เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ / เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 317-318

 

“นี่…ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่” หยูซื่อเหมี่ยวตอบ ตามปกติแล้วหยูซื่อเหมี่ยวไม่ได้รับข้อมูลดีพอกับท่านผู้เฒ่าจ๋าย “แต่ว่าฉินชี่เชวนจากตระกูลฉินอยู่ในเมืองเหิงหยวนมาระยะหนึ่งแล้ว”

 

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะเดาจุดประสงค์ของการมาเยือนเมืองเหิงหยวนของฉินชี่เชวน

 

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของตระกูลฉิน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาซึ่งเป็นครอบครัวเล็กๆในเมืองเหิงหยวนจะไต่ถาม

 

“อาา อย่างน้อยพวกเขาก็มีลูกนอกสมรส ทำไมสองคนในตระกูลของฉันไม่สามารถให้ลูกชายหรือหลานชายนอกสมรสแก่ฉันบ้าง…”

 

ท่านผู้เฒ่าจ๋ายไม่สามารถตัดใจจากเรื่องนี้ได้

 

ความคิดเขากลับมาที่เรื่องนี้อีกแล้ว

 

ความหมกมุ่นนี้…นับเป็นความหมกมุ่นที่ลึกล้ำทีเดียว

 

###

 

เพื่อนร่วมห้องของฉินชวนลากฉินชวนไปลงทะเบียนเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ ‘Zerg Invasion’ กับพวกเขา

 

“ฉินชวน ปกติเราก็ทำงานหนักมากกันอยู่แล้ว มาเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ให้สนุกกันเถอะ”

 

ฉินชวนตกลงตามคำขอของพวกเขา เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาเล่นเกมเพื่อความสนุกสนาน

 

ก่อนหน้านี้เขาเล่นเกมเพื่อให้เข้าใจวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมของสังคมอินเตอร์เน็ต

 

อย่างไรก็ตามในตอนนั้น เขาไม่ได้มีใจที่จะเล่นเกมเลย เขายังต้องกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของแม่และปัญหาทางการเงินอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้เขามุ่งเน้นไปที่การจัดการกับธุรกิจ

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บริษัทของพวกเขาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อาการของแม่เขาก็ทรงตัวเช่นกัน

 

ขณะที่เขาคิดถึงแม่ ฉินชวนก็นึกถึงเจี่ยนอีหลิงอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงเรื่องบางเรื่อง เขาก็มักจะเชื่อมโยงความคิดนั้นเข้ากับเจี่ยนอีหลิง

 

เขาต้องยอมรับว่าตอนแรกเขาเข้าใจผิดเจี่ยนอีหลิง เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงขี้อาย นอกจากนี้เขายังคิดว่าเธอเป็นเพียงนักเรียนที่ด้อยความสามารถธรรมดาทั่วไป ที่ได้รับการปรนเปรอจากครอบครัว

 

อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ ภาพลักษณ์ของเจี่ยนอีหลิงในความคิดของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

ในความเป็นจริง เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงเจี่ยนอีหลิง มุมปากของฉินชวนก็จะยกขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้

 

ไป่ยู่เชียน เพื่อนร่วมห้องและหุ้นส่วนทางธุรกิจของฉินชวน ที่อาศัยอยู่ในหอพักเดียวกัน สังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆของฉินชวน

 

“ฉินชวน เกิดอะไรขึ้น นายกำลังมีความรักเหรอ ทำไมนายถึงยิ้มแบบนั้น ฮิฮิฮิ…”

 

“เฮ้ อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้น ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก” ฉินชวนตอบ เขาปฏิเสธการคาดเดาของไป่ยู่เชียนอย่างหัวเด็ดตีนขาด

 

“แล้วทำไมนายถึงยิ้มอย่างมีความสุขล่ะ”

 

“แม่ของฉันอาการดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว”

 

ฉินชวนสร้างข้ออ้างที่สมเหตุสมผลขึ้นมาในทันทีสำหรับความอารมณ์ดีของเขา

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที เขาก็ส่งข้อความอีกข้อความถึงเจี่ยนอีหลิง

 

[แม่ของฉันสุขภาพดีขึ้นมาก ฉันต้องการขอบคุณเธอและดร. เฉิง สำหรับความพยายามของพวกเธอ]

 

เมื่อตอนที่ฉินชวนได้ไปสอนเจี่ยนอีหลิง เขาได้เพิ่มเธอเป็นเพื่อนใน WeChat

 

