หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 972 ชื่อเสียงขจรไกล!

ก่อนหน้านี้ แม้อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จะมีสิทธิ์ของสุสานดวงดารา แต่มีคนรู้เรื่องนี้ไม่มากนัก ด้านหนึ่งเป็นเพราะอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ไม่ได้ใช้สิทธิ์นั้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์ไม่ปรากฏผู้ฝึกตนระดับขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นมหาวัฏจักร สิทธิ์นี้จึงเป็นแค่ไพ่ตายและเครื่องต่อรองมากกว่า

และยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนนอกไม่รู้ว่าอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มีสิทธิ์อยู่ในมือ นั่นก็คือตามข้อตกลงกับจักรวรรดิดาวตกแล้ว มีแค่ผู้ที่มีคุณสมบัติในการตีกลองสู่สวรรค์เท่านั้นถึงจะเข้ารายชื่อได้ ทว่านับตั้งแต่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้รับสิทธิ์มา ถึงแม้เมื่อ 10,000 ปีก่อนจะรุ่งโรจน์จนถึงจุดสูงสุด แต่ก็มีเพียงหนึ่งถึงสองคนเท่านั้นที่ได้เข้าไปยังสุสานดวงดารา ซึ่งพวกเขาต่างก็ไม่ได้รับสิทธิ์ในตอนสุดท้าย

ชื่อของอารยธรรมจึงไม่มีโอกาสได้ปรากฏอยู่บนใบรายชื่อ จึงย่อมไม่มีคนนอกรู้จัก แม้แต่อารยธรรมครามทองคำก็ตรวจพบเหตุการณ์เช่นนี้โดยบังเอิญ ดังนั้นจึงมีความร่วมมือกับราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์มาก่อน

แต่ในขณะนี้การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของหวังเป่าเล่อได้ทำให้อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นที่รู้จักของสำนักใหญ่ๆ มากมายและเข้าตรวจสอบ เมื่อพวกเขารู้ว่าอารยธรรมนี้อ่อนแอมาก จึงยิ่งให้ความสนใจกับหวังเป่าเล่อมากขึ้นไปอีก

“หวังเป่าเล่อ? ชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน…”

“จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นมีอารยธรรมมากเกินไป อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์นี้ก็เป็นเพียงอารยธรรมเล็กๆ ที่ต่ำต้อย และในนั้นก็มีมหาศิษย์แห่งเต๋ามากพรสวรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!!”

“ได้รับดาวเคราะห์เต๋า…เรื่องในสุสานดวงดาราครั้งนี้ใหญ่เกินไป นับแต่อดีตมามีเพียงเว่ยยางจื่อในตำนานเท่านั้นที่เคยได้ดาวเคราะห์เต๋า แต่คราวนี้มีถึงสองคนแล้ว!”

“แล้วยังมีสวี่อินหลิงจากสำนักเก้าวิหคเพลิงอีก แม่นางคนนี้ก็ได้รับดาวเคราะห์เต๋า!”

“สวี่อินหลิงน่ะไม่เท่าไรหรอก สำนักวิหคเพลิงใช่จะรุกรานได้ง่ายๆ แต่เจ้าหวังเป่าเล่อไร้ชื่อเสียงเรียงนามนี่สิ เกรงว่ายากจะปกป้องตัวเองแล้ว!”

“ต่อให้เลื่อนขึ้นเป็นดาวพระเคราะห์และหลอมรวมเข้ากับดาวเคราะห์เต๋าอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ในโลกนี้ก็มีหลากหลายวิธีที่จะถ่ายโอนดาวเคราะห์เต๋า…ขอเพียงเขาเต็มใจ!”

สำนักมากมายเหล่านั้นหลังจากตกตะลึงกันแล้วก็เกิดความโลภขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภูมิหลังของหวังเป่าเล่อไม่มีนัยสำคัญอะไรในสายตาพวกเขา ไม่ว่าจะด้านสำนักหรือความแข็งแกร่งของตัวเขาเองเปรียบเหมือนมีหยกอยู่กับตัว[1] และไม่เพียงพอที่จะปกป้องดาวเคราะห์เต๋าของตัวเองได้

สำหรับพวกเขานี่ก็เหมือนกับโอกาสดี ขอเพียงหามันพบและคิดหาวิธีให้อีกฝ่ายเต็มใจมอบให้ ก็สามารถรับดาวเคราะห์เต๋ามาได้ เช่นนี้แล้วมหาศิษย์แห่งเต๋าของสำนักมากมาย แม้กระทั่งผู้ฝึกตนที่อยู่ระดับดาวพระเคราะห์แล้วก็ยังตื่นตัว

ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิดาวตกไม่เคยคิดถึงมาก่อน แต่เขาไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้จึงไม่สนใจเป็นธรรมดา ในใจเขานั้น ภูมิหลังของหวังเป่าเล่อยิ่งใหญ่มากจนเรียกได้ว่าน่าอกสั่นขวัญหายได้เลยทีเดียว นั่นคือคนที่ได้รับการคุ้มครองจากผู้ยิ่งใหญ่นอกพิภพ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าการกระจายข่าวนี้ออกไปจะสร้างปัญหาให้หวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อที่ยังอยู่ระหว่างการสั่งสมพลังชีวิตไม่ได้รับรู้ว่าชื่อที่แท้จริงของเขาได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว และไม่รู้ว่าได้ตกเป็นเป้าหมายของสำนักมากมายเหตุเพราะดาวเคราะห์เต๋าเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ความโกลาหลในโลกภายนอกล้วนเป็นเพราะรายชื่อที่มาจากสุสานดวงดารา และยังมีบางคนที่รู้จักหวังเป่าเล่อต่างก็สะเทือนใจอย่างสุดซึ้ง

เซี่ยไห่หยางก็เป็นหนึ่งในนั้น ขณะนี้เขาคิดวิธีสร้างความประทับใจให้ปรมาจารย์แห่งไฟ และทำให้อีกฝ่ายยอมช่วยเขาแล้ว เวลาเดียวกับที่เขาเตรียมการอย่างพรั่งพร้อมเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้สูงศักดิ์ผู้นั้น รายชื่อจากสุสานดวงดาราในครั้งนี้ก็ถูกส่งมาให้ตระกูลเซี่ย และหลังจากได้เห็นชื่อหวังเป่าเล่อที่อยู่ในลำดับแรก เซี่ยไห่หยางก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ

และเมื่อเขาเห็นคำว่าดาวเคราะห์เต๋า อยู่ด้านหลังชื่อหวังเป่าเล่อก็แทบจะกระโดดโหยง ทำสีหน้าไม่อย่าจะเชื่อและอุทานออกมาอย่างเสียจริต

“นี่มันอะไรกัน ดาวเคราะห์เต๋ารึ!!” คลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในใจเซี่ยไห่หยาง เขาหายใจอย่างร้อนรน ปฏิกิริยาแรกเมื่อเห็นรายชื่อก็คือไม่เชื่อ แต่หลังจากเห็นเครื่องหมายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แล้ว เซี่ยไห่หยางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความจริงนี้

“หลงหนานจื่อคนนั้นคือหวังเป่าเล่อจริงๆ เจ้าอ้วนนี่… ร้ายกาจเกินไปแล้ว!!”

ขณะที่เซี่ยไห่หยางกำลังสะท้านใจ ยังมีอีกคนหนึ่งที่จิตใจไม่สงบเช่นกัน คนคนนั้นก็คือปรมาจารย์แห่งไฟ รากฐานการฝึกฝนของเขาทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะได้รับรายชื่อเช่นกัน แม้เขาจะรับรู้เรื่องราวมาเพียงเล็กน้อยจากการยืนยันก่อนหน้านี้ แต่หลังจากได้เห็นมันจริงๆ เขาก็ยังคงไม่อาจสงบใจได้

“เจ้าศิษย์คนนี้ ข้ายอมรับแล้ว!” ด้วยอารมณ์ผันผวน นัยน์ตาของปรมาจารย์แห่งไฟเปล่งแสงเจิดจ้า เขากำลังคิดว่าหากส่งต่อเสื้อคลุมของตนให้หวังเป่าเล่อได้ ชีวิตนี้เขาก็ไม่เสียใจอะไรอีกแล้ว!

คนที่รู้เรื่องนี้ยังมีเฉินชิง แม้จะอยู่ในวงแหวนปราณเต๋าสวรรค์ของสำนักแห่งความมืด แต่ความแข็งแกร่งของเขารวมถึงความเกี่ยวโยงกับเต๋าสาบานด้วยปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหวังเป่าเล่อ ทำให้เขารับรู้ข่าวจากสุสานดวงดาราที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นในทันที

ร่างของเฉินชิงขยับพร้อมกับเสียงหัวเราะลากยาว การสังหารได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาไม่คิดจะรออีกต่อไป และต้องการสู้รบให้เห็นผลโดยเร็วที่สุด เพราะเขารู้ดีว่าในขณะที่รายชื่อพวกนี้แพร่กระจายออกไป นั่นก็หมายความว่าอีกสักระยะหนึ่งศิษย์น้องของตนก็จะไปอยู่บนปากเหยี่ยวปากกา!

ในเวลานี้ จะต้องมีคนที่แข็งแกร่งพอที่จะให้ที่พักพิงแก่เขาเท่านั้น จึงจะสามารถขจัดความคิดชั่วร้ายนับไม่ถ้วนไปได้ เพื่อให้เขามีโอกาสได้เติบโตต่อไป

การตัดสินใจของเฉินชิงนั้นไม่ผิด แต่เพราะอยู่ในวงแหวนปราณ เขาจึงไม่ได้รับรู้ข่าวสารภายนอกครอบคลุมทุกด้าน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าผู้ที่มีความคิดชั่วร้ายต่อหวังเป่าเล่อไม่ได้ปรากฏขึ้นหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง แต่ได้ปรากฏขึ้นแล้ว!

นั่นก็คืออารยธรรมครามทองคำ!

ทันทีที่เห็นรายชื่อ คลื่นลูกใหญ่สะเทือนฟ้าก็ก่อตัวขึ้นในอารยธรรมครามทองคำ จากเครื่องหมายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พวกเขาก็วิเคราะห์ออกทันทีว่าชื่อหวังเป่าเล่อก็คือชื่อจริงของหลงหนานจื่อ!

ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงตรวจพบด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ฝึกตนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แต่เป็นคนนอก!

เช่นนี้แล้วพวกเขาที่ถูกจับทั้งเป็นเพราะศิษย์แห่งเต๋าในตอนนั้น เดิมทีก็โกรธแค้นเรื่องสิทธิ์ที่ถูกช่วงชิงไป วันนี้ยังมาเห็นว่าหวังเป่าเล่อได้รับดาวเคราะห์เต๋าอีก ทุกความรู้สึกในจิตใจทำให้อารยธรรมครามทองคำระเบิดจิตสังหารออกมาแล้ว

ความโกรธของอารยธรรมครามทองคำขยายตัวไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเตรียมการบางอย่าง ขณะเดียวกัน ในสุสานดวงดารา ขณะที่พวกหวังเป่าเล่อกำลังสั่งสมพลังชีวิต เหล่ามหาศิษย์แห่งเต๋าที่ไม่ได้รับสิทธิ์ตีกลองสู่สวรรค์ก็ไม่ใช่ว่าจะมาเสียเที่ยว ในวันต่อมาพวกเขาทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับสุสานดวงดาราและได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการ

นี่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติหลังจากเปิดประตูสุสานดวงดาราเช่นกัน ดังนั้นในระหว่างการเลื่อนระดับนี้ เวลาครึ่งเดือนก็ผ่านไปอย่างช้าๆ มีบางคนเลือกที่จะจากไป ซึ่งต่างจากตอนมา ทุกคนไม่จำเป็นต้องออกไปพร้อมกัน ทุกวันจะมีเรือของสุสานดวงดาราพาพวกเขาไปส่งท่าเรือที่พวกเขาจากมา

ในช่วงครึ่งเดือนนี้ มหาศิษย์แห่งเต๋าจากไปเกือบหมดแล้ว ขณะนั้นการสั่งสมพลังชีวิตของหญิงสวมหน้ากากก็เสร็จสิ้น หลังจากตื่นขึ้นมา นางก็เงยหน้ามองดวงดาวของหวังเป่าเล่อที่ลอยอยู่บนฟ้าด้วยสายตาคะนึงและอวยพร จากนั้นจึงถอนหายใจเบาๆ และเลือกที่จะจากไป

นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกตนผู้สง่างาม ชายหนุ่มชุดดำ รวมถึงแม่นางน้อยและเจ้าอ้วนน้อยที่เหลือบมองหวังเป่าเล่อที่กำลังสั่งสมพลังชีวิตอยู่แล้วก็เลือกที่จะจากไป

สองคนแรกมีความคิดซับซ้อนอยู่ในหัว เจ้าอ้วนน้อยอิจฉาแต่ก็จนปัญญา ส่วนแม่นางน้อยกลับมีดวงตาสดใส ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากมองดวงดาวของหวังเป่าเล่ออย่างล้ำลึกแล้ว นางก็ออกจากสุสานดวงดาราไป

พวกเขารู้ดีว่ายิ่งเวลาที่ใช้สั่งสมพลังชีวิตนานเท่าไร ก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าคราวนี้หวังเป่าเล่อใช้เวลายาวนานที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนแม่นางกระพรวน สวี่อินหลิง ก็เสร็จสิ้นการสั่งสมพลังชีวิตและตื่นขึ้นมาก่อนหวังเป่าเล่อสามวัน หลังจากกวาดตามองดวงดาวของหวังเป่าเล่อด้วยสายตาพิฆาต นางก็แค่นเสียงและจากไป

ดังนั้นหวังเป่าเล่อที่ตื่นขึ้นในอีกสามวันให้หลัง จึงกลายเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ในสุสานดวงดารา เมื่อเขาตื่นขึ้นก็รู้สึกว่าระดับในร่างกายมั่นคงสมบูรณ์ ฐานการฝึกฝนแข็งแกร่งมากจนตัวเขาเองยังตกใจ ขณะที่กำลังตื่นเต้นสุดกำลัง เขาก็ได้รู้เรื่องรายชื่อซึ่งก็ทำให้เขาตกตะลึงและทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

แต่เขาเข้าใจดีว่าต่อให้ไม่มีรายชื่อพวกนี้ หลังจากมหาศิษย์แห่งเต๋าพวกนั้นออกไปแล้ว เรื่องที่เขาทำที่นี่ก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาอยู่ดี แต่เรื่องนี้ก็ยังทำให้เขากังวลและกดดันมาก

“ช่างเถอะ ข้าก็เป็นคนมีภูมิหลังนะ!” ขณะที่กังวล หวังเป่าเล่อก็กัดฟันอย่างดุเดือดและให้กำลังใจตัวเอง ขณะเดียวกันก็กล่าวคำอำลาจักรพรรดิดาวตก

แต่ก่อนออกเดินทาง เขาได้แวะไปที่ร้านขายอาวุธเวทและเคล็ดวิชาในเมืองดาวตก ครั้งนี้…ภายใต้กฎกระดาษที่ดาวเคราะห์เต๋าสลักไว้ หวังเป่าเล่อพบว่าแผ่นกระดาษเคล็ดวิชาพวกนั้นไม่ต่างอะไรกับแผ่นหยกแม้แต่น้อย และเขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งบนนั้นได้อย่างชัดเจนแล้ว

………………………………………………..

[1] มีหยกอยู่กับตัว มาจากสมัยโบราณราษฎรทั่วไปเก็บหยกเป็นของส่วนตัวจะถือว่ามีความผิดเพราะเป็นของมีค่า เปรียบได้กับคนธรรมดาที่มีความสามารถจะถูกปองร้าย

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา
Status: Ongoing
นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset