แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 132 ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่

“พวกแกมานี่ ไล่เธอไปซะ !”

 

ใบหน้าของโจวหยุนเซินเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

ผู้คนในชุดดำโอบล้อมพวกเขาทันที

 

ชั่วขณะนั้น หมั่นโถวและอาเจิ้งก็เตะบอดี้การ์ดเหล่านั้นทีละคน ๆ ส่งผลให้คนเหล่านั้นต้องล่าถอยกลับไปตั้งหลัก

 

หมั่นโถวปรบมือ พร้อมกับตะคอกอย่างภาคภูมิใจ

 

“มีฝีมือแค่นี้เองหรือ ? มาเป็นบอดี้การ์ดได้อย่างไรกันเนี่ย ?”

 

“ฉันเดาว่า มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนของใครมากกว่า”

 

อาเจิ้งหันไปมองหมั่นโถวพร้อมรอยยิ้มขบขัน

 

ครั้นโจวหยุนเซินเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เขาก็คิดจะชิ่งหนี เซี่ยฉิงกงยกนิ้วขึ้นชี้ทันที

 

“หมั่นโถวอย่าปล่อยให้เขาหนีไปได้นะ”

 

“ได้เลย นายหญิงน้อย”

 

หมั่นโถวตอบ เธอรีบรวบจับตัวโจวหยุนเซินไว้ทันที เธอขยุ้มเสื้อของโจวหยุนเซินจากด้านหลัง จากนั้นก็ยกขึ้นพาดไหล่ก่อนจะทุ่มลงบนพื้นด้วยท่วงท่าที่แสนสวยงาม

 

“หนีอีกสิ” เธอเหยียบแผ่นหลังของเขาไว้

 

“ฉันจะไปดูคุณพ่อของฉันก่อน”

 

เซี่ยฉิงกงหันกลับมาพูดกับมู่เฉินฮ่าว จากนั้นก็ยกกระโปรงขึ้นรีบวิ่งไปที่ห้องของเซี่ยเจิ้งหัว

 

ตระกูลเซี่ยในวันนี้ดูเต็มไปด้วยบรรยากาศแปลก ๆ

 

ทันทีที่เซี่ยฉิงกงเข้าไปถึงด้านใน เธอก็เห็นเจินเมี่ยวหยูเดินสวนออกมา

 

เจินเมี่ยวหยูเองก็ตกใจเมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยฉิงกง ชามในมือของเจินเมี่ยวหยูตกลงบนพื้นแตกกระจาย

 

ทำไมเซี่ยฉิงกงถึงมาที่นี่ได้ ?

 

ไม่มีคนนอกอยู่ในบริเวณนั้น และเซี่ยฉิงกงเองก็ไม่ได้แสร้งทำเป็นสุภาพกับแม่เลี้ยงคนนี้อีกต่อไป เธอไม่เสียเวลาพูดกับเจินเมี่ยวหยู เธอรีบเดินผ่านผู้หญิงคนนั้น เพราะต้องการไปดูอาการของเซี่ยเจิ้งหัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ?

 

หากแต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกเจินเมี่ยวหยูขวางทางไว้

 

“เจิ้งหัว..เพิ่งกินยา ตอนนี้เขาหลับไปแล้ว ดังนั้นเธอไม่ควรเข้าไปรบกวนเขา”

 

“ไปให้พ้นนะ”

 

เซี่ยฉิงกงมองเจินเมี่ยวหยูอย่างเย็นชา

 

“นั่นเป็นวิธีที่เธอใช้พูดกับญาติผู้ใหญ่ของเธองั้นหรือ ? เซี่ยฉิงกง เธอนี่สมกับเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนจริง ๆ”

 

ปากของเจินเมี่ยวหยูงอเล็กน้อย เธอลงนั่งยอง ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ เก็บเศษกระเบื้องบนพื้น รอยยิ้มสงบบนใบหน้าของเธอกลับคืนมาแล้ว

 

หากแต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเซี่ยฉิงกงเห็นเจินเมี่ยวหยู  เธอก็หวนนึกถึงคลิปเสียงที่มู่เฉินฮ่าวเอามาให้ฟังเมื่อครู่ เธอนึกถึงเสียงครวญครางเร่าร้อนของเจินเมี่ยวหยูที่มีต่อผู้ที่เธอเรียกว่าเจ้านาย รวมทั้งเสียงครางกระเส่าลามกเหล่านั้น

 

ขนทั่วตัวของเธอลุกชันขึ้นทันที

 

“ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ก็ไม่มีลูกสิ ? คุณไม่มีสมองรึไง ? หรือว่าคุณเกิดจากกระบอกไม้ไผ่”

 

ครั้นหมั่นโถวจัดการโจวหยุนเซินเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบส่งตัวโจวหยุนเซินให้กับอาเจิ้ง เธอกังวลว่า เซี่ยฉิงกงเข้าไปในบ้านแล้วจะพบกับอันตราย เธอรู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศในตระกูลเซี่ยผิดปกติ

 

ทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในบ้าน เธอก็ได้ยินคำพูดของเจินเมี่ยวหยู ว่าพูดอะไรน่ะ ตอบก็ไม่ตรงคำถาม

 

เซี่ยฉิงกงมองเจินเมี่ยวหยู แม้ว่ามุมปากของเจินเมี่ยวหยูจะยกยิ้ม แต่หากสังเกตอย่างรอบคอบก็จะพบว่ากล้ามเนื้อของเธอสั่น

 

เธอกำลังตื่นตระหนกใช่หรือไม่ ? เธอกำลังคิดจะทำอะไร ?

 

“หมั่นโถว อย่าเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอเลย”

 

เซี่ยฉิงกงไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยเจิ้งหัวที่อยู่ในห้องบ้าง และนั่นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวล

 

หมั่นโถวเข้าใจความหมายของเซี่ยฉิงกงทันที เธอกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อกันตัวเจินเมี่ยวหยู่ออกมา หากแต่ไม่คาดคิดว่าเจินเมี่ยวหยูกลับรีบยื่นมือออกมาดึงตัวเซี่ยฉิงกง พร้อมกันนั้นก็ใช้เศษชามที่แตกในมือของเธอกดเข้ากับหลอดเลือดแดงบริเวณลำคอของเซี่ยฉิงกง

 

“อย่าเข้ามานะ”

 

เจินเมี่ยวหยูได้เห็นทักษะของหมั่นโถวมาแล้ว ดังนั้นนับแต่วินาทีที่เธอเห็น เซี่ยฉิงกงเมื่อครู่ เจินเมี่ยวหยูก็รู้แล้วว่าถ้าวันนี้เธอต้องการหนีไปจากที่นี่ เธอจำเป็นที่จะต้องอาศัยโอกาสสุดท้ายนี้เท่านั้น

 

หมั่นโถวตื่นตระหนก เธอยืนนิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร

 

“ปล่อยนายหญิงน้อยเถอะ”

 

ชั่วขณะนั้นมู่เฉินฮ่าว และอาเจิ้งก็ตามเข้ามาสมทบ

 

เจินเมี่ยวหยูยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเซี่ยฉิงกง แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความโหดร้าย

 

“มู่เฉินฮ่าว คุณต้องการให้คู่หมั้นของคุณมีชีวิตรอดมั้ย ?”

 

“คุณรู้ดีว่าผมต้องการอะไร ? และไม่ต้องการอะไร ?”

 

มู่เฉินฮ่าวยกมือขึ้นช้า ๆ แหวนหัวมังกรส่องประกายภายใต้แสงแดดอันแรงกล้า

 

เซี่ยฉิงกงส่ายหน้าให้มู่เฉินฮ่าวทันที มู่เฉินฮ่าวขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอามือลง

 

***จบตอน ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset