“หืม แต่วันนี้งานในบริษัทของคุณไม่ยุ่งหรือ ? แค่ให้อาเจิ้งมารับฉันก็ได้”
“งานผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอผมที่นั่นแหละ”
หลังจากพูดจบ มู่เฉินฮ่าวก็วางสายโดยไม่ให้โอกาสเซี่ยฉิงกงได้พูดอะไรอีก
เซี่ยฉิงกงรู้สึกไม่พอใจ เพราะเธอได้ยินเสียงวุ่นวายลอดผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ เธอทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย ท่าทางของเธอดูราวกับโดนมู่เฉินฮ่าวกลั่นแกล้ง
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ชอบแกล้งเธอเสมอเลย !
หลังจากที่มู่เฉินฮ่าววางสายโทรศัพท์ เขาก็หยิบเสื้อสูทขึ้นมาสวม และขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง เลขาจางเสี่ยวโหรวซึ่งทำหน้าที่บันทึกเนื้อหาการประชุมก็รีบเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คุณชายมู่ นั่นคุณจะออกไปข้างนอกหรือคะ ?”
“ใช่”
“แต่จะมีการประชุมสำคัญในอีกสิบนาทีข้างหน้านี้แล้วนะคะ”
มู่เฉินฮ่าวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นก็หยิบกุญแจรถ ผละออกจากห้องทำงาน พร้อมกล่าวว่า
“เลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้”
“ค่ะ”
จางเสี่ยวโหรวมองตามแผ่นหลังของมู่เฉินฮ่าว พลางครุ่นคิด
ใครโทรมาหาท่านประธานกันนี่ ? ถึงขนาดทำให้ท่านประธานยกเลิกการประชุมสำคัญในช่วงบ่ายนี้ได้เลยทีเดียว ?
จางเสี่ยวโหรวเป็นคนชอบนินทา ดังนั้นทันทีที่มู่เฉินฮ่าวก้าวเท้าออกจากห้องทำงาน เธอก็เริ่มจับกลุ่มซุบซิบนินทากับเพื่อนร่วมงานในบริษัท
“นี่ เธอไม่รู้อะไร เมื่อครู่หลังจากที่คุณชายมู่รับสาย เขาก็ยกเลิกการประชุมสำคัญในช่วงบ่าย จากนั้นก็คว้ากุญแจรถผละไปทันที”
จางเสี่ยวโหรวกระซิบเบา ๆ กับเพื่อนร่วมงานหญิงของเธอที่โต๊ะ
“แล้วไง ? บางทีอาจจะเป็นการนัดพบคู่ค้าทางธุรกิจที่สำคัญกว่าก็เป็นได้”
“จะเป็นไปได้ไง ฉันไม่เคยได้ยินท่านประธานรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างนั้นมาก่อนเลย ! ต้องเป็นโทรศัพท์จากผู้หญิงอย่างแน่นอน !”
จางเสี่ยวโหรวโต้กลับ
“จริงหรือ ? แฟนท่านประธานรึเปล่า ?”
มู่เฉินฮ่าวไม่ได้อยู่ในบริษัทแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงกระซิบกระซาบนินทากันอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร
“แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวแพร่ออกมาว่าประธานมู่ตกลงหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย ก็ตระกูลเซี่ยตกอยู่ในวิกฤติทางธุรกิจมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นก็เลยต้องอาศัยการแต่งงานครั้งนี้เพื่อช่วยพยุงฐานะ”
“อี๋ ! ฉันรู้สึกไม่ดีเลย คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยนั่น ฉันได้ยินมาว่าเธอหายตัวไปตั้งแต่เด็ก ใครจะรู้ เธออาจเป็นคนเสแสร้งมารยาเก่งก็เป็นได้ … ”
“ถูกที่สุด เธอไม่คู่ควรกับคุณชายมู่แม้แต่น้อย คุณชายมู่ทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อ ฉันทำงานในบริษัทนี้มาสองปีแล้ว ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสามารถปีนขึ้นเตียงของคุณชายมู่ได้เลย”
“นี่เธอ รู้ไว้ซะด้วยว่าผู้หญิงที่สามารถปีนขึ้นเตียงของคุณชายมู่ได้หรือไม่น่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คนที่สามารถทำให้คุณชายมู่ตกหลุมรักได้ต่างหาก ที่จะกลายเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลมู่”
สาว ๆ สองสามคนกำลังคุยกันอย่างออกรส ทว่าในขณะที่พวกเธอกำลังหัวเราะ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
“ยังไง ว่างงานมากเกินไปใช่มั้ย ? หรือว่าพวกคุณไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว”
อาเจิ้งยืนอยู่ด้านหลังพวกเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
สาว ๆ สองสามคนที่อยู่ ณ ที่นั้นตื่นตระหนก ในบริษัทนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้จักมู่เจิ้ง ? พวกเธอนึกในใจว่า เวรกรรม… พวกเธอกำลังซุบซิบนินทาเรื่องคุณชายมู่ ทำไมมู่เจิ้งต้องมาได้ยินด้วย …
มู่เจิ้งเป็นมือขวาของมู่เฉินฮ่าว เป็นคนที่เชื่อถือได้ ทั้งมีสิทธิที่จะเอ่ยปากได้ทุกเรื่องในบริษัท เขาเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดรองจากมู่เฉินฮ่าว และนายท่านตระกูลมู่
“ฉันขอโทษค่ะผู้จัดการ พวกเรารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว”
หลายคนกลับไปที่ตำแหน่งของตนโดยเร็วที่สุด ต่างก็เริ่มทำงานโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีกเลย
“ครั้งหน้า หากผมได้ยินเสียงซุบซิบเกี่ยวกับคุณชายมู่ในเวลาทำงานอีก ก็เชิญขึ้นไปรายงานตัวที่ชั้น 11 ได้เลย”
ชั้น 11 ของอาคารนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานฝ่ายบุคคล ของกลุ่มบริษัทตระกูลมู่ ความหมายของการไปรายงานตัวที่ชั้น 11 ก็คือการให้ไปเขียนใบลาออก
อาเจิ้งเหลือบมองสาว ๆ อย่างเย็นชา ทว่าก็ไม่ได้คาดคั้นพวกเธอต่อ
กระทั่งอาเจิ้งผละจากไปแล้ว แผ่นหลังของพวกสาว ๆ ก็ยังคงเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเย็น พวกเธอต่างก็กลัวกันแทบตาย
***จบตอน นินทาท่านประธาน***