั้นเมื่อได้ลองประมือกับศิษย์ของตน หลี่ซิงเหวินก็ยิ่งเห็นว่าหวังเป่าเล่อมีฝีมือไม่เลวและอยากจะได้ตัวมาเป็นศิษย์ส่วนตัว

แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกมากมายเท่าใดนัก แต่ความรู้สึกนี้กลับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเพราะเหตุการณ์บนเขตจันทราเวท ทำให้เขามองหวังเป่าเล่อเป็นคนใหม่ หาไม่แล้ว ชายชราคงไม่จับตัวผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอาวุโสจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพมาเป็นๆ ตามความประสงค์ของหวังเป่าเล่อ

หลี่ซิงเหวินตามดูหวังเป่าเล่อมาตั้งแต่ชายหนุ่มถูกส่งไปยังดาวอังคาร เฝ้ามองเขาเติบโตขึ้นทั้งทางกายภาพและหน้าที่การงาน ผลงานอันโดดเด่นของหวังเป่าเล่อในช่วงระยะเวลาอันสั้นทำให้เขายิ่งรู้สึกยอมรับอย่างมาก ผลการทดสอบในวันนี้ทำให้ชายชรายิ่งมีความสุขขึ้นอีก เขาชอบนิสัยของหวังเป่าเล่อ

“เจ้าหนุ่มนี่ซ่อนความลับไว้มากมาย ข้าเชื่อว่าเขาแสดงมันออกมาให้เห็นเพราะตอนนี้เขาอยู่กับพวกเรา ดูจากนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขา เขาจะต้องปกปิดความลับเอาไว้อย่างมิดชิดทีเดียวตอนที่อยู่ในโลกภายนอก ดังนั้น…สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะหลุดออกไปสู่โลกภายนอกไม่ได้เด็ดขาด ข้าขอให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ด้วย แน่นอนว่า แม้ข้อมูลจะรั่วไหลก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าใด ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครหน้าไหนจะกล้ามายุ่งกับคนของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ใต้จมูกข้า” หลี่ซิงเหวินหันไปสั่งผู้อาวุโสข้างกาย น้ำเสียงของเขาหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง ประมุขสำนักตอบรับอย่างนอบน้อม หลี่ซิงเหวินหันมามองหวังเป่าเล่อ สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกชมชอบและยอมรับ

“เจ้าตัวยุ่ง ตามข้ามา!” หลังจากพูดเช่นนั้น หลี่ซิงเหวินก็หันหลังเดินนำเข้าไปในโถงของตำหนักหลอมโอสถ

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset