ก่อนที่การผ่าตัดเจี่ยนหยุ่นน่าวจะเสร็จสมบูรณ์ ชื่อเสียงของ Dr. FS ก็ร้อนแรงในวงการอยู่แล้ว
หลังจากการผ่าตัดประสบความสำเร็จ เขาก็กลายเป็นศัลยแพทย์ที่ร้อนแรงที่สุดคนหนึ่งในวงการนี้
[คุณก็เดาเอาเองแล้วกัน] เฉิงอี้จงใจทิ้งท้าย
เฉิงอี้ปฏิเสธที่จะพูดอย่างชัดเจน และหงไป่จางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอเวลาอาหารเย็นตามที่ตกลงกันไว้อย่างไม่มีทางเลือก
ตอนหกโมงเย็นหงไป่จางมาที่สถาบันแต่เนิ่นๆ
เพราะเฉิงอี้ตกลงกับเขาที่จะกินข้าวในโรงอาหารของสถาบันวิจัย
มาตรฐานของโรงอาหารในสถาบันไม่ได้แย่ไปกว่าร้านอาหารข้างนอกแม้แต่น้อย
กระทั่งการตกแต่งก็ยังดูเหมือนร้านอาหารระดับสูง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเจี่ยนอีหลิงไม่จำเป็นต้องเดินทางอะไรเป็นพิเศษซึ่งช่วยแก้ปัญหาต่างๆได้
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
เมื่อเห็นเฉิงอี้และหลัวซิ่วเอิน หงไป่จางก็ยิ้มอย่างสดใส
“ด็อกเตอร์เฉิง ด็อกเตอร์หลัว พวกคุณตามหาผมวันนี้ ต้องการปรึกษาเรื่องงานกับผมเหรอ”
“ยังไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ให้เราแนะนำให้คุณรู้จักด็อกเตอร์ฟู่ฉีของเราก่อน”
เฉิงอี้ยิ้มด้วยสีหน้าอ่อนโยนและสุภาพ
“ด็อกเตอร์ฟู่ฉีเหรอ ด็อกเตอร์ฟู่ฉีคือใครกัน” แม้ว่าหงไป่จางจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สมาชิกของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิงไม่ใช่คนธรรมดา
“ด็อกเตอร์ฟู่ฉีก็คือ Dr. FS คำว่า FS เป็นตัวอักษรย่อของด็อกเตอร์ฟู่ฉี”
“อา” หงไป่จางก็นึกขึ้นได้ในทันใด “มันเป็นอย่างนั้นนั่นเอง นั่นกลายเป็นท่านมหาเทพฟู่ฉี”
ปฏิกิริยาของหงไป่จางนั้นยิ่งตื่นเต้นกว่าตอนที่มาครั้งแรก
จากนั้นหงไป่จางก็เริ่มมองไปรอบๆ “ด็อกเตอร์ฟู่ฉีอยู่ไหนตอนนี้ ด็อกเตอร์ฟู่ฉีอยู่ไหน เขายังไม่มาเหรอ มีอะไรยุ่งอยู่เหรอ”
เฉิงอี้ตอบว่า “เธอมาแล้ว”
“หือเขาอยู่ที่นี่แล้ว ที่ไหนกัน” หงไป่จางไม่เห็นผู้ชายคนอื่นอีกนอกจากเฉิงอี้
“นี่” เจี่ยนอีหลิงกล่าว
หงไป่จางก้มหน้าลงและก็เห็นเจี่ยนอีหลิงตามหลังเฉิงอี้มา
หงไป่จางค้างอยู่ในท่านั้นไว้นานเป็นเวลาถึงหนึ่งนาทีเต็ม
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเฉิงอี้อีกครั้ง “ด็อกเตอร์เฉิง นี่ … มิสเจี่ยนเธอ …”
“มิสเจี่ยนคือด็อกเตอร์ฟู่ฉี” เฉิงอี้เผยคำตอบสุดท้ายออกมาตรงๆ โดยไม่ให้เวลาหงไป่จางได้ทันตั้งตัว
“ไม่ ด็อกเตอร์เฉิงคุณล้อเล่นหรือเปล่า มิสเจี่ยนจะเป็นด็อกเตอร์ฟู่ฉีได้ยังไง นี่มันเป็นไปไม่ได้”
เขาไม่เชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย
“ทำไมเธอถึงเป็นด็อกเตอร์ฟู่ฉีไม่ได้”
“เพราะ … เพราะว่า …”
ปฏิกิริยาตอบสนองของสมองของหงไป่จางช้าลงไปอยู่บ้าง เขาต้องใช้เวลานานในการหาเหตุผลหลายประการที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้
“ประการแรก เธออายุยังน้อยเกินไป เธออายุแค่สิบห้าปี”
“ประการที่สอง พี่ชายของมิสเจี่ยน เจี่ยนหยุ่นน่าวได้ทำการผ่าตัดโดยด็อกเตอร์ฟู่ฉี ถ้ามิสเจี่ยนเป็นด็อกเตอร์ฟู่ฉี ทำไมคนตระกูลเจี่ยนจึงไม่รู้เรื่องนี้ แถมยังต้องตามค้นหาผู้คนเป็นวงกว้าง”
หงไป่จางมีเหตุผลที่ดีที่จะไม่เชื่อ
เฉิงอี้หักล้างคำถามของหงไป่จางสองข้อนั้นอย่างง่ายๆและชัดเจน
“ประการแรก อายุไม่ได้แสดงถึงความสามารถ ผมเองก็ยังเด็กกว่าคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ประการที่สอง เรื่องของดร.ฟู่ฉีนั้นถูกปกปิดจากตระกูลเจี่ยน ส่วนการผ่าตัดเจี่ยนหยุ่นน่าวนั้นมีเหตุผลอื่น ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะคุยรายละเอียดกับคุณ”
เฉิงอี้กล่าวว่าไม่สะดวกที่จะพูดถึงเรื่องนี้ในรายละเอียด แต่ความจริงก็คือเขาไม่อยางพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจี่ยนอีหลิง
ตามความเป็นจริง หงไป่จางยังคงรู้ข้อมูลภายในอยู่บ้าง ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เคยเป็นแพทย์ประจำตัวของเจี่ยนหยุ่นน่าวในเวลานั้น
“ไม่ ด็อกเตอร์เฉิงนี่ … ”
หงไป่จางยังคงไม่สามารถยอมรับความจริงข้อนี้ได้
ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทัน เพราะคนธรรมดาก็ไม่สามารถที่จะตอบสนองได้อยู่บ้างเช่นเดียวกัน
หลัวซิ่วเอินผู้มีอารมณ์ร้ายไม่ชอบการกระทำแบบนี้ “หงไป่จาง นายหมายความว่าอะไร เห็นว่าฉันกับเฉิงอี้สองคนกินอิ่มไม่มีอะไรทำ เลยโทรมาหานายเพื่อเล่าเรื่องตลกให้ฟังงั้นเหรอ”
“นี่ …”
“พี่สาวขอบอกให้นายรู้ไว้ ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น ทั้งเฉิงอี้ หรืออีหลิงของฉัน พวกเราทั้งสามคนต่างมีงานยุ่งและไม่มีเวลาว่างที่จะทำให้นายสนุกสนาน อีหลิงคือด็อกเตอร์ฟู่ฉี ด็อกเตอร์ฟู่ฉีคือเสี่ยวอีหลิง นายเชื่อหรือไม่เชื่อ ถ้านายทำตัวงี่เง่าฉันจะเชือดนายซะ”
เสียงดุของหลัวซิ่วเอินนั้นปลุกหงไป่จางให้ตื่นขึ้น
ถูกต้องหลัวซิ่วเอินและเฉิงอี้ย่อมต้องไม่มาเล่นตลกกับเขา
“นั่น … นั่น …” หงไป่จางมองไปที่เจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง สายตาเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เขามองไปที่ร่างเล็กๆ ของเจี่ยนอีหลิง พยายามหาเบาะแสบางอย่าง
สิบนาทีต่อมา หงไป่จางก็ยอมรับได้อย่างสมบูรณ์ว่าเจี่ยนอีหลิงคือด็อกเตอร์ฟู่ฉีจริงๆ
จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองสามนาทีในการปรับสภาพอารมณ์
ในที่สุดเขาก็พูดกับเจี่ยนอีหลิงอย่างตื่นเต้นว่า “ด็อกเตอร์ฟู่ฉี ผมไม่รู้จักเขาไท่ซานมาก่อน อย่าถือสาหาความเลยนะ”
“ไม่มีปัญหา อีหลิงของฉันไม่ใจแคบขนาดนั้น” หลัวซิ่วเอินไม่ชอบหงไป่จางที่ยืดยาด จึงตัดเรื่องและอธิบายให้เขาฟังถึงสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาในวันนี้
หลังจากฟังคำอธิบายของหลัวซิ่วเอินแล้ว หงไป่จางก็พูดว่า “อืม นี่เป็นเรื่องที่ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงให้ด็อกเตอร์ฟู่ฉีเห็น”
“นายหมายความว่านายมีข้อเรียกร้องใช่ไหม” หลัวซิ่วเอินเข้าใจความหมายของคำพูดของหงไป่จางทั้งหมดในทีเดียว
“เฮ้ เฮ้ เฮ้… ไม่ใช่การเรียกร้องไม่ใช่การเรียกร้อง เป็นการขอร้อง การขอร้อง”
หงไป่จางย้ำหลายครั้ง
“ฮ่าฮ่า มันไม่เหมือนกันเหรอ” หลัวซิ่วเอินตอบกลับอย่างโกรธๆ
“มีเงื่อนไขอะไร” เจี่ยนอีหลิงกล่าวอย่างครุ่นคิด
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันเป็นข้อมูลของโรงพยาบาลเรา ตามกฎก็มีเพียงเจ้าหน้าที่ภายในของโรงพยาบาลเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะดูได้ ถ้าส่งออกไปผ่านๆ มันก็จะไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ในเมื่อดร.ฟู่ฉีไม่ได้มาจากโรงพยาบาลเรา แน่นอนว่าผมก็ไม่สามารถแสดงให้เธอเห็นได้ง่ายๆ แต่ถ้าดร.ฟู่ฉีมาเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงพยาบาลเอกชนถงเต๋อของเรา เรื่องนี้… ก็จะง่ายมาก”
“ไม่” เจี่ยนอีหลิงยังไม่ทันได้พูด หลัวซิ่วเอินก็ปฏิเสธไปก่อน “หนูน้อยอีหลิงยุ่งมากเกินกว่าที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงพยาบาลของนายได้ นายต้องการให้เธอเหนื่อยตายหรือไง”
“นั่นเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่ต้องมีอะไรให้ทำทุกๆวัน แค่แขวนชื่อไว้ว่าเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ผมสัญญาว่าจะไม่มีคำถามที่จะรบกวนด็อกเตอร์ฟู่ฉีมากเกินไป อย่างมากผมก็จะถามคำถามหนึ่งหรือสองคำถามเป็นครั้งคราว แน่นอนว่าถ้าดร.ฟู่ฉี ไม่ว่างจริงๆ ก็ไม่ต้องตอบก็ได้ ผมสัญญาว่าจะไม่เพิ่มภาระให้กับดร. ฟู่ฉี ไม่ทำให้เธอเหนื่อย”
หงไป่จางรีบพูดซ้ำๆย้ำๆ ว่าตำแหน่งแพทย์ที่ปรึกษาจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจี่ยนอีหลิงมากเกินไป
“ฉันกำลังพูดกับนายเรื่อง …”
หลัวซิ่วเอินยังไม่อยากเห็นพ้อง แต่เฉิงอี้กลับขัดจังหวะเธอว่า “ถ้ามันไม่ได้หนักมากนัก เราก็มาดูว่าน้องสาวอีหลิงจะว่ายังไงกันเถอะ”
เฉิงอี้เห็นว่าตำแหน่งแพทย์ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลเอกชนถงเต๋อไม่มีอันตรายต่อเจี่ยนอีหลิง
ไม่ว่ายังไง โรงพยาบาลเอกชนถงเต๋อก็มีชื่อเสียงในวงการเช่นกัน