แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 11 แต่งงานกับเซี่ยฉิงกง

เซี่ยฉิงกงเดินกลับไปที่ห้อง เธอถอดกระโปรงออก เพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่

 

รอยขาดนั้นช่างประณีตและเรียบร้อย สาวใช้กำลังจะเอากระโปรงตัวนั้นไป ทว่าเซี่ยฉิงกงห้ามไว้

 

“ไม่ต้องเอาไป ทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ”

 

ใช้แล้ว เธอเป็นคนตัดผ้าคาดเอวนี่เอง เดิมทีเซี่ยชิงฉวนกำลังจะตัดผ้าคาดเอวนั่น ทว่าตัดไปได้หน่อยเดียวก็บังเอิญว่าเธอเข้ามาเห็นเสียก่อน

 

จากนั้น เธอจึงตัดมันเสียเองทั้งหมด ก็ในเมื่อเซี่ยชิงฉวนต้องการให้เป็นเช่นนั้น ทำไมเธอจะไม่ช่วยให้มันเป็นจริงสมใจล่ะ แหมมีคนก่อไฟเธอก็แค่ช่วยเติมน้ำมันให้ก็เท่านั้น

 

เซี่ยชิงฉวนพยายามแก้ตัวว่าไม่ใช่เธอ แต่เธอก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอตัดออกไปแค่ชิ้นเดียว ช่างเป็นความขมขื่นที่ไม่อาจบรรยายได้แท้จริง เซี่ยเจิ้งหัวจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพามู่เฉินฮ่าวไปที่ห้องนั่งเล่น

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เธอก็ลงมาชั้นล่าง เซี่ยเจิ้งหัวกับภรรยา และคนอื่น ๆ ต่างก็นั่งประจำที่แล้ว ส่วนเซี่ยชิงฉวนนั้น เธอนั่งข้างมู่เฉินฮ่าวกำลังจัดจาน และตะเกียบให้เขาอย่างกระตือรือร้น

 

เจินเมี่ยวหยูมองลูกสาวของเธอที่พยายามเอาอกเอาใจผู้ชายข้าง ๆ ทว่าก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ทั้งยังพยายามยุว่า “ผู้ชายดี ๆ แบบนี้ ลูกต้องรีบคว้ามาให้ได้ล่ะ”

 

“คุณชายมู่ น้ำชาค่ะ”

 

“คุณชายมู่ กินผลไม้สิคะ”

 

มู่เฉินฮ่าวยังคงเฉยเมยเฉกเช่นเคย ส่วนเซี่ยเจิ้งหัวก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น

 

“น้องชิงฉวนนี่ช่างขยันเอางานเอาการเสียจริง หากฉันไม่รู้ ฉันคงคิดว่าตระกูลเซี่ยมีสาวใช้ตัวน้อยที่แสนสวยขนาดนี้ด้วยแล้วล่ะ !”

 

เซี่ยฉิงกงนั่งตรงข้ามกับมู่เฉินฮ่าว มู่เฉินฮ่าวยังคงทำหน้าเย็นชาราวกับว่าทุกคนเป็นหนี้เขาหลายสิบล้าน

 

“พี่สาว ที่พี่พูดหมายถึงอะไรกัน ในเมื่อมีแขกสำคัญมาเยือนถึงบ้านของเรา เราก็ย่อมต้องดูแลเขาอย่างอบอุ่น”

 

เซี่ยชิงฉวนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทว่ามันก็ไม่สามารถปกปิดความเขินอายบนใบหน้าของเธอได้

 

“หึหึ” เซี่ยเจิ้งหัวหัวเราะอย่างกระดาก

 

มู่เฉินฮ่าวมองดูปฏิกริยาของคนในครอบครัวนี้อย่างไร้ความรู้สึกใด ๆ มีเพียงเซี่ยฉิงกงที่นั่งตรงข้ามเท่านั้น ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มซุปโดยไม่เหลือบตาขึ้นมามองมู่เฉินฮ่าวเลย

 

“คุณหนูใหญ่ เมื่อคืนมีความสุขดีไหม ?” เป็นเวลานานกว่าที่มู่เฉินฮ่าวจะเปิดปากพูด สีหน้าของเขากึ่งล้อเลียนกึ่งเยาะเย้ย

 

แค่ก–

 

เซี่ยฉิงกงเกือบจะสำลักซุป ในที่สุดเธอก็หยุดกิน เธอเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินฮ่าวอย่างไม่พอใจ

 

“ก็มีความสุขดี” ครั้นเซี่ยฉิงกงเห็นท่าทางสะใจของเจินเมี่ยวหยู เธอก็รีบตอบกลับ จากนั้นก็ก้มหน้าลง

 

มู่เฉินฮ่าวคงเกลียดเธอมากสินะ แม้ว่าอาการเยาะเย้ย และอาการรังเกียจบนใบหน้าของเขาจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนนัก หากแต่เธอก็ไม่ได้ตาบอด เชอะ นายก็แค่คุณชายอาศัยอำนาจของตระกูลมู่ ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนักหนาหรอก

 

นี่นายคิดจริง ๆ หรือว่าผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะอ่อยนาย แล้วลากนายขึ้นเตียง..หึ ?

 

ครั้นนึกถึงสิ่งนี้แล้ว เซี่ยฉิงกงก็ยกมุมปากน้อย ๆ ทว่าขณะที่ยังคงก้มศีรษะอยู่นั้น เธอก็ลอบมองมู่เฉินฮ่าว

 

ทันใดนั้น ราวกับคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ เซี่ยฉิงกงเหยียดขาของเธอออกไป จากนั้นก็กระแทกรองเท้าส้นสูงของเธอลงบนรองเท้าหนังของเขา

 

มู่เฉินฮ่าวไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร เพียงแต่การโจมตีอย่างกะทันหันทำให้เขาไม่ทันระวัง ผลก็คือแก้วไวน์แดงที่วางไว้ข้าง ๆ คว่ำ แล้วไวน์แดงก็เทราดลงบนชุดสูทระดับไฮเอนด์ของเขา

 

“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

 

เซี่ยฉิงกงค่อย ๆ หดขาของเธออย่างเฉื่อยชา พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอพยายามเช็ดเสื้อผ้าให้มู่เฉินฮ่าว

 

“เซี่ยฉิงกง เธอนี่สมกับเป็นเด็กบ้านนอกจริง ๆ มีใครบ้างที่ยืดแข้งยืดขาออกมาหลังกินอาหารแบบนี้ ไม่รักษาภาพพจน์บ้างเลย !”

 

ครั้นเซี่ยชิงฉวนเห็นมู่เฉินฮ่าวขมวดคิ้ว เธอก็รีบตวาดเซี่ยฉิงกงด้วยความโกรธ

 

“ใช่..ฉันเป็นผู้หญิงบ้านนอก ฉันเคยกินแต่อาหารง่าย ๆ ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมายเยอะแยะเท่าตระกูลผู้ดีอย่างเธอหรอก”

 

ในขณะที่เซี่ยชิงฉวนกำลังจะประณามต่อ เซี่ยเจิ้งหัวก็หยุดเธอไว้

 

“ฉิงกงพาคุณชายมู่ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ”

 

เซี่ยฉิงกงอดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ย หากแต่ก็พามู่เฉินฮ่าวออกไปแต่โดยดี

 

ครั้นเห็นเช่นนั้นเซี่ยชิงฉวนก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง แสดงท่าว่าจะตามไปด้วย หากแต่เซี่ยเจิ้งหัวกลับขมึงตาจ้อง เพื่อหยุดเธอไว้

 

เซี่ยชิงฉวนหายใจฟึดฟัดด้วยความโมโห และโกรธเคืองอย่างรุนแรง

 

“คุณพ่อปล่อยหนูไปเถอะ พี่สาวเป็นคนหัวรั้น หากทำให้คุณชายมู่อารมณ์เสีย คงไม่ดีเป็นแน่”

 

“ชิงฉวน ลูกควรรู้ว่า คนที่ต้องแต่งงานก็คือฉิงกงพี่สาวของลูก”

 

***จบตอน แต่งงานกับเซี่ยฉิงกง***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset