เป็นเรื่องง่ายมากที่เซี่ยฉิงกงจะหลบให้พ้นจากเงื้อมมือของเจินเมี่ยวหยู เพราะในตอนนี้เธอเองก็มีแหวนหัวมังกรอยู่ในมือเช่นกัน
เธอย่อมสามารถใช้แหวนหัวมังกรนี้หลบหนีได้ด้วยตนเอง
ทว่าผู้ชายที่ชื่อหยุนหมิงผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลังคนนั้นล่ะ คนที่เจินเมี่ยวหยูเรียกว่าเจ้านาย เขาคือใคร ?
หลายสิ่งยังไม่ได้รับการเปิดเผย ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถกำจัดผู้หญิงคนนี้ได้
“หากคุณยังต้องการให้คู่หมั้นของคุณมีชีวิตรอดก็เตรียมรถมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ห้ามมีป้ายทะเบียนรถด้วย รีบไปเตรียมมาเลย”
มู่เฉินฮ่าวเลิกคิ้วน้อย ๆ
“ได้สิ”
“โจวหยุนเซินอยู่ที่ไหน ? คุณจับตัวเขาไว้ใช่ไหม ?”
ดวงตาของเจินเมี่ยวหยูหรี่ลงเล็กน้อย
“เขาอยู่ที่หน้าประตู”
เจินเมี่ยวหยูถือชามที่แตกไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะเดียวกันก็บีบไหล่ของเซี่ยฉิงกงด้วยมืออีกข้างหนึ่ง เธอบังคับให้เซี่ยฉิงกงเดินถอยห่างออกไปพร้อมกันอย่างช้า ๆ
“ปล่อยเขามา”
เซี่ยฉิงกงรู้สึกเจ็บบริเวณไหล่ นั่นแสดงให้เห็นว่าเจินเมี่ยวหยูต้องใช้แรงและความพยายามในครั้งนี้มากแค่ไหน
มู่เฉินฮ่าวยกมือขึ้นโบก อาเจิ้งเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ตรงประตู เขานำตัวโจวหยุนเซินซึ่งถูกจับมัดยัดใส่ท้ายรถไว้ลงมา จากนั้นก็ปลดเชือกที่มัดตัวโจวหยุนเซินออก
“คุณยังต้องการอะไรอีก ช่วยพูดให้หมดในครั้งเดียวเลย”
เซี่ยฉิงกงกล่าวอย่างสุดจะทน เซี่ยเจิ้งหัวยังคงอยู่ในบ้าน และเซี่ยฉิงกงก็รู้สึกเป็นห่วงเขามาก
เจินเมี่ยวหยูคนนี้เล่นบอกเงื่อนไขทีละข้อ ๆ ไม่ต่างจากบีบยาสีฟันทีละนิด ๆ
และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงรู้สึกเริ่มจะรำคาญที่ต้องทนรับฟัง
เจินเมี่ยวหยูพูดอย่างเย็นชา
“ตอนนี้ แกอยู่ในกำมือของฉันแล้ว หัดอยู่เงียบ ๆ เสียบ้างจะดีกว่า หาไม่หากทำให้ฉันหงุดหงิดใจ ชีวิตของแกก็อาจจะไม่เหลือ”
“เอาล่ะ งั้นให้ฉันถามสักคำถามนะ ต่อให้คุณหนีออกไปจากที่นี่ได้ คุณก็ไม่คิดจะปล่อยฉันไปใช่มั้ยล่ะ ?”
ปากของเจินเมี่ยวหยูยกยิ้มแปลก ๆ
“แกก็ฉลาดดีนี่ แล้วไง ?”
“ทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะว่า จ้านายของคุณคือใคร ?”
เจินเมี่ยวหยูตกตะลึง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอลืมว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ไพ่ใบสุดท้ายในมือของเธอถูกเปิดโปงอย่างง่ายดาย
“ว่าไง ?”
มุมปากของเซี่ยฉิงกงยกยิ้มเยาะหยัน เธอเกรงว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แม่เลี้ยงของเธอจะสวมเขาให้กับเซี่ยเจิ้งหัว
“แกรู้ได้ยังไง ?
“ตอบคำถามของฉันก่อน”
“เหอ เหอ แกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้เรื่องนี้หรอก เซี่ยฉิงกง แก..นังผู้หญิงสารเลว ทำไมแกต้องกลับมาที่นี่ด้วย”
นัยน์ตาของเจินเมี่ยวหยูเผยให้เห็นร่องรอยของความเย็นชา ดูราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเซี่ยฉิงกง
เซี่ยฉิงกงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเธอกลับได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวจากในห้องคำรามออกมา
“ฉิงกงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้ แล้วผมล่ะมีคุณสมบัติพอที่จะรู้หรือไม่ ?”
เจินเมี่ยวหยูตัวสั่น ร่องรอยของความตื่นตระหนกพลันท่วมท้นออกมาจากนัยน์ตาของเธอ เพราะนั่นคือเสียงของเซี่ยเจิ้งหัว
แปลกจริง ? เซี่ยเจิ้งหัวควรจะนอนแซ่วอยู่บนเตียงหลังจากกินยาไปแล้วไม่ใช่หรือ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
ครั้นมู่เฉินฮ่าวได้ยินน้ำเสียงอันดุดันของเซี่ยเจิ้งหัว เขาก็ยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยความรู้สึกเศร้า นี่…เจ้าบ้านเซี่ยคงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้วล่ะสิ ?
เซี่ยเจิ้งหัวทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาก้าวออกจากห้อง พร้อมกับชี้นิ้วไปที่เจินเมี่ยวหยูด้วยมือที่สั่นระริก ขณะกล่าวว่า
“เจินเมี่ยวหยู ผมปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำไมคุณถึงยังสวมเขาให้ผมได้ ?”
ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เจินเมี่ยวหยูก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธอหัวเราะเยาะพร้อมกับพูดว่า
“เซี่ยเจิ้งหัว ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของนังเด็กนี่ตาย คุณจะแต่งงานกับฉันมั้ย ?”
เซี่ยเจิ้งหัวเงียบ…
“คุณไม่เคยคิดถึงฉันเลย ! พูดความจริงสิว่า ระหว่างฉิงกงกับชิงฉวน ใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง คุณพูดออกมาสิ !”
“เซี่ยเจิ้งหัวพูดมาสิ ทำไมคุณไม่พูดออกมาล่ะ ? คุณกลัวจะอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าลูกสาวของคุณใช่มั้ย ? กลัวเธอจะรู้ว่าชิงฉวนเป็นพี่สาวใช่รึเปล่า ?
***จบตอน เซี่ยฉิงกงกับชิงฉวน..ใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง ?***