แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 131 ใครคือเจ้านาย ?

ลมหายใจผ่าวร้อนพุ่งเข้าปะทะใบหน้าของเซี่ยฉิงกง เธอเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาที่งดงามของชายหนุ่ม เซี่ยฉิงกงยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปหยิกบั้นเอวของเขาอย่างแรง

 

“งั้น ฉันก็จะลงไม้ลงมือด้วยแล้วกัน !”

 

มือของเซี่ยฉิงกงไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากนัก ดังนั้นการหยิกมู่เฉินฮ่าวจึงไม่ต่างจากการสะกิด มู่เฉินฮ่าวรวบจับมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกง ก่อนจะบรรจงจูบหน้าผากขาวนวลของเธอ

 

“ผมสู้คุณไม่ได้เลยจริง ๆ”

 

เซี่ยฉิงกงยิ้มอย่างมีชัย “รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว”

 

“อืม… คุณลองฟังคลิปอื่นอีกสิ”

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงได้ยินเช่นนั้น เธอก็รีบคว้าเมาส์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดดับเบิ้ลคลิก เพื่อฟังคลิปอื่น

 

“หยุนหมิง เรื่องนี้ต้องจัดการแก้ไขโดยเร็วที่สุด … “

 

“เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ผมคิดถึงคุณจัง … คืนนี้มาหาผมได้มั้ย ?”

 

“เรียกผมว่าเจ้านายด้วยนะ…”

 

“ค่ะ เจ้านาย…”

 

“ตราบใดที่คุณเชื่อฟังผม อีกไม่นานคุณก็จะทิ้งตาเฒ่านั่นได้ … “

 

นี่คือบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ และเสียงผู้หญิงในบทสนทนานี้ก็คือ เจินเมี่ยวหยู ส่วนเสียงของชายคนนั้นก็ฟังดูสบาย ๆ เหมือนเสียงหยดน้ำจรรโลงใจ

 

หลังจากฟังทุกคลิปจบแล้ว เซี่ยฉิงกงก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย …

 

บทสนทนา … ดุเดือดเหลือเกิน เธอเริ่มจินตนาการถึงฉากวาบหวามที่เจินเมี่ยวหยูสวมชุดชั้นในเซ็กซี่ คุกเข่าต่อหน้าชายคนนั้น พร้อมกับเรียกเขาว่า…เจ้านาย

 

ใครกันนะ…เจ้านาย…ที่เจินเมี่ยวหยูเรียก ?

 

เซี่ยฉิงกงสังเกตพบว่า ในตอนต้นบทสนทนา ชายคนนี้มีชื่อว่า หยุนหมิง

 

“เจินเมี่ยวหยู เรียกผู้ชายคนนั้นว่า หยุนหมิง”

 

“ครั้งก่อน เฉินเหวินกังก็เรียกคนที่สั่งให้เขาลักพาตัวคุณว่า คุณชายหมิงด้วย”

 

มู่เฉินฮ่าวพยักหน้าพร้อกกับกล่าวเสริม

 

หยุนหมิง คุณชายหมิง ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน เซี่ยฉิงกงยกมือขึ้นกุมขมับเล็ก ๆ พลางคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ท่าทีที่แลดูจริงจังนั้นทำให้ลำคอของมู่เฉินฮ่าวติดขัด

 

แน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้สวยเอามาก ๆ

 

มู่เฉินฮ่าวขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา จากนั้นก็ดึงมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงให้ลุกตาม

 

“ไปกันเถอะที่รัก ไปบ้านสกุลเซี่ยกันตอนนี้เลย วันที่สงบสุขของเจินเมี่ยวหยูควรจะจบลงได้แล้ว”

 

เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่ามู่เฉินฮ่าวหมายถึงอะไร อาศัยคลิปเสียงเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เซี่ยเจิ้งหัวก็สามารถขับไล่เจินเมี่ยวหยูออกจากบ้านได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตามนี่มันง่ายเกินไปสำหรับเจินเมี่ยวหยู !

 

มู่เฉินฮ่าวดูเหมือนจะรู้ว่าเซี่ยฉิงกงกำลังคิดอะไรอยู่ เขาออกแรงกุมมือเธอแน่นขึ้น

 

“เซี่ยฉิงกง ไม่ต้องกังวล ผมไม่ปล่อยให้คนที่รังแกคุณรอดไปได้ง่าย ๆ หรอก พวกเขาต้องชดใช้ให้สาสมกับสิ่งที่ทำลงไป และความจริงหลายต่อหลายอย่างก็กำลังคลี่คลายออกมาอย่างช้า ๆ เรื่องนี้ปล่อยให้ผมจัดการเอง อย่าให้มือของคุณต้องแปดเปื้อนเลย ตกลงมั้ย ?”

 

เซี่ยฉิงกงไม่รู้จะพูดอะไรดี เธอได้แต่ขยี้จมูกตนเองฟุดฟิด จากนั้นก็กอดแขนของมู่เฉินฮ่าว นัยน์ตาสว่างไสวของเธอพลันชุ่มฉ่ำ เอ่อด้วยหยาดน้ำตาจาง ๆ ขณะร้องเรียกออกมาว่า

 

“มู่เฉินฮ่าว”

 

“ว่าไง ?”

 

“นับจากนี้ไปฉันขอฝากชีวิตไว้กับคุณ…โปรดชี้นำทางให้ด้วย”

 

ก่อนที่เซี่ยฉิงกง และมู่เฉินฮ่าวจะไปถึงบ้านสกุลเซี่ย มู่เฉินฮ่าวก็ได้รับข่าวจากหน่วยข่าวกรองว่า ดูเหมือนเซี่ยเจิ้งหัวจะมีอาการอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้โจวหยุนเซินพ่อบ้านของบ้านสกุลเซี่ยยังได้ส่งบอดี้การ์ดจำนวนมากออกมาลาดตระเวนที่บริเวณประตูอีกด้วย

 

มู่เฉินฮ่าวสั่งให้อาเจิ้งเร่งความเร็วในการขับรถ ทั้งยังสั่งให้หมั่นโถวโทรหาหมอซู ให้หมอซูตามมาที่บ้านสกุลเซี่ยด้วย

 

ภายในรถ เซี่ยฉิงกงรู้สึกว่าตาข้างซ้ายของเธอกระตุกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเซี่ยเจิ้งหัวจะไม่เคยเลี้ยงดูเธอเลย หากแต่อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นบิดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นในใจของเซี่ยฉิงกงจึงยังคงรู้สึกห่วงกังวลอยู่เล็ก ๆ

 

เรื่องนี้ผิดปกติ ต้องมีคนวางแผนร้ายอย่างแน่นอน

 

อาการอาหารเป็นพิษของเซี่ยเจิ้งหัวดูผิดแปลกจนเกินไป

 

มู่เฉินฮ่าวกุมมือเซี่ยฉิงกง พร้อมกับกล่าวคำเพื่อให้เธอสบายใจ

 

“ไม่ต้องกังวลหรอก”

 

สิบนาทีต่อมา ทั้งหมดก็มาถึงบ้านสกุลเซี่ย พวกเขาได้พบโจวหยุนเซินพ่อบ้านคนปัจจุบันที่ประตู นอกจากนี้ยังมีชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำอีกกว่าโหลยืนประจำการอยู่ที่ประตู

 

“คุณพ่ออยู่ไหน ?”

 

“คุณมาที่นี่ทำไม ? วันนี้นายท่านไม่สบาย เกรงว่าจะออกมาพบคุณไม่ได้”

 

โจวหยุนเซินยื่นมือออกไปหยุดเซี่ยฉิงกง เขาจงใจขวางทาง

 

“ออกไปให้พ้น”

 

เซี่ยฉิงกงตะคอกอย่างเย็นชา

 

***จบตอน ใครคือเจ้านาย ?***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset