ลมหายใจผ่าวร้อนพุ่งเข้าปะทะใบหน้าของเซี่ยฉิงกง เธอเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาที่งดงามของชายหนุ่ม เซี่ยฉิงกงยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปหยิกบั้นเอวของเขาอย่างแรง
“งั้น ฉันก็จะลงไม้ลงมือด้วยแล้วกัน !”
มือของเซี่ยฉิงกงไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากนัก ดังนั้นการหยิกมู่เฉินฮ่าวจึงไม่ต่างจากการสะกิด มู่เฉินฮ่าวรวบจับมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกง ก่อนจะบรรจงจูบหน้าผากขาวนวลของเธอ
“ผมสู้คุณไม่ได้เลยจริง ๆ”
เซี่ยฉิงกงยิ้มอย่างมีชัย “รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว”
“อืม… คุณลองฟังคลิปอื่นอีกสิ”
ครั้นเซี่ยฉิงกงได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบคว้าเมาส์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดดับเบิ้ลคลิก เพื่อฟังคลิปอื่น
“หยุนหมิง เรื่องนี้ต้องจัดการแก้ไขโดยเร็วที่สุด … “
“เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ผมคิดถึงคุณจัง … คืนนี้มาหาผมได้มั้ย ?”
“เรียกผมว่าเจ้านายด้วยนะ…”
“ค่ะ เจ้านาย…”
“ตราบใดที่คุณเชื่อฟังผม อีกไม่นานคุณก็จะทิ้งตาเฒ่านั่นได้ … “
นี่คือบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ และเสียงผู้หญิงในบทสนทนานี้ก็คือ เจินเมี่ยวหยู ส่วนเสียงของชายคนนั้นก็ฟังดูสบาย ๆ เหมือนเสียงหยดน้ำจรรโลงใจ
หลังจากฟังทุกคลิปจบแล้ว เซี่ยฉิงกงก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย …
บทสนทนา … ดุเดือดเหลือเกิน เธอเริ่มจินตนาการถึงฉากวาบหวามที่เจินเมี่ยวหยูสวมชุดชั้นในเซ็กซี่ คุกเข่าต่อหน้าชายคนนั้น พร้อมกับเรียกเขาว่า…เจ้านาย
ใครกันนะ…เจ้านาย…ที่เจินเมี่ยวหยูเรียก ?
เซี่ยฉิงกงสังเกตพบว่า ในตอนต้นบทสนทนา ชายคนนี้มีชื่อว่า หยุนหมิง
“เจินเมี่ยวหยู เรียกผู้ชายคนนั้นว่า หยุนหมิง”
“ครั้งก่อน เฉินเหวินกังก็เรียกคนที่สั่งให้เขาลักพาตัวคุณว่า คุณชายหมิงด้วย”
มู่เฉินฮ่าวพยักหน้าพร้อกกับกล่าวเสริม
หยุนหมิง คุณชายหมิง ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน เซี่ยฉิงกงยกมือขึ้นกุมขมับเล็ก ๆ พลางคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ท่าทีที่แลดูจริงจังนั้นทำให้ลำคอของมู่เฉินฮ่าวติดขัด
แน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้สวยเอามาก ๆ
มู่เฉินฮ่าวขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นก็ดึงมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงให้ลุกตาม
“ไปกันเถอะที่รัก ไปบ้านสกุลเซี่ยกันตอนนี้เลย วันที่สงบสุขของเจินเมี่ยวหยูควรจะจบลงได้แล้ว”
เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่ามู่เฉินฮ่าวหมายถึงอะไร อาศัยคลิปเสียงเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เซี่ยเจิ้งหัวก็สามารถขับไล่เจินเมี่ยวหยูออกจากบ้านได้แล้ว
อย่างไรก็ตามนี่มันง่ายเกินไปสำหรับเจินเมี่ยวหยู !
มู่เฉินฮ่าวดูเหมือนจะรู้ว่าเซี่ยฉิงกงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาออกแรงกุมมือเธอแน่นขึ้น
“เซี่ยฉิงกง ไม่ต้องกังวล ผมไม่ปล่อยให้คนที่รังแกคุณรอดไปได้ง่าย ๆ หรอก พวกเขาต้องชดใช้ให้สาสมกับสิ่งที่ทำลงไป และความจริงหลายต่อหลายอย่างก็กำลังคลี่คลายออกมาอย่างช้า ๆ เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเอง อย่าให้มือของคุณต้องแปดเปื้อนเลย ตกลงมั้ย ?”
เซี่ยฉิงกงไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอได้แต่ขยี้จมูกตนเองฟุดฟิด จากนั้นก็กอดแขนของมู่เฉินฮ่าว นัยน์ตาสว่างไสวของเธอพลันชุ่มฉ่ำ เอ่อด้วยหยาดน้ำตาจาง ๆ ขณะร้องเรียกออกมาว่า
“มู่เฉินฮ่าว”
“ว่าไง ?”
“นับจากนี้ไปฉันขอฝากชีวิตไว้กับคุณ…โปรดชี้นำทางให้ด้วย”
ก่อนที่เซี่ยฉิงกง และมู่เฉินฮ่าวจะไปถึงบ้านสกุลเซี่ย มู่เฉินฮ่าวก็ได้รับข่าวจากหน่วยข่าวกรองว่า ดูเหมือนเซี่ยเจิ้งหัวจะมีอาการอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้โจวหยุนเซินพ่อบ้านของบ้านสกุลเซี่ยยังได้ส่งบอดี้การ์ดจำนวนมากออกมาลาดตระเวนที่บริเวณประตูอีกด้วย
มู่เฉินฮ่าวสั่งให้อาเจิ้งเร่งความเร็วในการขับรถ ทั้งยังสั่งให้หมั่นโถวโทรหาหมอซู ให้หมอซูตามมาที่บ้านสกุลเซี่ยด้วย
ภายในรถ เซี่ยฉิงกงรู้สึกว่าตาข้างซ้ายของเธอกระตุกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเซี่ยเจิ้งหัวจะไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลย หากแต่อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นบิดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นในใจของเซี่ยฉิงกงจึงยังคงรู้สึกห่วงกังวลอยู่เล็ก ๆ
เรื่องนี้ผิดปกติ ต้องมีคนวางแผนร้ายอย่างแน่นอน
อาการอาหารเป็นพิษของเซี่ยเจิ้งหัวดูผิดแปลกจนเกินไป
มู่เฉินฮ่าวกุมมือเซี่ยฉิงกง พร้อมกับกล่าวคำเพื่อให้เธอสบายใจ
“ไม่ต้องกังวลหรอก”
สิบนาทีต่อมา ทั้งหมดก็มาถึงบ้านสกุลเซี่ย พวกเขาได้พบโจวหยุนเซินพ่อบ้านคนปัจจุบันที่ประตู นอกจากนี้ยังมีชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำอีกกว่าโหลยืนประจำการอยู่ที่ประตู
“คุณพ่ออยู่ไหน ?”
“คุณมาที่นี่ทำไม ? วันนี้นายท่านไม่สบาย เกรงว่าจะออกมาพบคุณไม่ได้”
โจวหยุนเซินยื่นมือออกไปหยุดเซี่ยฉิงกง เขาจงใจขวางทาง
“ออกไปให้พ้น”
เซี่ยฉิงกงตะคอกอย่างเย็นชา
***จบตอน ใครคือเจ้านาย ?***