อย่างไรก็ตามในตอนนั้น พวกเขาไม่เคยส่งข้อความหากันเลย

 

แต่ตอนนี้เนื่องจากพวกเขาต้องสื่อสารเกี่ยวกับอาการของแม่เขาอย่างทันท่วงที จึงมีการสื่อสารระหว่างพวกเขาสองคนมากขึ้น

 

แน่นอนว่า ฉินชวนเป็นคนที่ถือโอกาสเริ่มการสนทนามาโดยตลอด โดยปกติเขาจะส่งข้อความยาวเหยียดถึงเจี่ยนอีหลิง ในทางกลับกัน เจี่ยนอีหลิงจะตอบกลับด้วยหนึ่งหรือสองคำ มากที่สุดก็คือสามคำ

 

ครั้งนี้ไม่มีข้อยกเว้นฉินชวนได้รับคำตอบจากเจี่ยนอีหลิงที่กล่าวว่า [ด้วยความยินดี]

 

สิ่งแรกที่อยู่ในใจเขาเมื่อเขาอ่านคำเหล่านี้ก็คือ ใบหน้าที่จริงจังของเจี่ยนอีหลิง แม้ว่าใบหน้าเธอมักจะดูจริงจังและดูหน้าตาย แต่เขาก็อดที่จะยิ้มขณะที่เขานึกถึงเธอไม่ได้

 

ในตอนนี้ ก็มีกลุ่มชายในชุดสูทและเครื่องแบบเข้ามาในหอพักของฉินชวน

 

เมื่อพวกเขาเห็นฉินชวน ท่าทีของพวกเขาก็แสดงความนอบน้อม

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

ฉินชวนทั้งประหลาดใจและงงงวยกับการมาถึงของพวกเขา

 

“นายน้อยฉิน มีบางอย่างที่เราต้องการการยืนยันจากคุณและแม่ของคุณ โปรดเดินทางไปกับพวกเราด้วย”

 

 

ข่าวใหญ่หลุดออกมาจากเมืองเหิงหยวน หัวหน้าตระกูลฉินจากเป่ยจิงพบลูกชายสืบสายเลือดในเมืองเหิงหยวน

 

ทันทีที่ข่าวนี้ออกมา คนใหญ่คนโตทั้งหมดในเมืองเหิงหยวนก็ตกอยู่ในความโกลาหล

 

สถานะของตระกูลฉินในเป่ยจิงนั้นแทบจะแตะต้องไม่ได้

 

ลูกชายนอกสมรสของตระกูลพวกเขาอยู่ในเมืองเหิงหยวนจริงหรือ

 

ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าตระกูลฉินมีลูกสาวเพียงคนเดียว เขาไม่มีลูกชาย

 

นอกจากนี้ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว

 

นั่นหมายความว่าลูกชายนอกสมรสคนนี้ น่าจะเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลฉิน

 

นั่นหมายความว่าสถานะของเขาจะเทียบเท่ากับนายท่านเชิ่ง และนายท่านเชิ่งก็อยู่ในเมืองเหิงหยวนในช่วงเวลานี้ด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม นายท่านเชิ่งไม่ใช่คนที่จะเข้าหาได้ โดยปกติแล้ว พวกเขาไม่เคยเห็นบุคคลผู้นี้ด้วยซ้ำ ไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะได้คบหากับเขา

 

อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ที่จะได้พบกับคนใหญ่คนโตคนใหม่ของตระกูลฉิน หากพวกเขาเป็นมิตรกับเขาตอนที่เขายังเด็กและด้อยประสบการณ์ นี่นับว่าเป็นวิธีที่ดีโดยไม่ต้องสงสัยที่จะได้คบหากับเขา

 

ทันทีที่เหอเยี่ยนรู้ข่าวนี้ เธอก็ขอให้ใครสักคนหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฉินชวน

 

ที่สร้างความประหลาดใจให้กับเธอก็คือ เธอพบว่าฉินชวนเคยมีปฏิสัมพันธ์กับตระกูลเจี่ยนมาก่อน

 

เขาได้รับการว่าจ้างจากเจี่ยนหยุ่นเฉิงให้เป็นครูสอนพิเศษให้กับเจี่ยนอีหลิง

 

เหอเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย็นชา ชีวิตของเจี่ยนอีหลิงนั้นดีมากจริงๆ กระทั่งครูสอนพิเศษที่พี่ชายเธอเลือกมาอย่างง่ายๆ กลับกลายเป็นทายาทของตระกูลฉิน

 

จากนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งก็เป็นเพื่อนสนิทเช่นเดียวกัน ยิ่งเธอคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ่งไม่มีความสุข

 

เมื่อเจี่ยนอีหลิงทราบข่าวนี้ เธอก็ค่อนข้างรู้สึกสับสน

 

ตามนิยายต้นฉบับ ฉินชวนไม่ได้กลับสู่ตระกูลฉินในอีกอย่างน้อยสามปีข้างหน้า

 

แต่ในตอนนี้ ในช่วงเวลานี้ เขาได้กลับคืนสู่ตระกูลล่วงหน้าถึงสามปี

 

มีบางอย่างที่แตกต่างเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ

 

เจี่ยนอีหลิงเริ่มไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่เธอได้เปลี่ยนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฉินชวนก็คืออาการป่วยของแม่เขา

 

ในนิยายต้นฉบับ แม่ของฉินชวนจะเสียชีวิตไปแล้วในเวลานี้

 

เป็นไปได้ไหมว่า เพราะแม่ของฉินชวนยังมีชีวิตอยู่ มันจึงเปิดโอกาสให้ฉินชี่เชวนพบฉินชวนและแม่ของเขา

 

###

 

ตระกูลฉินหวังจะให้ฉินชวนกลับไปที่เป่ยจิงทันที อย่างไรก็ตาม ฉินชวนยืนยันที่จะอยู่ในเมืองเหิงหยวน อาการของแม่เขายังไม่คงที่อย่างสมบูรณ์

 

หลังจากได้รับคำแนะนำจากลูกพี่ลูกน้องของเขา ฉินชี่เชวนจึงตัดสินใจจัดงานเลี้ยงในเมืองเหิงหยวน ในระหว่างงานเลี้ยงพวกเขาจะเปิดเผยตัวตนของฉินชวนต่อสาธารณะ

 

หลายคนจากเมืองเหิงหยวนได้รับเชิญไปงานเลี้ยง คนเหล่านั้นบางคนที่ได้รับเชิญ มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับตระกูลฉิน ในขณะที่คนอื่นๆก็จะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

ตระกูลเจี่ยนก็ได้รับคำเชิญจากฉินชวนเช่นเดียวกัน

 

ในความเป็นจริง คำเชิญของฉินชวนมีเจตนาให้เจี่ยนอีหลิง

 

เป็นเจี่ยนอีหลิงที่ช่วยให้แม่เขาดีขึ้น นี่เป็นสิ่งที่เขาจะไม่มีลืม

 

อย่างไรก็ตาม ฉินชวนได้สัญญาว่าจะไม่เปิดเผยตัวตนเธอให้คนอื่นรู้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเชิญเจี่ยนอีหลิงโดยตรงได้

 

ดังนั้นเขาเพียงแค่เชิญตระกูลเจี่ยนทั้งหมด

 

ตระกูลเจี่ยนยังนับว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหิงหยวน จึงสมเหตุสมผลแล้วที่จะเชิญพวกเขา คงไม่มีใครคิดมากกับเรื่องนี้

 

หลังจากตระกูลเจี่ยนได้รับคำเชิญ เหอเยี่ยนก็มีความสุขที่สุด

 

เวินน่วนซึ่งก่อนหน้านี้ไม่แยแสกับงานแบบนี้ก็แต่งตัวในครั้งนี้เหมือนกัน

 

วันนี้เธอจะไปงานเลี้ยงกับลูกสาว นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้ใช้เวลาร่วมกับลูกสาว

 

เวินน่วนมองตัวเองในกระจกก่อนจะหันกลับมาถามสามีว่า “ฉันดูเป็นยังไง ฉันดูดีไหม”

 

เวินน่วนอยากอวดด้านดีต่อหน้าลูกสาว

 

เจี่ยนชูฉิงชมภรรยา “เธอสวยมาก ไม่ต้องกังวล”

 

เวินน่วนกล่าวว่า “ฉันไม่ได้กลัวว่าฉันจะไม่สวย ฉันแค่อยากให้อีหลิงชอบชุดของฉัน อีหลิงเคยชมชุดนี้มาก่อน เธอชอบเครื่องประดับที่มาพร้อมกับชุดนี้ด้วยเหมือนกัน”

 

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส

เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
Status: Ongoing
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น เรื่อยๆ อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset