เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – ตอนที่ 286 คิดไม่ถึงว่าคุณจะลืมเกิ่งเหยียน!

บทที่ 286 คิดไม่ถึงว่าคุณจะลืมเกิ่งเหยียน!

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น จำเป็นต้องย้ายผู้บาดเจ็บไปที่ห้องไอซียูเพื่อดูแลและรักษาพยาบาลหลังการผ่าตัดต่อไป

สงครามที่ไร้เขม่าควันปืนครั้งนี้เข้าสู่ฉากสุดท้ายแล้ว

เมื่อเข็นผู้บาดเจ็บออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว คนในครอบครัวผู้บาดเจ็บ หัวหน้าคนงานกับเถ้าแก่ต่างก็กำลังรอด้วยความร้อนรน

เมื่อเห็นว่ามีคนเข็นผู้บาดเจ็บออกมาแล้ว

“คุณหมอ…เป็นยังไงบ้าง”

หลี่เจี้ยนเหว่ยกล่าว “การผ่าประสบความสำเร็จมากครับ แต่จำเป็นต้องเฝ้าสังเกตอาการต่อครับ ช่วงนี้ผู้บาดเจ็บต้องอยู่ห้องไอซียูก่อนนะครับ”

หัวหน้าคนงานรีบพยักหน้า “ครับๆๆ ไม่มีปัญหาครับ คนบาดเจ็บปลอดภัยก็โอเคแล้วครับ!”

หญิงวัยกลางคนแต่งกายเรียบง่ายจูงลูกสองคนเดินตรงเข้ามาและคุกเข่าลงทันที!

“คุณหมอ! ขอบคุณคุณทุกคนนะคะที่ช่วยคนของเรา!” เสียงของเธอสะอึกสะอื้น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเปี่ยมด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณนะครับคุณหมอ!”

ลูกชายคนโตอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปี ลูกชายคนเล็กอายุราวเจ็ดแปดขวบ ทั้งสองต่างนั่งคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเช่นกัน

เมื่อบรรดาหมอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่างก็รีบโน้มตัวเข้าไปพยุงตัวพวกเขาให้ลุกขึ้น

ผู้บาดเจ็บไม่ใช่คนในท้องที่ เป็นคนต่างถิ่นที่เข้ามาทำงาน ภรรยากับลูกๆ ต่างก็พูดด้วยสำเนียงปักกิ่งที่ชัดเจนมาก

หลี่เจี้ยนเหว่ยรีบพยุงลูกของผู้บาดเจ็บในลุกขึ้นพร้อมกล่าวขึ้นว่า “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำ!”

เฉินชางย้อนนึกถึงใบหน้าเด็ดดี่ยวแน่วแน่ของผู้บาดเจ็บ อาจเป็นเพราะชายผู้นี้เป็นกำลังสำคัญหลักของครอบครัวนี้

โดนเหล็กเส้นแทงทะลุทรวงอก แต่กลับไม่ส่งเสียงโอดครวญสักนิดตั้งแต่ต้น!

เฉินชางเดาว่าตอนที่ชายคนนี้ตกลงมาจากตึกแล้วโดนเหล็กเส้นแทงทะลุร่าง ในหัวของชายคนนี้ไม่ได้คิดถึงตนเอง แต่คงจะยืนหยัดที่มีลมหายใจต่อไปเพราะมีบุคคลอันเป็นที่รักสามคนนี้ คนที่เขาจำเป็นต้องปกป้องดูแล

ความคิดนี้ทำให้เขายืดหยัดที่จะอดทนต่อสู้ ไม่ยอมจำนนต่อความเจ็บปวด ไม่ปริปากส่งเสียงโอดครวญออกมา

ความยิ่งใหญ่ของชีวิตคือพันธนาการแห่งรัก คือสิ่งที่ทำให้ซายคนนี้ยืดหยัดที่จะมีชีวิตต่อ

เฉินชางเจอคนมาเยอะมาก แล้วก็ช่วยชีวิตคนมาเยอะมากด้วยเช่นกัน เขารู้ว่ามีอยู่หลายครั้งที่คนที่ช่วยคุณได้มีเพียงตัวคุณนั้น

คุณจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณจะต้องยืนหยัดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ อดทนต่อความเจ็บปวด กัดฟันอดทน ต่อให้กัดฟันจนฟันแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ต้องมีสติที่จะบอกกับตนเองให้ได้ว่าคุณสมควรที่จะมีชีวิตต่อไป

ยิ่งอยู่ในสายการแพทย์ยิ่งพบว่าหลายหลายสิ่งหลายอย่างการแพทย์อธิบายไม่ได้

โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไข้หวัด โรคต่างๆ นานาที่ในบางครั้งอธิบายสาเหตุไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรอดตายได้อย่างปาฏิหาริย์เลย

ชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องของการทำงานของอวัยวะในร่างกาย

แต่ยังเกี่ยวโยงกับความศรัทธามีต่อการมีชีวิตอยู่!

ชายคนนี้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขา

เมื่อได้เห็นครอบครัวที่เรียบง่ายแต่จริงใจครอบครัวนี้ จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าทุกสิ่งที่ทุ่มเทไปคุ้มค่าแล้ว

หลังจากที่ส่งตัวผู้ป่วยไปห้องไอซียูแล้ว พอเฉินชางกับจิ่งหรานก็เดินออกมาแผนกฉุกเฉิน เขาก็พาจิ่งหรานไปร้านอาหารเจ้าเก่าที่คุ้นเคย นั่งที่ร้านปิ้งย่างข้างทาง สั่งเบียร์สองสามขวด ปิ้งย่างเสียบไม้หนึ่งถาดพูนๆ

เมื่อเถ้าแก่ร้านเห็นทั้งสอง ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฉินค่อยๆ กิน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนใช้ไม้เสียบเนื้อแทนตะเกียบ”

เวลานี้เฉินชางกับจิ่งหรานสนใจภาพลักษณ์ที่ไหนกัน หลังจากที่กินปิ้งย่างอย่างดุเดือดจนอิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความสบายใจ!

ฟินสุดๆ ไปเลย!

ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเครียดมากนัก แค่ได้ดื่มเหล้าแก้วใหญ่ ได้กินเนื้อคำโต เท่านี้ก็สุขใจ!

อย่ายิ้มเยาะพลังของการกินดื่ม ดื่มจนหนำใจ กินจนอิ่มท้อง ทำให้มีพลังในการช่วยคนต่อไป

แน่นอน ดื่มเหล้าก่อนผ่าตัดไม่ได้นะ

การผ่าตัดในวันนี้ทำให้เฉินชางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอกสั่นขวัญหายจริงๆ

จิ่งหรานจัดว่าเป็นผู้ชายที่พิถีพิถันมีรสนิยมสูง ปกติมักจัดแต่งทรงผมให้ดูดี ทว่าเมื่อสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเส้นผมที่มีเหงื่อชุ่ม ทำให้ผมเผ้าของจิ่งหรานในตอนนี้ดูยุ่งเหยิง เขากับเฉินชางนั่งตากลมยามค่ำคืนพูดคุยเรื่อยเปื่อย

หลังจากผ่านไปนานมาก จิ่งหรานมองเฉินชาง กล่าวขึ้นว่า “ผมรู้สึกเหมือนลืมเรื่องอะไรไป!”

เฉินชางชะงักเล็กน้อย ในใจรู้สึกวิตก “ผมก็รู้สึกอยู่นิดๆ!”

ทั้งสองต่างสบตากัน “คงจะไม่ได้ลืมผ้าก๊อซไว้ในช่องทรวงอกหรอกนะ”

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทั้งสองก็รู้สึกกระสับกระส่ายวิตกกังวลอยู่ในใจ

ค่อนข้างรู้สึกกระวนกระวายใจ!

เพราะรู้สึกว่าลืมอะไรบ้างอย่างไปจริงๆ

ลืมอะไรกันแน่

ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อจิ่งหรานเห็นชื่อสายเรียกเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอ

เขาก็พลันหัวเราะลั่นออกมาทันใด “ผมก็ว่าอยู่ว่าลืมอะไรไป! ผมลืมเกิ่งเหยียนไปเลย!…ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

เฉินชางเองก็นึกออกในฉับพลัน ใช่แล้ว วันนี้พาพ่อแม่กับน้องไปดูบ้าน เกือบลืมพ่อแม่กับน้องไว้ที่สำนักงานขายแล้วเนี่ย นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว

เฉินชางโทรศัพท์ไปหาเฉินหลัว มีคนรับสายในเวลาอันรวดเร็ว

“ฮัลโหล? เฉินหลัว…พวกนาย…”

เฉินหลัวถามด้วยความเป็นห่วง “พี่ พี่ผ่าตัดเสร็จแล้ว?”

เฉินชางพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “อืม! เพิ่งผ่าตัดเสร็จ ช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บไว้ได้แล้ว พี่เกือบลืมนายกับพ่อแม่แล้วเนี่ย…มีเรื่องยุ่งทีไรเป็นแบบนี้ทุกที”

เฉินหลัวหัวเราะเฮฮา “ไม่เป็นไรพี่ มีผมอยู่ทั้งคน! มีผมอยู่ พี่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่แล้ว”

เฉินชางหัวเราะ “พ่อกับแม่ล่ะ”

เฉินหลัวหัวเราะพร้อมกล่าวขึ้นว่า “ฮ่าๆ วันนี้มื้อที่โรงแรมเย็นมีแพะย่างทั้งตัว ฮ่าๆ…แม่จะห่อกลับมาให้พี่ให้ได้ ทางโรงแรมเขาไม่ยอม แม่ก็เลยแอบยัดใส่กระเป๋าใบที่พี่ซื้อให้ ตอนนี้กระเป๋าใบนั้นมีกลิ่นสาบแพะคลุ้งเลย ไม่รู้ว่าจะมีร้านทำความสะอาดกระเป๋าร้านไหนที่พอจะล้างกลิ่นสาบนี้ออกได้บ้างเนี่ย! ฮ่าๆ…”

หลังจากที่เฉินชางฟังจบ เขาก็หัวเราะกระอักกระอ่วนออกมา

การที่เฉินชางหัวเราะไม่ใช่เพราะว่าเขารู้สึกอับอายที่พ่อแม่ของเขาไม่เข้าใจกฎของร้านอาหาร แล้วเขาก็ไม่ได้หัวเราะเยาะหรือตำหนิการกระทำของแม่ ชีวิตที่ผ่านมาของพวกท่านเคยรับประทานอาหารในโรงแรมระดับห้าดาวที่ไหนกัน เคยสัมผัสกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ที่ไหนกัน หยางจยาฮุ่ยเป็นแค่หญิงชนบทบ้านๆ ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ได้มีรสนิยมสูงส่ง แล้วก็ไม่ได้มีความรู้กว้างขวาง เธอคิดแค่ว่าอาหารมื้อเย็นวันนี้อร่อยถูกปาก อยากจะห่อกลับไปให้ลูกชายกินก็เท่านั้นเอง

เฉินชางไม่ถือสาอะไรกับเรื่องเหล่านี้ เขาเต็มใจจ่ายให้พ่อแม่

ก็เหมือนกับเมื่อสมัยเด็ก ไม่ว่าเขาจะทำผิดพลาดสักกี่ครั้ง พ่อแม่ก็พร้อมจ่ายให้เขาตลอด

ความจริงแล้วชีวิตก็เป็นวัฏจักรเช่นนี้

สมัยเด็กพวกเราไม่ประสีประสา พ่อแม่คอยดูแลพวกเรา คอยเลี้ยงดูพวกเรา คอยจ่ายค่าความผิดพลาดให้พวกเรา คอยอบรบสั่งสอนพวกเราว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ

เมื่อเราเติบใหญ่ พวกเรารู้สึกว่าเรารู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ในขณะที่พ่อแม่รู้น้อยลง จนกระทั่งกลายเป็นคนล้าหลัง พวกท่านเริ่มจะกลายเป็นฝ่ายโดนหลอกบ้าง ทำเรื่องที่ทำให้บรรดาลูกๆ รู้สึกขบขัน ความจริงแล้วในเวลานี้ พวกเราในฐานะลูกควรจะคอยให้ความดูแลช่วยเหลือพวกท่านให้เหมือนกับที่พวกท่านเคยอุทิศตนดูแลเรา อบรมสั่งสอนเราด้วยใจบริสุทธิ์เมื่อสมัยพวกเรายังเด็ก ดูแลพวกท่านในวัยชรา จ่ายค่าความผิดพลาดให้พวกท่าน นั่งพูดคุยกับพวกท่าน

เฉินชางหัวเราะ “เฉินหลัว นายพาพ่อกับแม่ไปแช่ออนเซนสักหน่อย เดี๋ยวฉันก็นั่งรถกลับไปแล้ว บอกแม่ด้วยว่าพรุ่งนี้จะพาไปซื้อเสื้อกับกระเป๋าใหม่”

หลังจากวางสายไปแล้ว เฉินชางมองจิ่งหรานที่ยังหัวเราะแหะๆ อยู่

เฉินชางค่อนข้างงงัน…

ตาคนนี้ไม่ได้พกสมองมาด้วยหรือไง

เมื่อจิ่งหรานเห็นว่าเฉินชางคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เขาก็กล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า “จริงจังกับการผ่าตัดจนลืมเกิ่งเหยียนไปเลย น่าขำจริงๆ!”

เฉินชาง…

น่าขำ?

ฝีมือการผ่าตัดของตาคนนี้ค่อนข้างดี ไอคิวค่อนข้างสูง แต่อีคิว…ต่ำแน่นอน

จิ่งหรานกล่าวต่อ “ผมบอกกับเกิ่งเหยียนว่าหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว คุณลากผมมานั่งกินปิ้งย่าง ผมชวนเธอมานั่งกินด้วย ผมจะได้แนะนำให้พวกคุณรู้จักกัน”

เฉินชางหน้าถอดสี!

จิ่งหราน คุณนี่จริงๆ เลย ทำร้ายกันอีกแล้ว…

ผมลากคุณมากินปิ้งย่าง?

ทำให้คุณไม่ได้โทรหาเกิ่งเหยียน?

เมื่อครั้งนั้นก็เป็นผมที่โน้มน้าวใจคุณว่าอย่าส่งรูปพยาธิไฮดาติดไปให้เกิ่งเหยียน!

พอมาตอนนี้ก็เป็นผมอีกที่ลากคุณมากินปิ้งย่าง ทำให้คุณลืมเกิ่งเหยียนไว้ที่สำนักงานขาย!

ต้องให้เกิ่งเหยียนแหกอกผมก่อนคุณถึงจะพอใจงั้นรึ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
Status: Ongoing
เฉินชาง หมอหนุ่มแห่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด หลังจากได้รับระบบแพทย์สุดโกงมาแบบงงๆ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่แน่นอนว่าสุดยอดทักษะทางการแพทย์ย่อมมาพร้อมกับภารกิจสุดโหดหิน และรางวัลอันเย้ายวน! … [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ใหญ่ส่วนซีกัมที่แข็งแรง] [ติ๊ง! นี่คือลำไส้ส่วนโคลอนที่ดูฮึกเหิม] [ติ๊ง! ไส้ติ่งธรรมดา: นี่คือไส้ติ่งอักเสบธรรมดา lv.8] [ติ๊ง! สังหารครั้งแรกประสบความสำเร็จ! ได้รับฉายา: มือใหม่แห่งห้องผ่าตัด โปรดขยันต่อไป สังหารต่อเนื่องให้สำเร็จสิบครั้ง!] [ติ๊ง! สังหารไส้ติ่ง 1 ครั้ง ได้รับประสบการณ์ +130 แต้ม เงิน +100 หยวน ประสบการณ์การผ่าตัดไส้ติ่ง +100] WTF?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset