แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 124 บริษัทย่อยในเครือแห่งนี้ต้องมีเรื่องฉ้อฉลแน่ ๆ

นัยน์ตาของเจินเมี่ยวหยูเย็นชา

 

“บอกมาสิว่ามีเรื่องอะไร ?”

 

คนรับใช้ส่วนใหญ่ของบ้านนี้เป็นคนของเธอ ดังนั้นเจินเมี่ยวหยูจึงไม่ต้องกังวลอะไร

 

“คุณหนูใหญ่ร้องไห้ฟูมฟายฟ้องนายท่านว่า แม่บุญธรรมของเธอไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด และโรงพยาบาลที่ถูกส่งเข้ารักษาตัวนั่นก็ทรุดโทรมาก นายท่านได้ยินแล้วก็โกรธมากเลยขอรับ”

 

คนรับใช้รายงานตามความเป็นจริง

 

“อืม”

 

รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเจินเมี่ยวหยู

 

แน่นอนว่า ที่เซี่ยฉิงกงกลับมาในวันนี้ จุดประสงค์ย่อมไม่ใช่แค่เรื่องการหมั้น แต่โชคดีที่เธอเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว

 

เจินเมี่ยวหยูสูดลมหายใจเข้าลึก เธอบอกเซี่ยชิงฉวนให้พักผ่อนมาก ๆ ยิ่งโมโห เด็กในท้องก็จะยิ่งไม่สบายตามไปด้วย

 

จากนั้นเธอก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะลงไปที่ห้องรับรอง

 

“เจิ้งหัว..คุณตามหาฉันงั้นหรือ ?”

 

เจินเมี่ยวหยูก้าวเข้าไปในห้องรับรอง ท่าทีของเธอยังคงอ่อนโยน และมากด้วยน้ำใจ ตามแบบฉบับภรรยา และแม่ที่แสนดี

 

“ผมไม่ได้บอกให้คุณจัดการให้แม่บุญธรรมของฉิงกงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดหรอกหรือ? ทำไมฉิงกงถึงบอกว่าโรงพยาบาลนั่นซอมซ่อมากล่ะ ?” เซี่ยเจิ้งหัวสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทว่าเจินเมี่ยวหยูเป็นผู้หญิง เขาจึงไม่สามารถใช้น้ำเสียงดุดันเกินไปนักได้

 

“เป็นไปได้ยังไง ฉันขอให้หยุนเซินไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลยนะ !”

 

ร่องรอยของความไม่เชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจินเมี่ยวหยู จากนั้นเธอก็สั่งคนรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง

 

“ไปตามหยุนเซินมาสิ”

 

โจวหยุนเซินเป็นลูกชายของอดีตพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลเซี่ย หลังจากที่พ่อบ้านคนเก่าเกษียณอายุ โจวหยุนเซินก็ดูแลงานของตระกูลเซี่ยแทนมาโดยตลอด

 

หลังจากได้ยิน เจินเมี่ยวหยูบอกว่า เธอสั่งให้โจวหยุนเซินเป็นคนไปจัดการเรื่องนี้ เซี่ยฉิงกงก็เดาได้ทันทีว่านี่คือ แผนสำรองของเจินเมี่ยวหยู

 

หลังจากนั้นไม่นานโจวหยุนเซินก็เดินเข้ามา เขาก้มคำนับ เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ

 

“นายท่าน นายหญิง มีอะไรจะสั่งการหรือครับ ?”

 

“ฉันถามนายหญิง เธอบอกว่าให้แกไปจัดหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดให้แม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่ แล้วโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของแกคือโรงพยาบาลอะไร ?”

 

โจวหยุนเซินตอบว่า “ที่ผมยังไม่ได้ให้แม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เจ้าหยาง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เพราะจำเป็นจะต้องรอคิว ดังนั้นผมจึงส่งตัวเธอไปพักรักษาตัวในโรงพยาบาลใกล้ ๆ ที่ผมมีคนรู้จักอยู่ในโรงพยาบาลนั้นก่อน ผมจะได้ดูแลเธอง่ายขึ้น เมื่อบ่ายวานนี้โรงพยาบาลเจ้าหยางโทรมาหาผมบอกว่าได้เตียงแล้ว แต่พอผมไปรับแม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่ คนในโรงพยาบาลก็บอกว่าคุณหนูใหญ่กับคุณชายมู่รับเธอออกไปแล้ว”

 

การแสดงออกของเซี่ยเจิ้งหัวผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินคำบอกเล่าเหล่านั้น

 

“ทำไมแกไม่รีบบอกเรื่องนี้กับคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่เป็นคนกตัญญูและเป็นห่วงแม่บุญธรรมของเธอมาก”

 

“ผมประมาทเอง ผมขอโทษคุณหนูใหญ่ด้วย”

 

โจวหยุนเซินหันกลับมา โค้งคำนับให้เซี่ยฉิงกง

 

เซี่ยฉิงกงหัวเราะเยาะในใจ โจวหยุนเซินนี่ก็คงจะเป็นคนของเจินเมี่ยวหยูสินะ

 

ชั่วขณะนั้น เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกเห็นใจเซี่ยเจิ้งหัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งบ้านนี้ เว้นแต่เซี่ยฉิงกงที่เพิ่งกลับมา แทบทุกคนล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเจินเมี่ยวหยู  รวมถึงบริษัท และกิจการอื่น ๆ ด้วย

 

“ไม่เป็นไร” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า

 

ไม่มีประเด็นที่จะเล่นในเรื่องนี้อีก เจินเมี่ยวหยูน่าจะคาดไว้นานแล้วว่าเซี่ยฉิงกงจะต้องรู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าอย่างระมัดระวัง

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เซี่ยฉิงกงก็ยิ้ม

 

“คุณพ่อ อีกไม่ช้าหนูก็จะหมั้นกับเฉินฮ่าวแล้ว เฉินฮ่าวเป็นคนมากความสามารถ ในฐานะภรรยาของเขาหนูควรกระตือรือร้นมากกว่านี้ จะได้สามารถช่วยงานเขาได้ จริงไหมคะ ? หนูตรวจสอบแล้ว กลุ่มบริษัทของตระกูลเซี่ย มีบริษัทในเครือ ชื่อ ‘ฮุ่ยถังเน็ตเวิร์ค’ ซึ่งเป็นบริษัทเกมอินเทอร์เน็ตและขาดทุนอยู่ คุณพ่อให้หนูลองรับช่วงดูแลต่อกิจการนี้ได้ไหมคะ ?”

 

คำขอของเซี่ยฉิงกงทำให้สีหน้าของเจินเมี่ยวหยูเปลี่ยนไปทันที

 

“อย่าเลย ฉิงกง ฮุ่ยถังมีแต่ขาดทุน สิ้นปีนี้ก็จะปิดตัวลงแล้ว หนูไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นหรอก”

 

เซี่ยฉิงกงได้ศึกษาจิตวิทยา และศึกษาการแสดงออกทางจุลภาคอย่างเป็นระบบ ครั้นเห็นท่าทางที่แสดงความเอ็นดูของเจินเมี่ยวหยู เธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ บริษัทย่อยในเครือแห่งนี้ต้องมีเรื่องฉ้อฉลแน่ ๆ

 

“โอ้ ! ถ้าเช่นนั้นฉันก็ยิ่งต้องพยายามให้มากขึ้น ดูสิว่าจะทำให้ บริษัทของคุณพ่อกลับมามีชีวิตชีวาได้ไหม”

 

***จบตอน บริษัทย่อยในเครือแห่งนี้ต้องมีเรื่องฉ้อฉลแน่ ๆ***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset