ตอนที่ 1751: ศพราชาเทพ
คราวนี้ไม่มีใครสงสัยปรมาจารย์เฉินหลง เพราะรอยมือบนประตูหิน มันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีคนเข้าไปข้างในได้
กับดักของราชาเทพต้วนมู่อาจจะโจมตีเพียงครั้งเดียว กระท่อมหลังแรกเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ขั้นเหนือเทพทั้งหมดเข้าไปที่กระท่อมที่สอง นอกจากนี้ยังมีโลกจิ๋วอยู่ในกระท่อมที่สอง ยิ่งกว่านั้นกฏมิติของราชาเทพต้วนมู่ได้แก้ไขมันแล้ว ดังนั้นมันจึงใหญ่กว่ากระท่อมแรกอย่างมาก
ภูเขาขวางมิติและมีเทือกเขาที่ทอดยาวที่สุดเท่าที่ดวงตาจะมองเห็น ปราณกระบี่ที่แหลมคมเปล่งประกายจากภูเขาซึ่งสามารถรับรู้ได้ถึงความทรงพลังอย่างมาก พวกมันแข็งแกร่งมาก
มีหินคล้ายกระจกเงาอยู่สองสามก่อนท่ามกลางภูเขาที่มากมายนับไม่ถ้วน ร่องรอยไม่น้อยที่ถูกทิ้งไว้อยู่บนหน้าหิน ซึ่งเป็นที่มาของปราณกระบี่ที่แทรกซึมอยู่รอบ ๆ ความคมของมันทำให้ขั้นเหนือเทพทั้งหมดตัวสั่น
มีขั้นเทพไม่กี่คนที่กระจัดกระจายอยู่ด้านหน้าหินที่มีรอยของกระบี่ สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่จุด ๆ นั้น พวกเขาต่างต้องเข้าในกฏของกระบี่ที่อยู่ภายใน
ด้วยเสียงตูม ขั้นเทพบางคนฟันภูเขาด้านหน้า พวกเขาต้องการที่จะเอาหินที่หล่นออกมาจากหน้าหินไปกับพวกเขา อย่างไรก็ตามภูเขาได้เปลี่ยนแปลงมานานแล้วหลังจากที่มีปราณกระบี่เข้ามา พวกมันยากที่จะโจมตีเป็นพิเศษ ด้วยเพลังของเหล่าเทพมันทำได้เพียงแค่ทิ้งรอยบาง ๆ บนผิวของมันเท่านั้น การที่จะตัดภูเขาออกไปและเอามันออกมานั้นเป็นไปไม่ได้
“นี่ควรจะเป็นที่ซึ่งราชาเทพต้วนมู่ทำความเข้าใจกระบี่” หลิงเฮ่ากงพูด สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข สำหรับเขาแล้วสถานที่เหล่านี้เป็นดินแดนที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง
นี่เป็นเพราะเขาเข้าใจกฏของกระบี่ หากเขาทำความเข้าใจที่นี่ต่อไป มันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
แสงระยิบระยับผ่านดวงตาของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาตื่นเต้นเกินไป รอยกระบี่ตามส่วนที่ราชาเทพต้วนมู่เข้าใจจากกฏของกระบี่ สำหรับพวกเขา มันมีประโยชน์อย่างมาก พวกมันสามารถช่วยเขาทำความเข้าใจในกฏของกระบี่และบรรลุความสำเร็จบางส่วนของจิตวิญญาณกระบี่ในเวลาที่สั้นลง
ขั้นเหนือเทพออกเดินทางเร็วมาก พวกเขาเข้าใจสถานที่แห่งนี้แล้ว มันเป็นของราชาเทพต้วนมู่ที่เข้าในกฏกระบี่ มันไม่เป็นประโยชน์แก่พวกเขาและไม่มีสมบัติใด ๆ ดังนั้นมันจึงไม่ดึงดูดพวกเขา
พริบตา ขั้นเหนือเทพทุกคนนอกจากเจี้ยนเฉินและหลิงเฮ่ากงได้จากไป
“เจี้ยนเฉิน เราทั้งคู่เข้าใจกฏของกระบี่ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่น่ายินดีสำหรับเราสองคน ทำไมเราไม่บ่มเพาะที่นี่สักพัก ? ” หลิงเฮ่ากงถาม เขาต้องการที่จะไปทีหลัง
“เจี้ยนเฉิน ออกไปจากที่นี่ทันที ไปที่กระท่อมที่สาม หากข้าเดาถูกต้อง กระท่อมที่สามมีสิ่งที่ข้าต้องการ”ในตอนนี้เสียงของนางฟ้าเฮายู่ดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินป้องหมัดให้กับหลิงเฮ่ากงโดยใบหน้านิ่งๆและพูดว่า”ยังมีอีกกระท่อมหนึ่ง ข้าต้องการเสี่ยงโชคสำหรับสมบัติดี ๆ และดูว่าข้าได้อะไรบ้าง”
หลิงเฮ่ากงป้องหมัดกลับไปที่เจี้ยนเฉินและกล่าวว่า “ข้าไม่ไปกระท่อมที่สาม ข้าต้องการบ่มเพาะที่นี่ ในขณะที่หวังว่าจะเข้าใจกฏของกระบี่เพิ่มมากขึ้น เจี้ยนเฉิน ข้าขอให้เจ้าโชคดี ! ”
เจี้ยนเฉินออกไปหลังจากที่ลาหลิงเฮ่ากง เขามองไปที่กระท่อมหินหลังที่สาม
พื้นดินด้านนอกกระท่อมหลังที่สามนั้นเต็มไปด้วยศพของขั้นเทพ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของพวกเขาหายไป พวกเขาตายได้อย่างน่าสมเพช เจี้ยนเฉินมองไปที่ซากศพและดวงตาของเขาก็หรี่ลง เขาจ้องมองไปที่หนึ่งในหน้าของคนตาย
เขาเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรดาขั้นเทพที่ล่วงลับ เขาเป็นหนึ่งในขั้นเทพจากตระกูลวายเนอร์ที่มาหาเขาอย่างรวดเร็ว โม่หลิงและอันโดฟูได้เปิดทางเข้าสุสาน ใกล้ ๆ เขาเป็นคนที่สองที่เจี้ยนเฉินจำได้ เขาเป็นขั้นเทพคนที่สองจากตระกูนวายเนอร์
“ข้าไม่คิดเลยว่าเทพขั้นกลางทั้งสองคนของตระกูลวายเนอร์จะตายทั้งคู่ที่นี่” เจี้ยนเฉินลอบถอนใจขณะที่เขารู้สึกสงสาร จากนั้นเขาก็เดินไปที่ซากศพมากมายและเข้าไปในกระท่อมที่สาม
เมื่อเทียบกับกระท่องสองหลังก่อนหน้านี้ พื้นที่ภายในกระท่อมที่สามนั้นมีขนาดเล็กกว่ามาก เมื่อเจี้ยนเฉินเข้ามาก็พบว่าเหนือเทพทั้งหมดอยู่ที่นั่น สายตาของพวกเขาจ้องไปด้านหน้าด้วยอารมณ์หลากหลาย
เจี้ยนเฉินมองตามสายตาของพวกเขาไปและดวงตาของเขาหรี่ลงเช่นกัน หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมผสาน มีความชื่นชมและสงสาร
เขาจะนั่งถัดจากชายกลางคนเสื้อคลุมเขียวบนแท่นหยก เขาหลับตาอยู่และแม้ว่าเขาจะหลับตา เขาก็ยังคงเปล่งปราณกระบี่ที่มองไม่เห็นซึ่งเต็มไปด้วยพลังอำนาจท่วมท้น เขาทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ
“ราชาเทพต้วนมู่”ความรู้สึกของเจี้ยนเฉินมีความหลากหลายมากเมื่อเขาเห็นชายวันกลางคน เขาเป็นจอมยุทธชั้นยอดที่สามารถนั่งอยู่ในบนบัลลังก์ราชาเทพได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดอันดับใด ๆ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็น่าตะลึง ไม่มีใครในหมู่ราชาเทพเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเขาได้ อย่างไรก็ตามจอมยุทธผู้นี้ได้เสียชีวิตลงในบ้านของเขา
นอกจากนั้นยังต้องขอบคุณราชาเทพต้วนมู่ที่เส้นทางกระบี่ของเขาสามารถไปถึงขอบเขตจิตวิญญาณกระบี่ได้ หากไม่ใช่เพราะราชาเทพต้วนมู่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในบ้านของลูกศิษย์ของเขาเพื่อส่งต่อกฎของเขา มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไปถึงขอบเขตจิตวิญญาณกระบี่
“ข้าไม่คิดเลยว่ากระท่อมบนหินทั้งสามจะเป็นที่ที่ราชาเทพต้วนมู่มาเสียชีวิต” ปรมาจารย์เฉินหลงถอนหายใจเบา ๆ ขณะที่เขาจ้องมองไปที่ราชาเทพที่เสียชีวิตอยู่ด้านหน้าของเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสาร
“ราชาเทพต้วนมู่นั้นทรงพลังอย่างมาก อาจมีแค่จอมยุทธที่ติดอันดับของราชาเทพเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ ดังนั้นหากเขาต้องการหนี เขาจะต้องเร็วกว่ากฏของลม การฆ่าเขาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย…”
“ราชาเทพต้วนมู่นั้นทรงพลังมาก ดังนั้นข้าสงสัยว่าใครฆ่าเขา มันเป็นจอมยุทธที่ยอดเยี่ยมระดับสูงจากการจัดอันดับราชาเทพหรือไม่ ? หรือเป็นจอมยุทธขอบเขตตั้งต้น?”
“ถ้าเป็นมันจอมยุทธขอบเขตตั้งต้น ราชาเทพต้วนมู่ย่อมไม่อาจดิ้นรนหลบหนี..”
“ช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดาย ถ้าราชาเทพต้วนมู่ไม่ตาย เขาก็มีโอกาสที่จะยิ่งใหญ่มากที่จะสามารถทะลวงเข้าขอบเขตตั้งต้นและยืนอยู่เหนือฟ้าใต้สวรรค์เท่านั้น…
…
เหนือเทพอีก 2 คนถอนหายใจด้วยความตกใจ เมื่อจ้องมองไปที่ราชาเทพต้วนมู่พร้อมกับเต็มไปด้วยความชื่นชม
นี่คือการชื่นชมสำหรับใครสักคนที่มีประสิทธิภาพแม้ว่าราชาเทพต้วนมู่นั้นตายไปแล้ว แต่ความรุ่งเรืองที่เขาทิ้งไว้ยังคงส่งผลกระทบต่อพวกเขา
“หืม ? ดูเหมือนจะมีข้อความอยู่ข้าง ๆ ราชาเทพต้วนมู่” เหนือเทพอีกคนกล่าว
ทุกคนมองไปที่ข้อความที่ถูกเขียนไว้ที่พื้น
“เนื่องจากเจ้าสามารถมาถึงที่นี่ได้ มันจึงเป็นโชคชะตาของเจ้าที่ทำได้ เจ้าต้องสาบานต่อโลกว่าหลังจากที่เจ้าได้รับมรดกของราชันย์และฝึกฝนสำเร็จ เจ้าต้องสังหาร หวยอัน รองหัวหน้าลัทธิปีศาจชั้นฟ้า…”
ใบหน้าของเหนือเทพทั้งหมดเปลี่ยนไปหลังจากที่พวกเขาอ่านข้อความเหล่านี้ ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อพวกเขาเห็นคำว่า ‘ลัทธิปีศาจชั้นฟ้า’ และมันก็เหมือนกับจะบอกว่าพวกเขาหวาดกลัวและพรั่นพรึงลัทธิปีศาจชั้นฟ้าอย่างมาก