“นี่…ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่” หยูซื่อเหมี่ยวตอบ ตามปกติแล้วหยูซื่อเหมี่ยวไม่ได้รับข้อมูลดีพอกับท่านผู้เฒ่าจ๋าย “แต่ว่าฉินชี่เชวนจากตระกูลฉินอยู่ในเมืองเหิงหยวนมาระยะหนึ่งแล้ว”
ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะเดาจุดประสงค์ของการมาเยือนเมืองเหิงหยวนของฉินชี่เชวน
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของตระกูลฉิน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาซึ่งเป็นครอบครัวเล็กๆในเมืองเหิงหยวนจะไต่ถาม
“อาา อย่างน้อยพวกเขาก็มีลูกนอกสมรส ทำไมสองคนในตระกูลของฉันไม่สามารถให้ลูกชายหรือหลานชายนอกสมรสแก่ฉันบ้าง…”
ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่สามารถตัดใจจากเรื่องนี้ได้
ความคิดเขากลับมาที่เรื่องนี้อีกแล้ว
ความหมกมุ่นนี้…นับเป็นความหมกมุ่นที่ลึกล้ำทีเดียว
###
เพื่อนร่วมห้องของฉินชวนลากฉินชวนไปลงทะเบียนเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ ‘Zerg Invasion’ กับพวกเขา
“ฉินชวน ปกติเราก็ทำงานหนักมากกันอยู่แล้ว มาเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ให้สนุกกันเถอะ”
ฉินชวนตกลงตามคำขอของพวกเขา เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาเล่นเกมเพื่อความสนุกสนาน
ก่อนหน้านี้เขาเล่นเกมเพื่อให้เข้าใจวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมของสังคมอินเตอร์เน็ต
อย่างไรก็ตามในตอนนั้น เขาไม่ได้มีใจที่จะเล่นเกมเลย เขายังต้องกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของแม่และปัญหาทางการเงินอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้เขามุ่งเน้นไปที่การจัดการกับธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บริษัทของพวกเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อาการของแม่เขาก็ทรงตัวเช่นกัน
ขณะที่เขาคิดถึงแม่ ฉินชวนก็นึกถึงเจี่ยนอีหลิงอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงเรื่องบางเรื่อง เขาก็มักจะเชื่อมโยงความคิดนั้นเข้ากับเจี่ยนอีหลิง
เขาต้องยอมรับว่าตอนแรกเขาเข้าใจผิดเจี่ยนอีหลิง เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงขี้อาย นอกจากนี้เขายังคิดว่าเธอเป็นเพียงนักเรียนที่ด้อยความสามารถธรรมดาทั่วไป ที่ได้รับการปรนเปรอจากครอบครัว
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ ภาพลักษณ์ของเจี่ยนอีหลิงในความคิดของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ในความเป็นจริง เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงเจี่ยนอีหลิง มุมปากของฉินชวนก็จะยกขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ไป่ยู่เชียน เพื่อนร่วมห้องและหุ้นส่วนทางธุรกิจของฉินชวน ที่อาศัยอยู่ในหอพักเดียวกัน สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของฉินชวน
“ฉินชวน เกิดอะไรขึ้น นายกำลังมีความรักเหรอ ทำไมนายถึงยิ้มแบบนั้น ฮิฮิฮิ…”
“เฮ้ อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้น ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก” ฉินชวนตอบ เขาปฏิเสธการคาดเดาของไป่ยู่เชียนอย่างหัวเด็ดตีนขาด
“แล้วทำไมนายถึงยิ้มอย่างมีความสุขล่ะ”
“แม่ของฉันอาการดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
ฉินชวนสร้างข้ออ้างที่สมเหตุสมผลขึ้นมาในทันทีสำหรับความอารมณ์ดีของเขา
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที เขาก็ส่งข้อความอีกข้อความถึงเจี่ยนอีหลิง
[แม่ของฉันสุขภาพดีขึ้นมาก ฉันต้องการขอบคุณเธอและดร. เฉิง สำหรับความพยายามของพวกเธอ]
เมื่อตอนที่ฉินชวนได้ไปสอนเจี่ยนอีหลิง เขาได้เพิ่มเธอเป็นเพื่อนใน WeChat
อย่างไรก็ตามในตอนนั้น พวกเขาไม่เคยส่งข้อความหากันเลย
แต่ตอนนี้เนื่องจากพวกเขาต้องสื่อสารเกี่ยวกับอาการของแม่เขาอย่างทันท่วงที จึงมีการสื่อสารระหว่างพวกเขาสองคนมากขึ้น
แน่นอนว่า ฉินชวนเป็นคนที่ถือโอกาสเริ่มการสนทนามาโดยตลอด โดยปกติเขาจะส่งข้อความยาวเหยียดถึงเจี่ยนอีหลิง ในทางกลับกัน เจี่ยนอีหลิงจะตอบกลับด้วยหนึ่งหรือสองคำ มากที่สุดก็คือสามคำ
ครั้งนี้ไม่มีข้อยกเว้นฉินชวนได้รับคำตอบจากเจี่ยนอีหลิงที่กล่าวว่า [ด้วยความยินดี]
สิ่งแรกที่อยู่ในใจเขาเมื่อเขาอ่านคำเหล่านี้ก็คือ ใบหน้าที่จริงจังของเจี่ยนอีหลิง แม้ว่าใบหน้าเธอมักจะดูจริงจังและดูหน้าตาย แต่เขาก็อดที่จะยิ้มขณะที่เขานึกถึงเธอไม่ได้
ในตอนนี้ ก็มีกลุ่มชายในชุดสูทและเครื่องแบบเข้ามาในหอพักของฉินชวน
เมื่อพวกเขาเห็นฉินชวน ท่าทีของพวกเขาก็แสดงความนอบน้อม
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
ฉินชวนทั้งประหลาดใจและงงงวยกับการมาถึงของพวกเขา
“นายน้อยฉิน มีบางอย่างที่เราต้องการการยืนยันจากคุณและแม่ของคุณ โปรดเดินทางไปกับพวกเราด้วย”
ข่าวใหญ่หลุดออกมาจากเมืองเหิงหยวน หัวหน้าตระกูลฉินจากเป่ยจิงพบลูกชายสืบสายเลือดในเมืองเหิงหยวน
ทันทีที่ข่าวนี้ออกมา คนใหญ่คนโตทั้งหมดในเมืองเหิงหยวนก็ตกอยู่ในความโกลาหล
สถานะของตระกูลฉินในเป่ยจิงนั้นแทบจะแตะต้องไม่ได้
ลูกชายนอกสมรสของตระกูลพวกเขาอยู่ในเมืองเหิงหยวนจริงหรือ
ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าตระกูลฉินมีลูกสาวเพียงคนเดียว เขาไม่มีลูกชาย
นอกจากนี้ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว
นั่นหมายความว่าลูกชายนอกสมรสคนนี้ น่าจะเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลฉิน
นั่นหมายความว่าสถานะของเขาจะเทียบเท่ากับนายท่านเชิ่ง และนายท่านเชิ่งก็อยู่ในเมืองเหิงหยวนในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายท่านเชิ่งไม่ใช่คนที่จะเข้าหาได้ โดยปกติแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นบุคคลผู้นี้ด้วยซ้ำ ไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะได้คบหากับเขา
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ที่จะได้พบกับคนใหญ่คนโตคนใหม่ของตระกูลฉิน หากพวกเขาเป็นมิตรกับเขาตอนที่เขายังเด็กและด้อยประสบการณ์ นี่นับว่าเป็นวิธีที่ดีโดยไม่ต้องสงสัยที่จะได้คบหากับเขา
ทันทีที่เหอเยี่ยนรู้ข่าวนี้ เธอก็ขอให้ใครสักคนหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฉินชวน
ที่สร้างความประหลาดใจให้กับเธอก็คือ เธอพบว่าฉินชวนเคยมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลเจี่ยนมาก่อน
เขาได้รับการว่าจ้างจากเจี่ยนหยุ่นเฉิงให้เป็นครูสอนพิเศษให้กับเจี่ยนอีหลิง
เหอเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา ชีวิตของเจี่ยนอีหลิงนั้นดีมากจริงๆ กระทั่งครูสอนพิเศษที่พี่ชายเธอเลือกมาอย่างง่ายๆ กลับกลายเป็นทายาทของตระกูลฉิน
จากนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งก็เป็นเพื่อนสนิทเช่นเดียวกัน ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งไม่มีความสุข
เมื่อเจี่ยนอีหลิงทราบข่าวนี้ เธอก็ค่อนข้างรู้สึกสับสน
ตามนิยายต้นฉบับ ฉินชวนไม่ได้กลับสู่ตระกูลฉินในอีกอย่างน้อยสามปีข้างหน้า
แต่ในตอนนี้ ในช่วงเวลานี้ เขาได้กลับคืนสู่ตระกูลล่วงหน้าถึงสามปี
มีบางอย่างที่แตกต่างเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ
เจี่ยนอีหลิงเริ่มไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่เธอได้เปลี่ยนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฉินชวนก็คืออาการป่วยของแม่เขา
ในนิยายต้นฉบับ แม่ของฉินชวนจะเสียชีวิตไปแล้วในเวลานี้
เป็นไปได้ไหมว่า เพราะแม่ของฉินชวนยังมีชีวิตอยู่ มันจึงเปิดโอกาสให้ฉินชี่เชวนพบฉินชวนและแม่ของเขา
###
ตระกูลฉินหวังจะให้ฉินชวนกลับไปที่เป่ยจิงทันที อย่างไรก็ตาม ฉินชวนยืนยันที่จะอยู่ในเมืองเหิงหยวน อาการของแม่เขายังไม่คงที่อย่างสมบูรณ์
หลังจากได้รับคำแนะนำจากลูกพี่ลูกน้องของเขา ฉินชี่เชวนจึงตัดสินใจจัดงานเลี้ยงในเมืองเหิงหยวน ในระหว่างงานเลี้ยงพวกเขาจะเปิดเผยตัวตนของฉินชวนต่อสาธารณะ
หลายคนจากเมืองเหิงหยวนได้รับเชิญไปงานเลี้ยง คนเหล่านั้นบางคนที่ได้รับเชิญ มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับตระกูลฉิน ในขณะที่คนอื่นๆก็จะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ตระกูลเจี่ยนก็ได้รับคำเชิญจากฉินชวนเช่นเดียวกัน
ในความเป็นจริง คำเชิญของฉินชวนมีเจตนาให้เจี่ยนอีหลิง
เป็นเจี่ยนอีหลิงที่ช่วยให้แม่เขาดีขึ้น นี่เป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีลืม
อย่างไรก็ตาม ฉินชวนได้สัญญาว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนเธอให้คนอื่นรู้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเชิญเจี่ยนอีหลิงโดยตรงได้
ดังนั้นเขาเพียงแค่เชิญตระกูลเจี่ยนทั้งหมด
ตระกูลเจี่ยนยังนับว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหิงหยวน จึงสมเหตุสมผลแล้วที่จะเชิญพวกเขา คงไม่มีใครคิดมากกับเรื่องนี้
หลังจากตระกูลเจี่ยนได้รับคำเชิญ เหอเยี่ยนก็มีความสุขที่สุด
เวินน่วนซึ่งก่อนหน้านี้ไม่แยแสกับงานแบบนี้ก็แต่งตัวในครั้งนี้เหมือนกัน
วันนี้เธอจะไปงานเลี้ยงกับลูกสาว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับลูกสาว
เวินน่วนมองตัวเองในกระจกก่อนจะหันกลับมาถามสามีว่า “ฉันดูเป็นยังไง ฉันดูดีไหม”
เวินน่วนอยากอวดด้านดีต่อหน้าลูกสาว
เจี่ยนชูฉิงชมภรรยา “เธอสวยมาก ไม่ต้องกังวล”
เวินน่วนกล่าวว่า “ฉันไม่ได้กลัวว่าฉันจะไม่สวย ฉันแค่อยากให้อีหลิงชอบชุดของฉัน อีหลิงเคยชมชุดนี้มาก่อน เธอชอบเครื่องประดับที่มาพร้อมกับชุดนี้ด้วยเหมือนกัน”