“ทำไม ? บอกหนูหน่อยว่าทำไม ?”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกฉิงกง ขอเพียงหนูเป็นอยู่สุขสบายดี แม่ก็มีความสุขแล้ว”
เซี่ยฉิวเจินยื่นมือเหี่ยว ๆ ของเธอออกมา เวลานี้มือของเธอทั้งเหี่ยว ทั้งหยาบกร้าน เส้นผมของเธอก็หงอกขาว เพราะที่ผ่านมาเธอต้องตรากตรำทำงานหนัก
นิ้วของเธอสั่นระริก แววตาของเธอ ยามที่มองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู
เซี่ยฉิงกงระลึกขึ้นได้ทันทีว่า ครั้งแรกที่เธอกลับบ้านสกุลเซี่ยนั้น เซี่ยเจิ้งหัว บังเอิญหลุดปากออกมาว่า เขาต้องการขอบคุณเซี่ยฉิวเจินที่เลี้ยงดูเธอมานานหลายปี ทว่าเซี่ยฉิวเจินปฏิเสธ ทั้งไม่เต็มใจที่จะพบเขา แค่ยินดียอมเข้ารับการรักษาเท่านั้น
แท้จริงคืออะไรแน่ ?
เซี่ยฉิวเจินไม่เต็มใจที่จะพบคนตระกูลเซี่ยใช่หรือไม่ ? ทำไมเธอไม่อยากพบคนตระกูลเซี่ย ?
คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในใจของเซี่ยฉิงกง เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ในเมื่อแม่ไม่ต้องการ หนูก็จะไม่บังคับแม่”
“เอาล่ะ ลูกรัก ฝนข้างนอกก็หยุดตกแล้ว หนูรีบกลับบ้านเถอะ แม่ง่วงนอนแล้ว แม่อยากจะนอนสักพัก ฝนหยุดตกแค่ไม่นาน ประเดี๋ยวก็คงเทลงมาใหม่ แล้วหนูก็จะเปียกปอน กลับถึงบ้านก็อาบน้ำร้อนซะนะจะได้ไม่เป็นไข้”
“ค่ะ งั้นแม่ก็พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ”
เซี่ยฉิวเจินอาจเหนื่อยเพราะสุขภาพไม่ดี หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่น เธอเอนกายลงบนเตียง และหลับตาทันที หลังจากนั้นไม่นาน ลมหายใจของเธอก็เป็นจังหวะราบรื่น
ครั้นเห็นว่า เซี่ยฉิวเจินหลับแล้ว เซี่ยฉิงกงก็ห่มผ้าให้เธอ ก่อนจะออกจากห้องพักคนไข้
ส่วนหมั่นโถวก็คอยติดตามเซี่ยฉิงกงอย่างรู้งาน
ด้านนอกห้องพักคนไข้ สายฝนที่เพิ่งหยุดกลับเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง สายลมเย็น ๆ พัดผ่าน ทำให้เซี่ยฉิงกงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้าน เสื้อผ้าที่เธอสวมก็ยังไม่แห้งดี
“ฮัดเช้ย”
เซี่ยฉิงกงยกมือขึ้นขยี้จมูกตนเอง ในสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ เธอมีแนวโน้มที่จะเป็นหวัดอย่างมาก
“นายหญิงน้อย ให้ฉันกลับไปขอร่มจากหมอซูดีมั้ย ? ข้างนอกฝนยังตกอยู่เลย !” หมั่นโถวเอ่ยถามขณะมองเซี่ยฉิงกง
แม้ว่าฝนจะตกไม่หนักนัก ทว่าปริมาณน้ำฝนก็หนาแน่นพอควร สมรรถภาพทางกายของหมั่นโถวซึ่งได้รับการฝึกฝนจากกองทัพย่อมไม่สะเทือนกับการตากฝนแค่เพียงครั้งหรือสองครั้ง หากแต่สำหรับเซี่ยฉิงกงแล้ว เธออาจจะล้มป่วยได้
ครั้นเซี่ยฉิงกงเห็นว่าฝนตกไม่หนักนัก เธอก็ส่ายหน้า
“ช่างเถิด รีบไปที่รถกันก่อนดีกว่า รถจอดอยู่หน้าประตูมิใช่หรือ ? รีบวิ่งขึ้นรถแล้วก็บึ่งกลับบ้านให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
เซี่ยฉิงกงรวบเสื้อของเธอ และกำลังจะวิ่งเหยาะ ๆ ไปที่รถพร้อมกับหมั่นโถว
ทว่าชั่วขณะนั้นเธอก็เห็นร่างที่คุ้นตา สองคนกำลังเดินผ่านประตูเข้ามา
ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ชายหนุ่มถือร่มก้าวผ่านประตูเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ไม่ว่าใครได้เห็นก็อาจจะหายใจไม่ออก เขาเกิดมาพร้อมด้วยบุคลิกท่วงท่าของราชาผู้น่าเกรงขาม
อาเจิ้งเดินติดตามมาอย่างใกล้ชิดพร้อมด้วยถุงสองใบในมือ
แววตาของชายหนุ่มแลดูอ่อนโยน
ทั้งสองค่อย ๆ เดินใกล้เข้ามา
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ คุณไม่เข้าบริษัทหรือ ?”
เซี่ยฉิงกงแปลกใจเล็กน้อย
มู่เฉินฮ่าววางร่ม จากนั้นก็รับถุงมาจากมือของอาเจิ้ง เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคว้าเอวของเซี่ยฉิงกงพาเดินเข้าไปด้านใน
“อะไรกัน นี่คุณคิดจะกลับบ้านทั้งชุดเปียก ๆ นี่น่ะหรือ ?”
“ไว้ฉันกลับถึงบ้านแล้วค่อยเปลี่ยนไม่ได้หรือไง ?”
“โรงพยาบาลนี้มีห้องส่วนตัวของผม มีห้องน้ำอยู่ด้านใน ไปอาบน้ำร้อนแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกก่อนจะดีกว่า”
เสียงของชายหนุ่มนุ่มทุ้ม แฝงความอ่อนโยน เขามองเซี่ยฉิงกง แววตาของเขาเต็มไปอายรัศมีที่ไม่อาจต้านทานได้
“คุณนี่น่ารำคาญจริง ๆ ”
ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกอบอุ่น ทว่าปากของเธอกลับไม่ตรงกับใจ เธอคว้าถุงซึ่งมีเสื้อผ้าสะอาดของเธอมาจากมือของมู่เฉินฮ่าว
“รีบไปถอดเสื้อผ้าเปียก ๆ นี่ออกซะ ไม่งั้นผมจะช่วยถอดให้”
“กล้าเหรอ ? ฉันจะทุบให้”
ใบหูของเซี่ยฉิงกงเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะคำพูดของชายหนุ่ม
มู่เฉินฮ่าวคิ้วขมวด “ผมรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วสิ !”
***จบตอน พูดแล้วคันไม้คันมือ***