โอเค ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าต้องหาใคร ทีนี้ถ้าจะไปเจอล็อตตี้ ผมคิดว่าลองแวะกลับไปที่โรงเรียนก่อนน่าจะดี
“เอมม่าจัง ไปพบล็อตตี้กันเลยมั้ย”
“จะได้เจอ..ล็อตตี้เหรอ”
“คิดว่านะ แต่เชื่อว่าได้เจอแน่นอน
เอมม่าเมื่อได้ฟังว่า จะได้เจอล็อตตี้แล้วก็ดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“งั้นไปกันเถอะครับ”
“………”
“เอมม่าจัง?”
น้องไม่ยอมเดินตามผม และแสดงท่าทีเหมือนตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพูดอยู่หลายวินาที
“ไม่สบายรึเปล่าครับ เป็นอะไรรึเปล่า?”
ผมพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ทำให้เด็กตกใจ
เอมม่าเงยหน้าสบตาผม ลังเลนิดนึง สูดลมหายใจเข้า มือข้างหนึ่งยังถือโทรศัพท์ของผม อีกมือหนึ่งยื่นมาข้างหน้า
“อื้อ..!”
“ต้องการอะไรครับ..”
“มือ”
“อ้อ ให้จูงมือใช่มั้ยครับ”
พอฟังคำตอบผม เอมม่ามีสีหน้าแจ่มใสขึ้นมาก
“อื้มมมมม…”
ผมก็เกิดอาการสตันนิดหนึ่ง คือจับมือเด็กที่สีผมสีเงินนี่มันโดดเด่นมาก แถมมีโอกาสที่จะถูกเข้าใจผิด มองว่าผมลักพาตัวเด็กได้ด้วยแม้ว่าผมจะใส่เครื่องแบบนักเรียนก็ตาม
“……..”
“ฮืออ….”
ระหว่างที่ผมไตร่ตรอง แววตาของเอมม่าก็เริ่มจ๋อย ดูแล้วเหมือนสัตว์ตัวน้อย
…….ช่างแม่มเหอะ ก็แค่จูงมือ
พอคิดดูแล้ว ถ้าสมมติไม่จูงมือ เกิดน้องวิ่งไปเจอรถเฉี่ยวชนขึ้นมาจะยิ่งแย่กว่า การจูงมือมันก็มีประโยชน์มากกว่าเสียละกัน
ยิ่งสบสายตากับท่าทางของน้องที่สลดก็ยิ่งทนไม่ไหว สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าจะจูงมือเอมม่า
“ฮืม”
เอมม่าหัวเราะไปด้วย มือหนึ่งก็จับมือผม ส่วนสายตาก็ยังไม่ละไปจากหน้าจอมือถือที่ตัวเองถืออีกข้าง
ก็เป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลว ตัวเอมม่าก็มีท่าทีผ่อนคลายสบายใจ ผมก็ลดความกังวลเรื่องความปลอดภัยไปด้วย
ระหว่างผมเดินกลับโรงเรียน ก็ลดฝีเท้ากับระยะก้าวลงเพื่อให้เอมม่าเดินตามผมทัน
“เอมม่าจัง เดินดูทางด้วยนะครับ ดูแต่แมวล้วนๆระวังเกิดอุบัติเหตุนะ”
จริงๆตอนแรกผมกะจะเอาสมาร์ทโฟนคืน แต่พอทำท่าจะเอา เท่าน้นแหละ เอมม่าทำหน้าและแววตาเหมือนบ่อน้ำตาจะแตก ผมเลยตัดสินใจให้น้องถือต่อไป
ดูเหมือนว่าน้องจะชอบแมวมากจริงๆแหละ
จากที่สังเกต เอมม่าจะเงยหน้าหันมาหาผมเมื่อผมส่งเสียงทัก นอกนั้นคือตาดูแต่คลิปแมวล้วนๆ
ทว่า…
“อื้อ….!”
ระหว่างที่ผมกำลังคิดเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงเรียก เมื่อหันกลับไปหาต้นเสียงก็พบว่า เอมม่ากำลังเงยหน้ามองมาทางคอผม
“อุ้มหน่อย”
เอมม่าจังส่งเสียงหวาน อ้อนผม
เอาไงดีล่ะ
คือถ้าเป็นคนปกติทั่วไป ผมไม่มีปัญหากับการอุ้ม เพราะคนภายนอกคงมองว่าเป็นพี่ชายอุ้มน้องสาว แต่ทีนี้คือเอมม่ามีผมสีเงิน แถมสีตาก็บอกชัดด้วยว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น ถ้าอุ้มนี่ก็เตรียมเผชิญสายตาคนรอบข้างที่จ้องมองซุบซิบแน่
ผมลองสบตากับเอมม่าอีกครั้ง
ตอนนี้น้องทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้ว
……..ต้องใช้คำว่า ช่างแม่มอีกละสินะ
จะให้เอมม่าร้องไห้ก็ใช่เรื่อง ผมเลยตัดสินใจอุ้มน้อง
น้ำหนักน้องเบากว่าที่ผมคิด ฉะนั้นการอุ้มน้องไปด้วยเดินไปโรงเรียนด้วยก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“ฮะฮะฮะ”
ระหว่างอุ้มไปด้วยเดินไปด้วยก็ได้ยินเสียงหัวเราะแก้มป่องแสดงความดีใจของเอมม่า เอาแก้มซุกกับผม นี่คงเป็นวิธีการอ้อนของเจ้าตัวล่ะมั้ง